posttoday

พท.แบ่งทีมซักฟอก3กลุ่ม

28 พฤษภาคม 2553

“จตุพร” เผยที่ประชุมส.ส.เพื่อไทยแบ่งอภิปราย 3 กลุ่ม “อภิสิทธิ์ – สุเทพ” “ชวรัตน์ – โสภณ” “กรณ์ – กษิต”  แขวะส่งตรวจคลิปอภิปรายเหตุการณ์ชุมนุมเหมือนดูการบ้านล่วงหน้า         

“จตุพร” เผยที่ประชุมส.ส.เพื่อไทยแบ่งอภิปราย 3 กลุ่ม “อภิสิทธิ์ – สุเทพ” “ชวรัตน์ – โสภณ” “กรณ์ – กษิต”  แขวะส่งตรวจคลิปอภิปรายเหตุการณ์ชุมนุมเหมือนดูการบ้านล่วงหน้า
         

พท.แบ่งทีมซักฟอก3กลุ่ม

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 พ.ค.ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมพรรคเพื่อกำหนดประเด็นและวางตัว ส.ส. การอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าที่ประชุมพรรคได้แบ่งคนและจัดเรื่องการอภิปรายเป็น 3 กลุ่ม 1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กลุ่มที่ 2 . นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ กลุ่มที่ 3 นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยได้แบ่งหน้าที่ผู้อภิปรายแต่ละเรื่องชัดเจนแล้ว ซึ่งมี ส.ส.เสนอตัวจะขออภิปรายกว่า 20 คน แต่การอภิปรายเราจะใช้คนไม่มาก จะเน้นการอภิปรายที่กระชับ ที่เป็นห่วงก็เพียงเรื่องของการประท้วง
         
ตนอยากเสนอให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แสดงความจริงใจที่จะ สั่งลูกพรรคไม่ให้มีการปะท้วงเมื่อฝ่ายค้านเริ่มอภิปราย และฝ่ายค้านก็จะไม่ประท้วงตอนรัฐบาลอภิปรายเช่นกัน โดยให้ประธานรัฐสภาควบคุมโดยตลอดอย่างตรงไปตรงมา เพราะไม่อยากให้ประชาชนเบื่อหน่ายกับการที่จะต้องเห็นการประท้วงตลอดการอภิปราย
          
ส่วนการอภิปรายจะใช้เวลานานเท่าใดนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ในเรื่องการสลายชุมนุมจะพยามให้จบในวันแรก ถ้าไม่จบก็ต้องต่อในวันที่สอง โดยส่วนของตนจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด ส่วนเพื่อน ส.ส.ที่จะต้องอภิปรายเจาะลึกในรายละเอียดและใช้หลักฐานก็จะใช้เวลาเต็มที่ ซึ่งบางเรื่องตนอาจจะลุกขึ้นสลับให้ข้อมูลบ้าง ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย จะเน้นอภิปรายเรื่องของการทุจริต และเป็นผู้สรุปปิดการอภิปราย อย่างไรก็ดีตนเห็นว่า ที่กำหนดเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันนั้นน้อยไป เพราะสมัยพรรคพลังประชาชน ไทยรักไทย เราก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านเต็มที่ จะกี่วันกี่คืนเราก็ไม่ได้ใส่ใจ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านให้ได้อภิปรายมากที่สุด และรัฐบาลก็จะได้ชี้แจง
         
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณี การเปิดคลิปได้หรือไม่นั้น ว่า เป็นการตกลงที่ประหลาดอยู่เหมือนกัน การอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้าเอาหลักฐานไปให้รัฐสภาก่อน 1 วัน มันเท่ากับเอาการบ้านไปให้ฝ่ายรัฐบสาลเตรียมตัวก่อน 1 วัน มันไม่ใช่ปกติในการอภิปรายนั้นต้องไปรู้กันข้างในนั้นในการใช้เอกสาร พยานต่างๆซึ่งคลิปต่างๆมีการตัดต่อจริงก็คือรัฐบาลที่ตัดเสียงพวกตนคนละ 30 วินาที ซึ่งเรื่องจริงปราศัยกันเป็นชั่วโมง ตนบอกว่าให้ประชาชนออกไปศาลากลาง ก็บอกว่าตนเป็นผู้ก่อการร้าย ตนบอกว่าถ้าทีวีจอมืด แสดงว่ามี การปราบประชาชน ให้ไปที่ศาลากลาง และให้ประชาชนใช้ดุลพินิจ ถ้าคำว่าดุลพินิจ คือการสั่งเผา เวลาที่นายกฯใช้ดุลพินิจก็แปลว่าสั่งเผาใช่หรือไม่ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บอกให้ประชาชนไปรวมที่ศาลากลาง ไม่ได้บอกคำว่าเผาซักคำ และก็ไม่ได้มีการสั่งให้เผา แต่กลายเป็นหลักฐานที่ว่าก่อการร้ายแล้ว เช่นเดียวกับกรณีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย
        
 อย่างไรก็ตามที่รัฐบาล พยายามเอาเรื่องความตายของประชาชนมาบอกว่าสมควรแล้วที่มีการตาย เพราะมีการเผาเกิดขึ้น ทั้งที่ความจริงการตายของประชาชนเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว และเหตุการณ์เพลิงไหม้เซ็นทรัลเวิล์ดนั้นไม่เป็นที่น่าสังเกตุบ้างหรือว่า เซ็นทรัลเวิล์ดที่เดิมเป็นของ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีต รมช.พาณิชย์ อดีตส.ส.พรรคพลังประชาชน สมัยของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่ระบบการดับเพลิงของห้างนั้นสมบูรณ์มากก่อนที่จะส่งไปให้คนอื่น ดังนั้นนายวิรุฬน่าจะเล่าอะไรได้ดี เพราะน่าสังเกตุว่าเหตุใดเมื่อเกิดเพลิงไหม้ระบบไม่ทำงาน ขณะที่ช่วงการชุมนุมห้างเซ็นทรัลเวิล์ดดีกับคนเสื้อแดงมากห้องน้ำก็ให้ไปใช้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเผา ดังนั้นอยากให้มีการไปตรวจสอบหน้าตาคนที่เผา และระบบดับเพลิง ขณะที่ห้างเกษรพลาซ่าที่อยู่พื้นที่ใกล้กัน ลูกเขยเป็นผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ ลูกสาวก็เป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์
         
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของการปรองดองที่อ้างว่าไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้าย ตนอยากถามนายอภิสิทธิ์ ว่า แล้วเราคนไทยจะต้องปรองดองกับฆาตกรทรราชที่สั่งทหารทำร้ายประชาชนหรือไม่ ซึ่งการกล่าวหาว่าก่อการร้ายก็เป็นแต่เพียงคำพูดกล่าวหา ส่วนอาวุธในวัดปทุมวราราม ก็มีขึ้นจากการประกาศเคอร์ฟิวไปแล้ว ขณะที่การชุมนุมช่วง 2 เดือนเศษ ตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนถึงแยกราชประสงค์ มีที่ใดบ้างที่ผู้สื่อข่าวไม่สามารถไปได้ ก็ไม่มีไปได้ทุกที่ ทั้งสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ดังนั้นถ้ามีการซุกซ่อนอาวุธก็ต้องเห็น ส่วนอาวุธ และสารเคมี ใดๆที่ยึดก็เกิดขึ้นภายหลังทั้งสิ้น นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าว ที่มีผู้เสียชีวิตก็เป็นประชาชนถึง 77 ราย ถ้ารวมทหารก็เป็น 88 นาย เท่ากับว่าประชาชนสูญเสียชีวิต มากมาย 7 เท่า ขณะที่ประชาชนก็ไม่มีอาวุธ และประชาชนกี่อาชีพเป็นคนรักประธิปไตย ถ้าจะเป็นผู้ก่อการร้ายก็ต้องมีอาวุธ
         
ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะมีการจัดแบ่งกลุ่มส.ส.เป็นกลุ่ม เพื่อเจาะลึกในราลละเอียด เช่น การกล่าวถึงที่มาที่ไปของการชุมนุม ในเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ในวันที่ 10 เมษายน และช่วงหลังในวันที่10 เมษายนจนถึง 19 พฤษภาคม จึงอยากให้รัฐบาลใจกว้าง ที่จะไม่ขอให้มีการนำคลิปที่จะใช้เปผ็นหลักฐานในการอภิปรายไปตรวจสอบเหมือนได้มีการตรวจการบ้านทีจะรู้การบ้านเสียก่อน ซึ่งจะเป็นการเอาเปรียบฝ่ายค้านในการอภิปราย
        
เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องการให้นายจตุพร และนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี ที่ได้ขึ้นเวทีปราศัย ร่วมในการอธิบาย เพราะตกเป็นผู้กล่าวหาในคดีผู้ก่อการร้าย นายจตุพร กล่าวว่า ขณะที่ผู้ที่สั่งฆ่าประชาชน ยังเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แล้วพวกตนที่ถูกกล่าวหา ว่าก่อการร้ายเพียงแค่เพราะเห็นว่าเป็นผู้ที่บอกประชาชนให้รวมตัวที่ศาลากลาง หากมีการปราบปราม แล้วถ้าเทียบข้อกล่าวหาของตน กับที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เคยไปมอบตัว คดีก่อการร้ายบุกยึดสนามบิน คดีดังกล่าวนานกว่า 1ปี 9 เดือนแล้ว ทำไมนายอภิสิทธิ์ ยังตั้งนายกษิต เป็นรมว.ต่างประเทศดังนั้นเหตุใดตนจะไปทำหน้าที่ส.ส.ไม่ได้ ขณะที่พรคประชาธิปัตย์ยังไม่เคยแสดงความรังเกียจนายกษิตเลย แล้วทำไมต้องมารังเกียจตน ถ้าจะรังเกียจต้องรังเกียจนายกษิตด้วย
         
เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่องของการตรวจคลิปก่อนนำไปเปิดอภิปรายหรือไม่หรือ นายจตุพร กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าทีมที่รับผิดชอบการประสานงาน จะจัดการเรื่องดังกล่าวซึ่งตนเห็นว่าการอภิปรายที่ไหนก็ไม่มีการขอตรวจข้อสอบก่อน เพราะท่ารู้ข้อสอบก่อนและรัฐบาลซึ่งมีเทคโนโลยีอาจไปตัดต่อคลิปที่มีความยาว 2ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 10-30 วินาทีแล้วนำไปโยงให้ความหมายจะไม่ตรงกัน ดังนั้นรัฐบาลควรใจกว้างในการตรวจสอบ
         
เมื่อถามว่า หลังจากเสร็จสิ้นวาระการประชุมรัฐสภาแล้ว นายจตุพร หมายจับจะยังมีผลที่จะนำมาใช้ควบคุมตัวได้หรือไม่ ขณะที่ ดีเอสไอ ยื่นเรื่องต่ศาลให้เพิกถอนคุ้มครองสิทธิ ส.ส. นายจตุพร กล่าวว่า ในส่วนของคดีที่ผ่านมาตนได้เข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และได้ขอเวลายื่นเอกสารเกี่ยวกับคำให้การเพิ่มเติมต่อ ดีเอสแอ เป็นเวลา 1 เดือน ดังนั้นถือว่าได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ได้เข้ามอบตัวแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหมายจับหรือหมายเรียก มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ต้องหา เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและให้การซึ่งตนก็ได้ดำเนินการไปแล้ว และถ้าหากจะมีการรอจับเพื่อไปควบคุมตัว ถามว่าจะเป็นเรื่องอะไร