posttoday

กกต.เจอรับน้อง ศึกใหญ่รอพิสูจน์

15 ตุลาคม 2561

กกต.ในเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ที่มีกระบองถึง 3 กระบอง ได้แก่ รัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง สส. และกฎหมายพรรคการเมือง

กกต.ในเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ที่มีกระบองถึง 3 กระบอง ได้แก่ รัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง สส. และกฎหมายพรรคการเมือง

************************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในต้นปี 2562 เกิดขึ้นท่ามกลางความใหม่หลายประการ

เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งรูปแบบใหม่ที่มีชื่อ “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม”ซึ่งใช้ระบบบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว แต่จะเข้ามาชี้ขาดถึง 3 เรื่องด้วยกัน “สส.เขต-สส.บัญชีรายชื่อ-การเลือกนายกฯ” ซึ่งสร้างความปวดหัวให้กับทุกพรรคการเมืองอย่างถ้วนหน้า

พรรคการเมืองใหม่ปัจจุบันมีพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่ภายใต้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหลายพรรค นำมาซึ่งตัวละครหน้าใหม่ที่เคยลงสนามการเมืองมาก่อน รวมไปถึงคนหน้าเดิมที่ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งอาจเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่

นอกจากนี้ ผู้คุมกติกาการเลือกตั้งอย่าง “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) ก็ยังเป็นคนใหม่ป้ายแดงเช่นกัน

การมาของ กกต.ชุดนี้ ที่มี “อิทธิพร บุญประคอง” เป็นประธาน ถูกเพ่งเล็งจากหลายฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง เนื่องจากเข้ามาดำรงตำแหน่งในยุคของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

แม้ว่า กกต.ชุดนี้จะมาโดยถูกตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกประการ แต่ในทางการเมืองแล้วค่อนข้างจะถูกจับผิดเป็นพิเศษพอสมควร

ไม่เพียงแต่เรื่องการเข้ามาสู่ตำแหน่งในยุคของ คสช.เท่านั้น แต่ต้องไม่ลืมว่า กกต.ชุดก่อนควรได้ทำหน้าที่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของตัวเอง ทว่ามาเกิดเหตุการณ์เซตซีโร่โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จึงทำให้ กกต.ชุดปัจจุบันโดนสปอตไลต์ส่องมากกว่า กกต.ในอดีต

ในที่สุด กกต.เดินมาถึงจุดที่กำลังเจอแรงเสียดทานทางการเมืองเข้าอย่างจัง ภายหลังการเลือกตั้งกำลังจะเริ่มขึ้น

ขณะนี้ กกต.กำลังมีเรื่องที่ได้เข้ามาดำเนินการกับพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 เรื่อง ท่ามกลางข้อกังขาหลายประการ

1.การห้ามพรรคการเมืองรับบริจาค พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองแรกๆ ที่โดนไม้เรียวของ กกต. เนื่องจาก กกต.ได้ออกคำสั่งห้าม พรรคอนาคตใหม่ ทำกิจกรรมขอรับเงินบริจาคจากประชาชน

กกต.พยายามให้เหตุผลการทำกิจกรรมดังกล่าวยังไม่ได้รับการปลดล็อกจาก คสช.เพราะการคลายล็อกของคสช.ก่อนหน้านี้กำหนดให้ดำเนินกิจกรรมในบางเรื่องเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ระบุถึงการอนุญาตให้พรรคการเมืองรับบริจาคได้

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาขวางของ กกต.ในครั้งนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เนื่องจากการทำกิจกรรมดังกล่าวไม่น่าจะมีลักษณะของการสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด

2.การยุบพรรคการเมือง ก่อนหน้านี้เกิดกระแสข่าวมาตลอดว่า กกต.กำลังเข้ามาตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อพบกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบพรรคตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองในข้อหาให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเข้ามาครอบงำพรรค

การยุบพรรคการเมืองตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้นจะว่าทำได้ยากก็ไม่เชิง หรือจะมองว่ายุบพรรคได้ง่ายก็ไม่ถูกนัก เพียงแต่มาตรา 92 ที่ระบุถึงเหตุในการยุบพรรคใช้คำว่า “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า...” เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการตีความแบบไม่เคร่งครัด

พรรคการเมืองภายใต้กติกาปัจจุบัน จึงอยู่ในความเสี่ยงที่อาจถูกยุบพรรคได้ทุกเวลา

กกต.เองรู้ถึงแรงเสียดทานตรงนี้ดี มิเช่นนั้นคงไม่ออกมาตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการบอกว่า กกต.ยังไม่มีความคิดที่จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีของพรรคเพื่อไทยมีเพียงแต่การติดตามจากข่าวของสื่อมวลชนเป็นหลัก

“ยืนยันเราเป็นเครื่องมือของกฎหมาย กฎหมายให้ทำอย่างไรต้องทำอย่างนั้นไม่อยากให้พรรคการเมืองทำอะไรผิดกฎหมาย อยากให้เหลืออยู่ทุกพรรคจนถึงเลือกตั้ง” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ระบุ

การยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายฝ่ายจับตามองว่า กกต.จะเอาจริงหรือไม่ เนื่องจากจะมีผลถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายทันที หากการยุบพรรคการเมืองเกิดขึ้นก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งไม่ถึง 90 วัน อันเป็นผลให้สมาชิกพรรคการเมืองไม่สังกัดพรรคใหม่ได้ครบ 90 วัน ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของผู้สมัคร สส.

สถานะของ กกต.เวลานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นยักษ์ที่มีกระบองถึง 3 กระบอง ได้แก่ รัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง สส. และกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งแต่ละกระบองอุดมไปด้วยอำนาจเป็นอย่างมาก ภายใต้หลักการที่ต้องการให้ กกต.ควบคุมการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรม

แต่กระนั้นอำนาจที่มีในมืออย่างมหาศาลกำลังจะเป็นบทพิสูจน์ กกต.ชุดนี้ว่าจะช่วยให้การเลือกตั้งอันเป็นกระบวนการสำคัญของการเปลี่ยนผ่านได้รับการยอมรับจากประชาชนหรือไม่

หรือเป็นเพียงยักษ์ที่มีกระบองแต่ใช้กระบองไม่ถูกที่ถูกเวลา