'ชินวัตร'แลกหมัด เพื่อไทยพร้อมสู้
ภาพการปรากฏตัวของคนในครอบครัวชินวัตรแบบพร้อมหน้ากันทุกคน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เป็นภาพที่มีนัยทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ภาพการปรากฏตัวของคนในครอบครัวแบบพร้อมหน้ากันทุกคนของครอบครัวชินวัตรศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เป็นภาพที่มีนัยทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง
โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พินทองทา คุณากรวงศ์ แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีพินทองทา เดินทางมาให้กำลังใจ พานทองแท้ ชินวัตร ที่ตกเป็นจำเลยในคดีร่วมกันฟอกเงินปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดามหานคร
อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีความเห็นสรุปได้ว่า พานทองแท้ มีความผิดร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5 9 และ 60 และ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4
ขั้นตอนของคดี อัยการในฐานะโจทก์ได้ทำการสั่งฟ้องต่อศาลเป็นที่เรียบร้อย ส่วนพานทองแท้ ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับ ได้รับการประกันตัวด้วยการวาง หลักทรัพย์ราคา 1 ล้านบาท และมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และศาลนัดสอบคำให้การในวันที่ 5 พ.ย. เวลา 10.00 น.
จากกรณีของ พานทองแท้ ดังกล่าวทำให้ได้เห็นท่าทีทางการเมืองของคนในครอบครัวชินวัตร พอสมควรผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์
"พานทองแท้" โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมไม่ได้กระทำผิดตามที่กล่าวหา และไม่มีเหตุผลอะไร ที่คนกู้เงินมา ร่วมหมื่นล้าน จะเอาเงินมาฟอกเพียงแค่ 10 ล้าน แถมบุคคลที่ใช้ให้ฟอกเงิน คือลูกชายของนายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไหมล่ะ"
"แพทองธาร" โพสต์ว่า "ลูกทักษิณไม่เคยได้รับอะไรเหมือนคนอื่นเค้าหรอก ลูกทักษิณได้รับอะไรแรงกว่าคนอื่นเสมอ แต่รู้มั้ย เลือดเนื้อของทักษิณ ก็วิ่งอยู่ในตัวเราทั้ง 3 คนนั่นแหละจะเข้มแข็ง ให้สมกับเป็นลูกทักษิณ"
เช่นเดียวกับ "พินทองทา" ซึ่งแสดงความคิดเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ทำนองเดียวกันว่า "ครอบครัวเราผ่านอะไรกันมาเยอะ ถูกการเมืองเล่นมาเยอะ แต่ก็คิดมาเสมอว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จนกระทั่งมาเป็นเรื่องพี่โอ๊ค มาถึงรุ่นพวกเราแล้วเหรอเนี่ย แต่ในเมื่อจะทำกันขนาดนี้ เราก็คงจะไม่นั่งนิ่งเฉยให้ถูกรังแก"
ทั้งนี้ มีไม่บ่อยนักที่พี่น้องครอบครัวชินวัตรจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตีความเป็น อย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าครอบครัวชินวัตรพร้อมกลับมาสู้ในสนามการเมืองอีกครั้ง
ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากพอสมควร โดยเฉพาะการที่อดีต สส.ชั้นดีของพรรคหลายคนถูกดูดไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการสถาปนาตัวเองเป็นขั้วอำนาจใหม่ทางการเมือง
อีกทั้งเร็วๆ นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเข้ามาตรวจสอบพรรคเพื่อไทยว่ามีการกระทำความผิด อันเป็นเหตุให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้ หรือไม่ ภายหลังปรากฏข่าวสมาชิกพรรคไปทางไปพบอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ต่างประเทศ
การเมืองที่เล่นกันแรงในช่วงหลังและพุ่งตรงมาที่พรรคเพื่อไทย ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยเกิดอาการระส่ำพอสมควร เนื่องจากบรรดาลูกพรรค หลายคนไม่ได้มีความมั่นใจว่านายใหญ่ ยังคงจะลงทุนลงแรงกับสนามเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ จึงเป็นเหตุให้หลายคนเอาใจออกห่างและไปซบพรรคการเมืองอื่นแทน
แต่เมื่อมีคดีของพานทองแท้เกิดขึ้น พร้อมกับสัญญาณที่ส่งออกมาจากคนในครอบครัวชินวัตร จึงเป็นการตอกย้ำว่าชินวัตรและพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าสู้ในสนามเลือกตั้งอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้มากที่สุด
การเลือกตั้งเป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยและครอบครัวชินวัตรได้กลับมามีที่ยืนทางการเมืองเต็มสองเท้าอีกครั้ง นอกจากนี้ จะเป็นการลดอำนาจทางการเมือง ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้น้อยด้วย
จากนี้ไปแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยคงเดินหน้ายุทธศาสตร์เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว ภายใต้ยุทธศาสตร์ "แยกกันเดินแต่ร่วมกันชนะ" โดยให้พรรคเพื่อไทยเน้นเก็บชัยชนะในสนามเลือกตั้ง สส.ระบบ แบ่งเขตเลือกตั้งให้มากที่สุด
ส่วนการเก็บแต้ม สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะเป็นหน้าที่ของพรรคพี่พรรคน้องของพรรคเพื่อไทยอย่าง "พรรคเพื่อธรรม-พรรคเพื่อชาติ" ซึ่งถูกตั้งขึ้นมาเพื่อภารกิจการเป็นผู้แพ้ในเขตเลือกตั้งแต่จะเป็นผู้ชนะใน สส.บัญชีรายชื่อ
เรียกได้ว่าเป็นการย้อนเกล็ดรัฐธรรมนูญที่ต้องการไม่ให้พรรค การเมืองเดียวมีเสียงข้างมาก เด็ดขาด เลยใช้วิธีการตั้งพรรคลูกเพื่อเดินเกมสอดประสานกันในอนาคต
สถานการณ์การเมืองในวันข้างหน้าคงหนีไม่พ้นการหยิบข้อกฎหมายขึ้นมาห้ำหั่นกันแบบไม่มีใครยอมใคร ในเมื่อฝ่ายหนึ่งต้องการเข้าสู่อำนาจ ขณะที่ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้