posttoday

แม้ว-ปู จัดทัพ พท. สู้ คสช.ขาลง

16 กุมภาพันธ์ 2561

ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนด้วยการเปิดตัวคู่กันครั้งแรกของสองพี่น้องอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่างกำลังเลือกซื้อเกาลัด ณ กรุงปักกิ่ง ​ประเทศจีน

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ต้อนรับเทศกาลตรุษจีนด้วยการเปิดตัวคู่กันครั้งแรกของสองพี่น้องอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่างกำลังเลือกซื้อเกาลัด ณ กรุงปักกิ่ง ​ประเทศจีน

เรียกได้ว่าเป็น “สัญญาณ” การเริ่มต้นขยับทางการเมืองของฝั่งพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ในจังหวะเวลาที่สุกงอมได้ที่ และเริ่มเห็นเส้นทางสู่การเลือกตั้งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

จากก่อนหน้านี้ที่จะเห็นว่า “คู่พี่น้องชินวัตร” พยายามเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกมาเคลื่อนไหวในสาธารณะ นับจาก ยิ่งลักษณ์ ไม่ไปปรากฏตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560

มีเพียงแค่ภาพถ่ายระหว่างการช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าประเทศอังกฤษ เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งปลุกให้เกิดกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี

การเปิดตัวสู่สาธารณะครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการหวนคืนกลับสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว และ ประกาศตัวชนกับ คสช.อย่างเต็มรูปแบบ

ประการแรก แสดง​ “ศักยภาพ” ของตัวเองทำให้เห็นว่า ทั้ง ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ยังเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก สามารถเดินทางไปไหนมาไหนก็ได้ ทั้ง อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง โดยที่ทางการไทยไม่สามารถติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี

คล้ายจะทำให้เห็นว่าแม้ คสช. ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทางการเมือง แต่ก็ไม่สามารถติดตามตัวขอความร่วมมือกับนานาประเทศให้ส่งตัว ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ซึ่งต้องคำพิพากษาให้กลับมาดำเนินคดี

ประการที่สอง เป็นการส่งสัญญาณผนึกกำลังลงสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อสกัดไม่ให้อดีต สส. แกนนำพรรคต้องไหลออกไปตั้งพรรคใหม่ หรือถูกดูดไปอยู่พรรคอื่น

ภายหลังเริ่มมีการขยับประกาศตัวเตรียมตั้งพรรคใหม่ ทั้งจากฝั่งอดีตคนการเมือง หรืออดีตคนจากกองทัพที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะสนับสนุน คสช.กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง

ที่สำคัญด้วยระบบตามกฎกติกาใหม่ที่ออกมา​ ทำให้พรรคเก่าเสียเปรียบพรรคใหม่ และยากที่จะมีพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สถานะของพรรคใหญ่จึงยิ่งสั่นคลอน

ยังไม่รวมกับระบบบรรดาคดีความที่ติดตัวแกนนำเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ที่สะกดไม่ให้พรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในช่วงที่บ้านเมืองยังอยู่ในภายคำสั่ง คสช.

การเร่งสร้างเสถียรภาพภายและเอกภาพภายในพรรคจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เพื่อไทยต้องรีบดำเนินการ

ในวันที่หัวขบวนอย่าง ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเคยถูกชูเป็นนายกฯ ในการหาเสียงเมื่อครั้งที่แล้ว มารอบนี้ ไม่อาจกลับมานำทัพได้อย่างเดิม ขณะที่แต่ละมุ้ง แต่ละวังก็ยังไม่อาจเห็นพ้องหาข้อสรุปว่าจะชูใครมานำทัพต่อไป

กระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ ทักษิณ ที่จีน เพื่อหาข้อยุติให้ได้ว่าคนที่จะนำทัพเพื่อไทยคนต่อไปจะเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้จะเป็นไปได้หรือไม่

ดังจะเห็นว่าที่ผ่านมามีทั้งเสียงเชียร์ และเสียงค้าน หากไม่รีบหาข้อยุติ ย่อมกระทบต่อไปถึงการหาเสียงที่ใกล้จะเกิดขึ้น

รวมทั้งหากยังไม่ทำความชัดเจนให้ปรากฏ ย่อมไม่อาจสกัดกระแสไหล หรือกระแสดูด ที่เข้มข้นขึ้น ​

ที่สำคัญ การเปิดหน้าสู้ คสช.เวลานี้ ย่อมเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะคะแนนนิยมของ คสช. เริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ หลังต้องเผชิญมรสุมที่กำลังรุมเร้าต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นปมปัญหาจากเลื่อนการเลือกตั้งที่ทำลายความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง รวมทั้งเรื่องนาฬิกา ที่เขย่าความเชื่อมั่น คสช.​ไม่แพ้กัน

ดังปรากฏเริ่มมีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล คสช.อย่างต่อเนื่อง จนบรรดาแกนนำถูกดำเนินคดีตามมาตรการสกัดการเคลื่อนไหวไม่ให้ลุกลามบานปลาย

อีกด้านหนึ่งผลสำรวจความคิดเห็นโพลศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในหัวข้อ “คนอีสานกับการ (จะได้) เลือกตั้ง” ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 2-4 ก.พ. 2561 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,161 ราย ในภาคอีสาน 20 จังหวัด

ที่น่าสนใจคือกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 39.7% สนับสนุนพรรคเพื่อไทย รองลงมา ​26.9 เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจ เลือกพรรคใด ตามมาด้วย 10.4% สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ 6.6% สนับสนุนพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 3.4% สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย 0.9% สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา 0.7% สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และ 0.7% สนับสนุนพรรคพลังพลเมือง ขณะที่ 10.7% จะไม่ไปเลือกตั้งหรือไม่เลือกพรรคใด

สะท้อนให้เห็นว่าแม้จะผ่านกระบวนการแช่แข็งหรือบอนไซมากว่า 4 ปี แต่คะแนนนิยมพรรคที่เคยผูกขาดคะแนนเสียงข้างมากยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันในพื้นที่อีสาน ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานเสียงสำคัญของเพื่อไทย 

ตรงกันข้ามพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยังไม่อาจเรียกคะแนนนิยมได้ ตอกย้ำสภาพความเป็นจริง ที่อาจทำให้ คสช.ต้องกลับมาคิดทบทวนยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวนับจากนี้ต่อไป

จังหวะเวลานี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่เพื่อไทยต้องรีบดำเนินการเร่งสร้างความเข้มแข็งให้พรรคในช่วงขาลงของ คสช.