posttoday

เอสเอ็มอีเผยคู่ค้าทยอยหนีไปเพื่อนบ้าน

10 พฤษภาคม 2557

เอสเอ็มอีเผยรอบนี้ลูกค้าต่างชาติเผ่นจริงไม่ใช่แค่ขู่หลังการเมืองไร้จุดจบ ให้คำตอบลูกค้าไม่ได้ สถานการณ์จบเมื่อใดฉุดความเชื่อมั่นดิ่ง เรียกร้องทุกฝ่ายยุติปัญหาเดินหน้าเลือกตั้ง

เอสเอ็มอีเผยรอบนี้ลูกค้าต่างชาติเผ่นจริงไม่ใช่แค่ขู่หลังการเมืองไร้จุดจบ ให้คำตอบลูกค้าไม่ได้ สถานการณ์จบเมื่อใดฉุดความเชื่อมั่นดิ่ง เรียกร้องทุกฝ่ายยุติปัญหาเดินหน้าเลือกตั้ง

นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (เอทีเอสเอ็มอี) เปิดเผยว่า  ขณะนี้คู่ค้าต่างชาติของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้หันไปสั่ง ซื้อสินค้าในประเภทเดียวกัน กับประเทศคู่แข่งแทนแล้ว  เช่น อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม หลังเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองของไทยไม่สามารถยุติได้ภายในกลางปีตามที่ผู้ประกอบการไทยเคยระบุไว้

“ขณะนี้เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง และการที่การเมืองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะจบเมื่อใดทำให้ส่วนที่เป็นภาคส่งออกคู่ค้าที่แค่เตือนว่าถ้าในไทยไม่แน่นอนอาจจะหันไปซื้อสินค้าเพื่อนบ้านตอนนี้ไปจริงแล้ว แต่ก็เกิดปัญหานี้กับบางสินค้าเท่านั้น เพราะไทยยังมีข้อได้เปรียบที่สินค้ามีคุณภาพสูงกว่า แต่ถ้าการเมืองยังไม่จบปัญหาก็คงแย่ขึ้นเรื่อยๆ” นางเพ็ญทิพย์ กล่าว

นางเพ็ญทิพย์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ทางการค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนั้น ขณะนี้ทั้งปริมาณยอดขาย และกำลังการผลิตในไตรมาส 1 ปรับตัวลดลงประมาณ 20 %ที่ไม่ได้ทรุดลงหนักเพราะส่วนหนึ่งมีธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก ยังขยายตัวได้บ้าง แต่ที่มีปัญหาที่ปรับลดลงมาก คือ ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่พึ่งพากำลังซื้อในประเทศ ส่วนการปรับตัวของผู้ประกอบการตอนนี้คือลดกำลังการผลิต ลดการลงทุนใหม่  แต่ยังไม่ปลดแรงงาน  โดยหันมาใช้วิธีลดการทำค่าล่วงเวลา(โอที)  เนื่องจากยังเชื่อว่า สถานการณ์ทางการเมือง จะยุติได้เร็วๆ นี้ จึงต้องรักษาแรงงานที่มีฝีมือ เพื่อรอสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย และกำลังซื้อของประชาชนกลับคืนมา ก็จะเดินหน้าผลิตสินค้าได้เช่นเดิม

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสมาคม ฯ ได้หารือร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)  ถึงโครงการตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยสมาคมฯ ได้รวมกลุ่มผู้ประกอบการประมาณ 40 ราย นำร่องไปตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าในเบื้องต้นแล้ว และจะเปิดเป็นทางการประมาณปลายเดือนมิ.ย. – ต้นเดือนก.ค. ซึ่งส่วนนี้เป็นการออกไปหาตลาดต่างประเทศ เพื่อชดเชยกำลังซื้อตลาดในประเทศที่ชะลง

นอกจากนี้ได้วางโครงการจะจัดงานแสดงสินค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย (ไทยเทรดเอสเอ็มอี) ที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองย่างกุ้ง  เบื้องต้นได้ตั้งเป้าหมายว่า จะจัดเป็นงานใหญ่ ให้ในประเทศเมียนมาร์รู้จักทั้งประเทศ  โดยจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยเข้าร่วมงานกว่า 200 บูธ เชื่อว่า จะได้รับกระแสตอบรับดีจากประชาชนในประเทศพม่าแน่นอน เนื่องจากสินค้าไทย เป็นที่รู้จัก และชื่นชอบในเรื่องคุณภาพสินค้าดี ราคาไม่สูงมากอยู่แล้ว และถ้าเป็นไปได้จะจัดงานไทยเทรดเอสเอ็มอี ในประเทศเมียนมาร์ทุกๆ ปี และเป็นช่วงเวลาเดียวกัน คือประมาณเดือน มี.ค. ของทุกปี

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางภาคเอกชนบางรายมีปัญหาการเกี่ยวกับชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองไทยกับคู่ค้าชาวต่างชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ชี้แจงว่า สถานการณ์จะยุติได้ภายในไตรมาส 2 แต่สถานการณ์ล่าสุด ยังไม่มีทีท่าว่า จะยุติและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้งได้เมื่อใด ทำให้คู่ค้าชาวต่างชาติบางส่วนเกิดความไม่มั่นใจในสถานการณ์ในการเมืองเมืองไทย และส่งผลต่อความเชื่อมั่นว่า จะสามารถส่งสินค้าให้เขาได้ทันหรือไม่  ทางภาคเอกชน จึงต้องการเรียกร้องให้ทุกฝ่าย เร่งยุติปัญหาและเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เดินหน้านโยบายสำคัญๆ เบิกจ่ายงบประมาณที่จำเป็นๆ โดยเร็วที่สุด