posttoday

ครูนกกระจาบ

16 กรกฎาคม 2554

วันนี้ขออนุญาตไม่ใช่เรื่องของ Destination สักวัน เพราะเห็นว่านกกระจาบเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนกรุงผู้สัมผัสอยู่

วันนี้ขออนุญาตไม่ใช่เรื่องของ Destination สักวัน เพราะเห็นว่านกกระจาบเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนกรุงผู้สัมผัสอยู่

โดย...จำลอง บุญสอง

วันนี้ขออนุญาตไม่ใช่เรื่องของ Destination สักวัน เพราะเห็นว่านกกระจาบเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนกรุงผู้สัมผัสอยู่แต่กับตึกและรถราที่พ่นละอองน้ำมันควันดำคลุมอยู่เหนือฟ้า ไม่ค่อยได้สัมผัสกับชีวิตธรรมชาติมากนัก

ผมขอที่จะยังไม่เปิดเผยแหล่งนกกระจาบที่ไปถ่ายมาให้ดูนะครับ เพราะเกรงว่าเจ้าของบ้านเขาจะเดือดร้อนกับข้อเขียน แต่ก็อยู่แถวๆ พระนครศรีอยุธยาแหล่งปลูกข้าว ปลูกโรงงานในวันนี้แหละครับ แต่นกกระจาบไม่ใช่มีแต่ที่อยุธยาเท่านั้นนะครับ ยังมีแหล่งนกกระจาบอีกเยอะแยะย่านปลูกข้าวภาคกลาง ไม่ว่าจะเป็นอ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา แม้แต่แถบมีนบุรี หนองจอก ของ กทม.

ครูนกกระจาบ

นกกระจาบบ้านเราตามรายงานเขาว่ากันว่ามีแค่ 3 กลุ่มพวกเท่านั้น พวกแรกก็คือนกกระจาบธรรมดา อกไม่มีลาย พวกที่สองคือนกกระจาบอกลายจุดสีน้ำตาล และพวกที่สามคือนกกระจาบทอง

นกกระจาบถึงแม้บางพันธุ์หัวจะสีเหลืองน่ารัก บางพันธุ์ตัวจะสีเหลืองน่ารักเป็นอาภรณ์ประดับทุ่งก็ตาม แต่มันก็เป็นศัตรูของชาวนาโดยตรง เพราะแอบไปกินข้าวรวงทองของชาวนาเป็นอาหาร

ความจริงแล้วนกที่กินข้าวในทุ่งก็ไม่ใช่มีแต่เจ้านกกระจาบเท่านั้น แต่ยังมีนกอื่นๆ ที่ยังลอยนวลกินข้าวของชาวนา ไม่ว่าจะเป็นนกกระจอก นกพิราบ ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้กินข้าวแต่ในนาเท่านั้น มันยังตามไปกินข้าวตามโรงสีอีกต่างหาก และด้วยความสามารถในการแสวงหาอาหารของเจ้านกสองชนิดนี่เองที่ทำให้มันสามารถขยายพันธุ์ได้ดีที่สุดในจำนวนนกทั้งหลาย ไม่งั้นเราคงไม่เห็นทั้งนกกระจอกและนกพิราบในที่ต่างๆ ในโลก ไม่เว้นแม้แต่ในพื้นที่ที่หนาวยะเยือก

ครูนกกระจาบ

อีกาก็เป็นสุดยอดแห่งนกด้วยเช่นกัน เพราะเราสามารถเห็นอีกาได้เช่นเดียวกับนกสองชนิดนี้

เมื่อพูดถึงอีกาแล้วก็อดพูดถึงกาเหว่าไม่ได้ มีนกชนิดเดียวที่อีกาเอาชนะไม่ได้ก็คือเจ้ากาเหว่านี่แหละ ท่านผู้อ่านเคยฟังเพลงเจ้านกกาเหว่าไข่ไว้ให้แม่กาฟักไหมครับ ผมนึกว่าเพลงที่เขาร้องมานั้นไม่ได้มาจากเรื่องจริง แต่คนตามทุ่งตามท่าเขาบอกว่าเป็นเรื่องจริงครับ เพราะเจ้ากาเหว่านี่ไม่สร้างรังของตัวเอง เห็นรังอีกาอยู่ที่ไหนมันจะไปเขี่ยไข่ของอีกาทิ้งแล้ววางไข่ของมันเอาไว้ให้อีกาฟัก แม่อีกาก็ฟักไข่ของกาเหว่าไปโดยนึกว่าไข่ของตัวเอง ครั้นลูกนกกาเหว่าออกจากไข่ แม่กาก็เอาอาหารมาป้อนเหมือนลูกของตัวเองนั่นแหละ ใกล้บ้านที่ผมไปถ่ายนก เห็นผมไปถ่ายนกแทบทุกวันก็มาคุยให้ผมฟังเรื่องความเจ้าเล่ห์ของกาเหว่า เพราะที่บ้านแกมีเจ้านกเอี้ยงมาทำรังอยู่ใกล้ๆ บ้าน เจ้ากาเหว่าก็เล่นพิเรนทร์กับเจ้านกเอี้ยง คือแอบเขี่ยไข่เจ้านกเอี้ยงทิ้งไป แล้วไข่ของมันให้เจ้านกเอี้ยงฟัก พอลูกออกมาเจ้านกเอี้ยงก็ต้องบินมาหาอาหารป้อนลูกชาวบ้าน ผมไปไม่เจอเจ้านกเอี้ยงป้อนลูก นกกาเหว่า เพราะไปตอนเย็นได้ยินแต่เสียงของลูก นกกาเหว่าร้องหาแม่ตัวปลอมเพื่อขออาหาร ถ่ายได้แต่เจ้าลูกนกกาเหว่าตัวนี้เอาไว้แล้วรีบกลับบ้านเพราะเย็นมากแล้ว ถ้าว่างพอและนกกาเหว่าไม่โตจนออกไปหาอาหารเองได้ ผมจะถ่ายภาพนกเอี้ยงเลี้ยงลูกนกกาเหว่ามาให้ท่านผู้อ่านดูครับ แต่จะทันมันโตแล้วหรือไม่ก็แล้วแต่โอกาสครับ

ครูนกกระจาบ

ท่านผู้อ่านสังเกตหรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยเห็นอีกาใช่ไหมครับ แต่ได้ยินเสียงร้องของนกกาเหว่าแทบทุกวัน อีกามีเยอะแถวเขาดิน แต่รอบๆ ปริมณฑลเป็นพื้นที่ของกาเหว่าทั้งนั้น นี่แหละคือผลงานของกาเหว่า

เอาล่ะ กลับมาว่าถึงเรื่องกระจาบกันดีกว่า เพราะหัวเรื่องเป็นเรื่องนกกระจาบ

นกกระจาบทำรังอย่างไร

มันทำรังก็ด้วยการใช้ปากอันแข็งแรงของมันไปฉีกเอาหญ้าคาบ้าง ต้นกกบ้างที่อยู่ตามทุ่งนาที่มันอาศัยหากินข้าวนั่นแหละเอามาสานรัง

ครูนกกระจาบ

ผมไม่เคยดูนกกระจาบสร้างรังตั้งแต่แรกสักครั้ง เห็นแต่ตอนที่มันสร้างกันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่โครงรังที่สร้างนั้นก็ไม่ได้ออกสีน้ำตาล แต่ยังเป็นสีเขียว ซึ่งหมายถึงว่ามันสร้างมาได้ไม่นานนัก เสียดายอย่างเดียวที่ผมไม่ได้มีโอกาสเห็นตอนมันเอาหญ้าเส้นแรกมาทำรัง เพราะจะได้รู้ว่ามัน “นับหนึ่ง” กันได้อย่างไร แต่ที่เห็นด้วยตาก็คือมันคาบเอาหญ้าเขียวจากทุ่งนามาพันตามกิ่งไม้ หลังจากนั้นก็สอดปลายหญ้าเขียวด้วยปากของมันไปเรื่อยๆ จนชิ้นหญ้าสดกลายเป็นหลังคาหลังคุ้มหัวมัน

พอได้หลังคาแล้วมันก็เอาหญ้ามาสานต่อลงมาเรื่อยๆ ตามแรงดึงดูดของโลก ยาวสักคืบครึ่งคืบก็ทำให้เป็นกระพุ้งเอาไว้เพื่อเป็นที่วางไข่ของตัวเมีย ผมดูเจ้าตัวผู้เอาหัวดันหญ้าให้โป่งป่องออกไปเป็นกระพุ้งแล้วก็ตื่นตาว่ามันเอาวิธีการนี้มาจากไหน พอได้กระพุ้งแล้วมันก็สานต่อจนเป็นปล่อง แต่เป็นปล่องที่แคบๆ เพื่อให้ตัวเมียที่มีความสามารถเฉพาะตัวบินเข้าไปไข่และฟักต่างจากรังตัวผู้ ที่พอทำหลังคาเสร็จแล้วมันก็จะทำคอนระหว่างหลังคาฝาชีเอาไว้เกาะนอน ไม่ได้ทำเป็นกระพุ้งและปล่องยาวลงมาแบบรังตัวเมีย

ครูนกกระจาบ

ถึงผมไม่ได้ดูมันสร้างรังแบบนับหนึ่ง แต่ผมก็ได้ดูมันซ่อมยอดรังที่ติดอยู่กับกิ่งไม้บ่อยๆ ครับ คือพอมันเห็นว่าหัวรังของมันคลอนด้วยเพราะมีอายุมากแล้ว มันก็จะบินไปเอาหญ้าใหม่มาซ่อมยอดรังที่ติดกับกิ่งไม้ทุกๆ ครั้ง แต่ถ้ามันเห็นว่ารังชราเกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว มันก็จะทิ้งรังเดิมหันมาสร้างรังใหม่ที่จะให้อายุที่ยาวนานกว่า

ผมเห็นความอุตสาหะของมันแล้วก็ต้องขอแสดงความนับถือบรรดาพวกนกกระจาบกันเป็นพิเศษ เพราะมันขยันทำรังกันเหลือเกิน เข้าใจว่าทำกันตลอดชีวิตทีเดียว ที่ทำกันตลอดชีวิตก็เพราะหญ้าหรืออุปกรณ์สร้างรังในแต่ละรังนั้นมีอายุการใช้งานจำกัด ปากของมันไม่สามารถฉีกเอาไผ่สีสุกหรือหวายเหนียวที่คนเอามาทำเฟอร์นิเจอร์ได้ ฉีกได้คาบได้ก็แต่เฉพาะ “หญ้า” ที่มีอายุการใช้งานไม่นาน ตามทุ่งตามท่านั่นแหละมาทำ รังหนึ่งก็เพียงชั่วการผสมพันธุ์และการฟักไข่ (ซึ่งกินเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์)เท่านั้น หลังจากนั้นหญ้าก็จะแห้งกรอบและร่วงลงมาจากปลายไม้ที่มันใช้ทำรังไปตามอายุขัยของหญ้าแห้งที่โดนลมแรงโยกไปโยกมา

ครูนกกระจาบ

รังที่ร่วงลงมาเหล่านี้แหละครับที่คนไปเก็บเอามาขายหรือเอามาประดับร้าน (แต่ถ้ารังนกกระจาบยังเขียวๆ อยู่ก็เชื่อขนมได้เลยว่ามีการขโมยจากนกเอามาขาย 100%) ส่วนรังที่ไม่ถูกเก็บมาขายก็เน่าเปื่อยไปตามธรรมชาติ

ผมเห็นมีแต่นกกระจาบตัวผู้เท่านั้นที่ถักทอรัง ตัวเมียไม่เห็นหรือผมก็ไม่ได้สังเกตก็ไม่ทราบ ตัวเมียมีแต่ออกมาตากแดด ไซ้ขนแต่งองค์สักพักก็บินไปหากิน กินเสร็จก็บินกลับมาอยู่ไซ้ขนบนกิ่งไม้ เพื่อรอตัวผู้บินมาผสมพันธุ์ หลังจากนั้นถ้าไม่บินไปหากินก็กลับเข้าไปอยู่ในรังเหมือนเดิม ปล่อยให้ตัวผู้บินไปคาบหญ้ามาสร้างและซ่อมรังไปตามสัญชาตญาณ เนื่องด้วยระยะเวลาที่ผมทำเรื่องนี้น้อยนักจึงยังไม่ได้ศึกษาเรื่องอายุของรังและอายุของนกกระจาบว่าจะยาวนานสักเท่าใด เอาไว้ศึกษานานกว่านี้ผมจะเอามาเล่าต่อ

นกกระจาบไม่มีใครไปสอนมันทำรังหรอกครับ มันทำตามสัญชาตญาณของมัน ตัวผู้ทำรังเป็นกันทุกตัว เข้าใจว่านับตั้งแต่วันที่อยากจะมีเมีย รังนกกระจาบล้วนมีแพตเทิร์นแบบเดียวกัน คือรังตัวผู้จะมีหลังคาและมีคอนเอาไว้เกาะคอยเป็นยามระวังภัยให้ตัวเมีย ส่วนรังตัวเมียจะเป็นท่อยาวลงมาแล้วมีกระพุ้งเอาไว้นอนกกไข่ ต่อจากกระพุ้งรังก็จะเป็นท่อต่อลงมา และมีทางเข้าทางเดียวสำหรับตัวเมีย (ยกเว้นตัวผู้จะเข้าไปซ่อมรังหรือเข้าไปดูแลความเรียบร้อยเวลาตัวเมียออกไปหากิน) และอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านด้วยว่าปากรูรังตัวเมียนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงไม่กี่เซนต์ คือพอตัวมันลอดได้เท่านั้น ผมเห็นมันบินเข้าบินออกแล้วไม่เชื่อว่ามันจะแม่นรูเหมือนจับวางอย่างนั้น พวกแชมป์บิลเลียดยังสู้มันไม่ได้เลย ผมไม่เคยเห็นมันบินชนรังสักที แม้จะมีลมโยกโบกพัดแรงเพียงใดก็ตาม

ครูนกกระจาบ

ผมไปเฝ้าดูการทำหมู่รังของนกกระจาบ (ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นสัตว์สังคม คือชอบทำรังกันเป็นหมู่เป็นพวก) หลายครั้ง ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง แรกๆ ไปก็ชื่นชมในความวิริยอุตสาหะของนกแต่ละตัว แต่นานไปจึงรู้ว่า นกกระจาบ “บางตัว” “ขี้โกง” ไม่ต่างจาก “คน”

ที่ว่าขี้โกงก็คือนกเจ้าของรังที่อยู่ข้างๆ บินไปหากินหรือไปคาบหญ้าในทุ่ง เจ้านกตัวผู้ขี้โกงที่ทำรังอยู่ใกล้เคียงก็กระโดดไปดึงหญ้าสีเขียวที่สานอยู่ที่รังของเจ้านกที่เพิ่งบินไปเอามาสานรังของตนแบบหน้าด้านๆ มันไม่สนใจเลยว่า ยังมีผมที่กำลังมองดูความเจ้าเล่ห์ของมันอยู่ด้วยความหมั่นไส้ พอเจ้าของรังตัวจริงกลับมามันก็แกล้งทำเป็น “ไม่รู้ไม่ชี้” ซ่อมสร้างรังของมันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเสร็จก็บินไปกางปีกไซ้ขนอยู่บนกิ่งไม้ข้างๆ พลางชำเลืองมองดูว่าเจ้าของรังที่มันไปขโมยหญ้ามานั้นไปหรือยัง พอเจ้าของรังโผบินไปปั๊บ เจ้าขี้ขโมยตัวดังกล่าวก็บินไปดึงหญ้าเขียวที่รังของเพื่อนทันทีโดยไม่แคร์เมียเพื่อนที่นอนอยู่ในรังข้างๆ เลย

ครูนกกระจาบ

ผมดูเพื่อนบ้านคู่นี้ (และหลายๆ คู่) ทะเลาะกันบ่อยๆ ครับ แต่มันก็ไม่ได้ตีกันนานแบบคนเหลืองกับคนแดงในวันนี้ นกตีกันพักเดียวก็แยกกันไปสานรังมันต่อ จะมีปัญหาอีกทีก็คือเวลาเพื่อนบ้านกำลังผสมพันธุ์กันบนกิ่งไม้ข้างๆ หรือหลังคารัง เจ้าขี้อิจฉาตัวนี้ก็จะบินเข้าไปโจมตีข้างหลัง โดยคู่ทะเลาะไม่มีทางหันมาต่อสู้ได้เลย โจมตีเสร็จก็บินกลับมาที่รังของตัวหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้เพื่อนบ้านพร้อมเมียพลัดตกจากหลังคารังหน้าตาเฉย ถ้าผมจับภาพไว้ไม่ได้ก็จะไม่รู้เลยว่าเจ้าตัว “เกเร” นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

นกกระจาบนี่ทะเลาะกันบ่อยครับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน (นกกระจาบจะทำรังกันเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มก็มีรวงรังที่แตกต่างกัน บางกลุ่มก็มีรวงรังมากถึง 50 รังทีเดียว)ช่วงไหนที่ตัวเกเรกลับรัง ตัวอื่นๆ ก็จะร้องเจี๊ยวจ๊าวกระพือปีกเพื่อแสดงอาณาเขตของตัว หรือบอกว่าอย่ามายุ่งกับข้านะ สังคมของนกกระจาบเป็นสังคมที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการศึกษาเช่นเดียวกับนกประเภทอื่น เสียดายที่โรงเรียนที่มีรังนกกระจาบอยู่ใกล้ๆ ไม่ให้เด็กไปสังเกตและเรียนรู้ ถ้าให้เด็กไปเรียนรู้ก็จะเพิ่มศักยภาพของเด็ก ทั้งในการศึกษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สิ่งแวดล้อมและวิชาอื่นๆ ได้ดี ผมแนะนำว่าโรงเรียนที่มีนกทำรังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนกปากห่าง นกกระยาง นกกระจอก หรือสัตว์อื่นใดก็ควรใช้สิ่งที่มีอยู่ใกล้ตัวเด็กให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้เสีย ก็จะช่วยพัฒนาการของเด็กได้มาก

ขอเพิ่มเติมอีกสักนิดครับ ท่านผู้อ่านรู้จักนกกาเหว่าไหม ครับ นกกาเหว่าที่ร้องกาเว้าๆๆๆ อยู่ตามคาคบไม้สูงนั่นแหละ ตัวผู้สีดำคล้ายอีกาก็ใช่ คล้ายนกเอี้ยงก็ใช่นั่นแหละ ตัวเมียลาย

ครูนกกระจาบ

ด้วยเหตุที่ว่ารูปร่างมันคล้ายกับเจ้านกสองชนิดนี่แหละ ไข่ของนกทั้งสองจึงเป็นเหยื่อแห่งความเจ้าเล่ห์ของเจ้ากาเหว่า คือถูกเขี่ยไข่ทิ้งทั้งคู่แล้วเจ้านกกาเหว่าเข้าไปวางไข่แทน

หลังจากไข่ฟักออกมาเป็นตัวแล้ว เจ้านกทั้งอีกาและเอี้ยงก็เฝ้าฟูมฟักลูกกาเหว่าไป โดยไม่รู้ว่าเป็นลูกของนกพันธุ์อื่น จนเป็นที่มาของคำบอกเล่าเรื่องนกกาเหว่าไข่ไว้ให้แม่กาฟักจนออกมาเป็นเพลงให้เราฟัง ที่ที่ผมไปถ่ายทำเรื่องนกกระจาบนั้นก็มีเรื่องราวความเจ้าเล่ห์ของกาเหว่า แต่ไปกระทำกับนกเอี้ยงครับ เอาไว้ผมถ่ายภาพเจ้านกเอี้ยงป้อนลูกนกกาเหว่าได้ผมจะเอามาโชว์ท่านผู้อ่านเพื่อยืนยันเรื่องนี้ครับ แต่จะได้หรือไม่ได้แล้วแต่โอกาสครับ ถ้ามันโตไปก่อนก็หมดสิทธิ

มีกระทู้หลายกระทู้เรื่องว่าจะทำอย่างไรที่จะไล่นกกระจาบไปจากทุ่งนาสีทองเพราะมันกินข้าวเปลือก บ้างก็ว่าเอาตาข่ายมาดักเอาไปปิ้งกิน บ้างก็ว่าขึงเส้นเอาไว้และใช้แผ่นซีดีเก่าๆ มาผูกไล่ บ้างก็ว่าใช้ประทัดหรือเสียงอะไรก็ได้ที่ดังๆ

ผมเองตอนเป็นเด็กๆ ก็ไล่ยิงนกด้วยความคะนอง ไม่ได้กินได้อยู่อะไรหรอกครับ สมัยโน้นนกมากกว่านี้เยอะ เพราะทุ่งนายังไม่ได้อยู่ในยุคทุนนิยมเต็มรูปอย่างนี้ โรงงานกับบ้านจัดสรรก็ไม่กินที่ไปมากกว่านี้สิ่งแวดล้อมก็ยังดีอยู่ แต่ตอนนี้นกมันน้อยลงมาก ผมก็เลยสงสารนก แต่ขืนสงสารนกโดยไม่สงสารชาวนาก็ไม่ถูกอีก วันนี้ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมัน เพียงแต่เอารูปนกกระจาบที่ยังหลงเหลือในท้องทุ่งมาให้ท่านผู้อ่านได้ดูได้ชม ชมเสียก่อนที่มันจะเป็นนกกระจาบฝูงสุดท้ายของท้องทุ่งที่มีให้เราดู

ถึงมันจะเจ้าเล่ห์ไปบางตัว แต่ความเจ้าเล่ห์ของมันก็เป็นครูได้ ถ้าไม่มีสิ่งผิดเราก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งถูก ไม่มีเผด็จการ เราก็จะไม่รู้ว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ขอบคุณ “ครูนกกระจาบ”