สาวหน้าใสมากมายความสามารถ ญาณิศา ตัณศลารักษ์

ดาวมหาวิทยาลัยฉบับนี้ มีโอกาสได้เข้าไปในรั้วจามจุรี คุยกับสาวน้อยมากความสามารถ อารมณ์ดี และรักสุขภาพ น้องแก้มญาณิศา ตัณศลารักษ์ นิสิตปี 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดย...สมชาย บุญเหลือ

ดาวมหาวิทยาลัยฉบับนี้ มีโอกาสได้เข้าไปในรั้วจามจุรี คุยกับสาวน้อยมากความสามารถ อารมณ์ดี และรักสุขภาพ น้องแก้มญาณิศา ตัณศลารักษ์ นิสิตปี 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ชีวิตในวัยเด็กของเธอ ต่างกับเด็กในวัยเดียวกันอีกหลายคน ต้องเรียนค่อนข้างหนัก จริงจัง และทำกิจกรรมหลายอย่างควบคู่ไปด้วย ตอนเรียน ม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต้องไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ที่สหรัฐอเมริกาในโครงการแลกเปลี่ยนของเอเอฟเอส ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนมา 1 ปีเต็ม เก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรมาเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะด้านภาษา

กิจกรรมที่ทำแล้วประทับใจไม่รู้ลืม เคยเป็นยุวมัคคุเทศก์ในงานเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เมืองทองธานี เธอได้รับเลือกเป็น 1 ใน 60 ยุวมัคคุเทศก์ ที่ต้องคอยแนะนำเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับในหลวงของเราให้คนมาเที่ยวงานได้ทราบ

นอกจากนั้น เคยจัดรายการวิทยุของจุฬาฯ ในโครงการคำพ่อสอน ซึ่งติด 1 ใน 9 ของการประกวด เรื่องความสวยความงามก็ไม่เป็นสองรองใคร เคยได้รับเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ สมัยเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ ด้วย

แก้ม เล่าว่า พอมาเรียนมหาวิทยาลัยไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม เพราะเคยทำมาหมดแล้ว จึงอยากตั้งใจเรียนให้สุดๆ มากกว่า

ความตั้งใจแต่แรกเริ่มอยากเรียนนิเทศศาสตร์ จะได้เหมือนคุณแม่ที่จบนิเทศฯ จุฬาฯ แต่ความคิดก็มาเปลี่ยน หากเรียนด้านการตลาดจะสามารถนำความรู้ไปต่อยอดธุรกิจของที่บ้านได้ คือ ธุรกิจการทำป้ายโฆษณา

พอเรียนมาเรื่อยๆ จนถึงปี 3 แก้มก็เริ่มรู้แล้วว่าสิ่งที่เลือกเรียนใช่เลย ไม่ผิด จึงมีความสุขกับวิชาที่เรียนมาก การเรียนคณะพาณิชยศาสตร์ฯ ทำให้ฝึกความคิดได้อย่างเป็นระบบ การเรียนบัญชีแม้จะหนัก มีตัวเลขมาก แต่ถ้ามีความขยันใส่ใจกับการเรียนก็ไม่ยากเลย

ผลจากการเรียนอย่างตั้งใจ ทำให้แก้มได้เกรดเฉลี่ยขณะนี้ 3.83 แต่ตอนอยู่ปี 1 เธอได้เกรด 4.00 มาแล้ว อนาคตเรียนจบเธอย้ำหนักแน่นว่าต้องได้เกียรตินิยมแน่นอน

“เรียนบัญชีใครว่าเครียด แต่แก้มว่าไม่เครียดนะ ตอนปี 1 ปี 2 อ่านหนังสือเยอะมาก พอปี 3 อ่านน้อยลงหน่อย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่เราเรียนมา”

จะว่าไปแล้วไม่ได้ทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเลยก็ไม่ใช่ เพราะเวลานี้เธอทำงานที่สโมสรนิสิตคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เป็นหัวหน้าชั้นปีที่ 3 ทำงานติดต่อกับกลุ่มต่างๆ ในคณะ งานบอลของมหาวิทยาลัยก็จะทำในส่วนของคณะเป็นหลัก

 

สาวสวยหน้าใสคนนี้ชอบกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ เธอเล่นกีฬาได้หลายอย่าง กีฬาที่ชอบจะมีทั้งว่ายน้ำ เล่นเทนนิส และตีกอล์ฟ โดยเฉพาะตีกอล์ฟจะไปตีกอล์ฟกับคุณพ่อเป็นประจำ หรือหากเป็นวันหยุดจะยกให้เป็นวันครอบครัว จะพากันไปวิ่งแถวสวนรถไฟทั้งพ่อแม่ลูก

นอกจากนั้น เคยเป็นครูสอนเต้นบัลเลต์อยู่ที่คริสตัล ปาร์ค สอนทุกวันอังคาร เวลา 16.3018.30 น. เพิ่งจะมาเว้นวรรคเอาตอนปีนี้ แต่ถ้าย้อนไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 และปี 2 ครูแก้มจะไปสอนน้องๆ หนูๆ ทุกวี่วัน

พูดถึงการเต้นบัลเลต์แล้ว วัยรุ่นยุคใหม่วัยทีนน้อยคนนักจะร่ำเรียนมา แต่สำหรับแก้มเต้นบัลเลต์มาตั้งแต่ 4 ขวบ สมัยเรียนที่โรงเรียนราชินีบน และไปหาความรู้ต่อที่โรงเรียนนาฏศิลป์แถวพระโขนง เรียนรุ่นเดียวกับดาราดัง เบเบ้ และคริส หอวัง พอเรียนจบก็เป็นครูสอนเต้นเรื่อยมา บางครั้งก็รับงานบ้าง อย่างเมื่อเดือนที่แล้วไปเต้นเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง แบล็ก สวอน กับเพื่อนๆ

ฝีมือทำอาหารการกินก็ไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะฝีมือการทำขนมหวาน แม้จะไม่ได้ร่ำเรียนมา แต่อาศัยชอบศึกษาหาความรู้เอาเอง ถึงกับเคยเป็นครูสอนทำขนมที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง

หากอยู่บ้านก็จะทำขนมให้พ่อแม่รับประทาน แก้มยืนยันว่ารสชาติใช้ได้ ขนมที่ชอบทำ คือ พายมะนาว แต่ที่ชอบรับประทานและที่บ้านก็ชอบ คือ พายบลูเบอร์รี หากเป็นขนมไทยจะถนัดทำทับทิมกรอบ

สำหรับอาชีพในวงการบันเทิงที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน ไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดง หรือคนบันเทิง แก้มรีบปฏิเสธว่าไม่เคยอยู่ในสมอง เธออยากเป็นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงมากกว่า เพราะจะไปทางไหนก็ได้ ไม่ต้องมีใครมาสนใจ ใช้ชีวิตชิล ชิล อย่างมีความสุข อยากมีความสุขกับทุกสิ่ง ไม่ต้องให้ใครมาสนใจ

นอกจากไม่เคยคิดจะเข้าวงการแล้ว การประกวดนางงามก็ไม่เคยคิดเช่นกัน เธอเพิ่งมารู้จากปากคุณแม่ตอนโตว่า ตอนท้องแก้มและแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล มีหมอดูมาทำนายทายทักว่าลูกในท้องโตขึ้นจะได้เป็นนางสาวไทย เห็นแค่ท้องยังไม่ได้คลอดก็ทักเสียแล้ว แก้มกล่าวอย่างอายๆ “หรือคุณแม่อยากให้ไปประกวด” (หัวเราะร่วน)

สรุปแล้วเธอไม่อยากดัง อยากใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย ลุยๆ โก๊ะนิดหน่อย ไม่ต้องคอยระวังตัวให้ดูดีตลอดเวลาเหมือนเป็นการสร้างภาพ เพราะการเป็นคนดังไปไหนคนจับตามอง จึงต้องทำภาพลักษณ์ตัวเองให้ดูดีตลอดเวลา ซึ่งไม่ใช่ตัวเธอ