posttoday

เจินเจิน คัมแบ็ก

17 มีนาคม 2554

จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามันเป็นเวลา 5 โมงเย็น ตอนนั้นตะวันยังไม่ลับเหลี่ยมตึกสูงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ กลับมีผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งปรากฏโฉมออกมา (ซะงั้น)

จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามันเป็นเวลา 5 โมงเย็น ตอนนั้นตะวันยังไม่ลับเหลี่ยมตึกสูงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ กลับมีผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งปรากฏโฉมออกมา (ซะงั้น)

เรื่อง วิชช์ญะ ยุติ / ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามันเป็นเวลา 5 โมงเย็น ตอนนั้นตะวันยังไม่ลับเหลี่ยมตึกสูงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ กลับมีผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งปรากฏโฉมออกมา (ซะงั้น)

เจินเจิน คัมแบ็ก

ลีลาลิงโลดของผีเสื้อสะท้อนถึงความสุขปรีดิ์เปรม สีสันปีกวิบวับระยิบระยับชวนให้ต้องตาผู้คนเหลือเกิน ภาพลักษณ์อันจัดจ้านสะดุดใจใครต่อใคร ทันใดเสียงเพลงก็แว่วดังขึ้นราวกับจะสื่อนัยบางอย่าง

"เป็นฉันมันผิดตรงไหน ชีวิตฉันใครกำกับ เป็นฉันใครจะยอมรับ บทบาทให้ความสำคัญ ต่างกันแค่เพียงร่างกาย แต่ใจเราก็เหมือนกัน ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง"

เสียงปรบมือลั่นฮอลล์อึงอลไปพร้อมกับคำชื่นชมแกมเม้าท์มอยขำๆ ตามประสา (เก้งกวาง แอนด์ ชะนี) ไม่นานผีเสื้อราตรีที่เพิ่งจะลั่นล้าบนเวทีเมื่อครู่ก็กลายร่างมานั่งอยู่ตรงหน้าเรา

"เจินเจิน บุญสูงเนิน" เจ้าของเสียงแปดหลอด ทะลวงปอดทะลุถึงหัวใจ ผู้ทำให้วงการเพลงไทยย้อนหลังไปสัก 15 ปี คึกครื้น ด้วยการเผยตัวตนชัด ฉันคือ "นักร้องนะยะ" ไม่แอ๊บ ไม่ปิด เปิดๆๆๆๆ เกิดๆๆๆๆ จนโดดเด้งดังเปรี้ยง

"ถึงฉันจะเป็นอย่างนี้ ก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคน ฉันสู้ฉันทนดิ้นรน ไม่ขอใครกิน" (ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง)

"เก็บกดอารมณ์ลงไปในความมืดดำ น้ำตาเจ้ากรรมไหลปรี่ มีใครเข้าใจไหม ฉันต้องแกล้งทำเป็นยั่วยวน ยั่วยวน ยั่วยวน เหวี่ยง เหวี่ยง เหวี่ยง ออกไปซะ เป็นอะไรก็ช่างมัน เป็นอะไรก็ช่างตัวฉัน นี่คืออาชีพของฉัน (ผีเสื้อราตรี)

"เปรียบชีวิตคนดังคลื่นใต้น้ำในทะเล บางครั้งขึ้น บางครั้งลง ดวงดี ยินดี ดวงอับ ช่างมัน พรหมท่านลิขิตไว้ให้เป็น สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน ต้องสู้ ต้องสู้ จึงจะชนะ (ต้องสู้จึงจะชนะ)

"ข้าคือคนไทย ไม่เคยลืมชาติพันธุ์ จะอยู่ที่ใด จะตายที่ใด วิญญาณก็เป็นคนไทย" (ข้าคือคนไทย)

วันนี้เธอกลับมายืนถือไมค์ไฟสปอร์ตไลต์ฉายส่องอีกครั้ง ด้วยมาดมุ่งมั่นสง่างามเจิดจรัสเช่นเคย กับอัลบั้มจี๊ดๆ แอบจิกผู้ชาย "ใจเธอดำยิ่งกว่ากาแฟ" (สังกัดโปรมีเดียมาร์ท)

"เป็นอัลบั้มที่พี่ไม่ได้ร้องเพื่อตัวเอง เพราะที่ผ่านมาพี่ก็ร้องให้ตัวเองมาเยอะละ แล้วตัวเองก็เผยตัวตนจนหมดไส้หมดพุง (หัวเราะ) ครั้งนี้มันจึงเป็นการร้องเพลงเพื่อคนหลากหลายกลุ่ม ซึ่งพี่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์ ตั้งแต่วิถีคนเบี่ยงเบนทางเพศจนถึงหัวอกภรรยาน้อย ผู้หญิงถูกหักอก หรือคนไทยทั้งชาติไม่ว่าจะสีไหน เหลือง แดง ชมพู ฟ้า ม่วง ให้เกิดความรักสมัครสามัคคีต่อกัน"

มากกว่านั้น สิ่งที่เจินเจินวาดหวังไว้สูงหลังการคัมแบ็กของเธอ นั่นคือเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมวงการคัมแบ็กอีกรอบ เพื่อร่วมประสานพลังคนดนตรีให้มีความยิ่งใหญ่

"ที่พี่อยากจะเห็นจริงๆ นะ อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่หายไปกลับมายืนหยัดบนเส้นทางนี้อย่างหาญกล้าในฐานะนักร้องนักดนตรีที่ยังสามารถโชว์ความสามารถได้ ที่สำคัญมันยังจะเป็นการฟื้นฟูเสน่ห์เพลงเก่าและคนเก่าๆ ให้มีโอกาสดีๆ ทำสิ่งที่ตัวเองรัก"

ล้อมกรอบ

8 เรื่องจริงของ “เจินเจิน”

01 เจินเจินน่ะชื่อในวงการ ชื่อของเธอจริงๆ แบบว่าพ่อแม่ตั้งให้คือ "ประเชิญ" แต่ด้วยความหมายค่อนไปทางไม่ดี พระท่านที่เจินเจินเคารพจึงแนะ ควรเติม "พร" เพื่อสิริมงคล หน้าก็ได้ หลังก็ดีว่าแล้วเธอก็เติมเป็น "พรประเชิญ" ใช้มาจนเติบใหญ่เป็นสาวพรั่ง ล่าสุดไม่กี่วันนี่เอง she ก็ไปปิ้งชื่อใหม่ "ณัฐพัชร์" ถูกจริตจึงตัดสินใจเปลี่ยนซะเลย (แปลว่า ผู้มีความสามารถ) ส่วนชื่อเล่น เจินเจิน มาจาก "เจิ๋น" ซึ่งเพี้ยนมาจาก "เหยิน" ที่ครอบครัวเรียกขาน เพราะฟันที่เหยินออกมานั่นเอง

02 ชอบมะ ชอบมะ 36-26-38 เจินเจินแฮปปี้กับสัดส่วนขนาดนี้ของตัวเองมาก ไม่ใหญ่ (เว่อร์) ไม่เล็ก (เกิน)

03 ขณะที่เกย์ (นที) กับสาวข้ามเพศ (นกยลลดา) กำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด "จิ๋มเอื้ออาทร" ว่าทำดี ไม่ดี เจินเจินกลับไม่ยี่หระ เพราะเธอน่ะเฉาะเรียบร้อยตั้งแต่ปีมะโว้แว้ววว แม่เจ้าว้อยย!!! "พี่เฉาะตั้งแต่ปี'27 ใช้เงินเก็บของตัวเอง ไม่เห็นมีใครมาเอื้ออาทรเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นจ่ายไปประมาณ 5 หมื่นได้มั้ง"

04 ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่า เจินเจิน อยากเป็นครู ถึงขั้นมุ่งมั่นจนสามารถสอบเข้า คณะศึกษาศาสตร์ เชียงใหม่ ได้สมใจ โดยเธอส่งเสียตัวเองเรียน ด้วยการรับจ๊อบร้องเพลงตามห้องอาหารทั่วเชียงใหม่ ผ่านไปไวเหมือนโกหก จนบันนี้เธอก็ยังไม่เคยได้เป็นครูสอนหนังสือเลย

05 เวทีสยามกลการปั้นนักร้องแถวหน้าเมืองไทยมานับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นก็คือ เจินเจิน ปี 2527 เธอชนะรางวัลนักร้องดีเด่น รุ่นเดียวกับซุป'ตาร์นัมเบอร์วัน "พี่เบิร์ดธงไชย" แต่หลังจากประกวดจบทั้งคู่ก็ไม่เคยพบพูดคุยกัน แค่ชื่นชมผลงานของกันและกัน "พี่เบิร์ดเก่งมากๆ เป็นคนมีเสน่ห์ มีเสียงที่กว้าง ร้องเพลงได้ทุกแนว ต่ำก็ได้ สูงก็ได้ นี่แหละคือจุดแข็งของพี่เบิร์ด"

06 ถ้าพูดถึงไอดอลวงการเพลงของเจินเจิน คนไทยเธอยกให้ "ดาวใจ ไพจิตร" เป็นครูคนแรกที่สอนให้เธอรู้จักการร้องเพลง "ทำไมถึงทำกับฉันได้" ก็บทเรียนแรกที่สอนให้เธอรู้จักกับการถือไมค์ (ในห้องอาหาร) "เอาเพลงนี้ไปสมัครงานที่เชียงใหม่แล้วได้งานทำวันนั้นเลยนะ ต้องขอบคุณพี่หมู (ดาวใจ) ต้องขอบคุณเพลงนี้" ส่วนไอดอลระดับอินเตอร์ เธอเลือก "ซิลีน ดิออน"

"ตอนแรกน่ะฟังเพลง วิทนีย์ ฮุสตัน กับ บาร์บารา สตรัยแซนด์ ชื่นชอบในคุณภาพเสียงและการร้อง แต่พอมาเจอ ซีลีน ดิออน โอ้แม้เจ้า...พี่เลิกชอบสองคนนั้นเลย เพราะเธอทำให้พี่ค้นพบพลังเสียงแข็งแรงและหนักแน่น อย่างเพลง The power of love นี่ชอบมากกกก ผ่านไปกี่ปีๆ ก็ยังเพราะ"

07 ถามหาหนุ่มเคียงกายคนปัจจุบัน เจินเจินรีบบอก ไม่มี โสดสนิท แต่ถามถึงหนุ่มคนแรก เจินเจินยิ้มอายๆ ก่อนบอกเสียงอ่อยๆ ว่าเขาชื่อ "สังวร" เพื่อนนักเรียน มศ.3 ที่โดนใจเพราะสีผิวคล้ำเข้ม หุ่นกำยำแบบนักฟุตบอล แถมยังขยันและตั้งใจเรียน "สเปคสมัยวัยรุ่นน่ะค่ะ นักกีฬาใครๆ ก็ชอบบบบ ตอนนี้สเป็คไม่มี หน้าตาไม่ต้องหล่อ ฐานะไม่ต้องรวย ขอให้ขยันทำมาหากินและเป็นคนดีก็พอ"

08 "ชอบกินขนมจีนมากกกกค่ะ กินได้ทุกมื้อ กินได้ทุกเวลา กินได้ทุกวัน นี่ถ้าเลิกร้องเพลงแล้ว ก็กะจะไปเปิดร้านขายขนมจีน" เจินเจินถือเป็นเจ้าแม่ขนมจีนตัวยง ชิมมาร้านเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ที่เธอเรคอเมนด์ว่าเด็ดดวงสุดๆ แทน แท่น แท้น...ขนมจีนแม่พลอย หมู่บ้านประโดก เมืองโคราชกั๋นเองนู่นเลย "เส้นขนมจีนคลุกน้ำปลายังอร่อยเลยคุณ น้ำยาโคราช เป็นน้ำยากะทิใส่น้ำปลาร้ายิ่งอร่อยเริ่ดค่ะ"

 

ข่าวล่าสุด

เสนอพรรคการเมือง 3 ทางออก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ต้อง 'ห้ามซื้อขาย' เด็ดขาด