“เศรษฐกิจมันเลวร้าย” เปิดใจเจ้าของร้าน ‘ติดลม หมูทอดปลาร้า’ ลุกขึ้นมาผัด ‘กะเพรา’ ช่วยชาติ
พ่อลูกเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ‘ติดลม หมูทอดปลาร้า’ จัดโปรบุฟเฟ่ต์ช่วยพี่น้องคนไทยแก้วิกฤตเศรษฐกิจแย่ ผัดข้าวกะเพราโบราณแบบข้าวเบิ่ม พร้อมผักและน้ำพริกฟรี! เพียงราคา 30 บาท
โดย...รัชพล ธนศุทธิสกุล
ในช่วงเวลานาทีทองตั้งแต่ 10.00 -14.00 น. ของทุกๆ วัน ที่บริเวณศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ย่านรัชดาภิเษก
และนอกจากกระเพราหมูและไก่สูตรโบราณแบบข้าวเบิ่มๆ ยังมีเมนูหมูทอดข้าวบึ้ม ไก่ทอดเกลือข้าวบึ้ม พร้อมกับน้ำพริกและผักแตงกวา ในราคา 30 บาท
โพสต์ทูเดย์จึงเดินทางไปพูดคุยกับเจ้าของความคิดผัดข้าวช่วยชาติ เติมความอิ่มให้นักสู้ชีวิตในเมืองใหญ่มีแรงเดินต่อ “สมศักดิ์ จินดานุภาจิตต์” และ “ธีรนัย จินดานุภาจิตต์” สองพ่อลูกเจ้าของร้าน 'ติดลม หมูทอดปลาร้า' ชื่อดัง
ที่มา ‘กะเพรา’ ช่วยชาติ
ธีรนัย บอกว่าโปรมื้ออาหารกลางวันบุปเฟต์ช่วยชาติเกิดขึ้นจากการที่ร้านติดลม หมูทอดปลาร้า สาขาที่13 ล่าสุดที่ตั้งอยู่ถนนรัชดาภิเษกนี้ ได้โอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติของรุ่นน้องให้พื้นที่เปิดร้านโดยไม่คิดค่าเช่า จึงอยากที่จะส่งต่อ ‘คืนกำไร’ ให้กับสังคม
“จ่ายเพียงแค่ค่าน้ำค่าไฟ รายจ่ายที่ไม่ได้เสียส่วนนั้นเรามาทำตรงนี้ เพราะเส้นถนนรัชดาภิเษกมีบริษัทเปิดออฟฟิศกันเยอะมาก คนสัญจรไปมาเพียบ ทั้งคนขับรถส่งของส่งเอกสาร รถแท็กซี่ และเศรษฐกิจมันเลวร้ายมาก ช่วงกลางวันก็คิดว่าเขาก็คงอยากกินอะไรที่ดีๆ อิ่มๆ และถูก”
ธีรนัย เล่าต่อด้วยรอยยิ้มของคนทำอาหารที่เมื่อได้เห็นคนได้อิ่มแล้วก็มีความสุข แม้ว่าการทำบุฟเฟต์ข้าวผัดกะเพราทำให้ต้องเตรียมของในร้านล่วงหน้าตั้งแต่ก่อน 7 โมงเช้า จากเดิมที่ 9-10 โมงเช้า ตกค่ำร้านปิดตี 3 ก็ยังต้องนั่งคิดหาวิธีปรับแก้ระบบการจัดการอาหารให้ลูกค้าถูกต้องตามที่สั่งและเร็วอีกด้วย
“เมื่อเราอยากให้เขา เขามาหิวนั่งรอก็ไม่ดี มันทำให้เหนื่อยแต่ก็จะทำให้ดีที่สุด กำลังหาวิธีปรับแก้ เพื่อให้พอลงตัวสามารถที่จะไปทำในอีกสาขาหนึ่งได้เลยในทันทีในอนาคต เพราะสิ่งสำคัญคืออย่างที่บอกมีเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตเราก็ควรส่งต่อให้ต่อไป มันก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งถ้าคนอื่นได้รับและวันหนึ่งเขาส่งต่อไปอีกที่หนึ่ง”
มีครอบครัวเป็น 'นักสู้และนักให้'
แคมเปญดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นหากปราศจากครอบครัว ‘จินดานุภาจิตต์’ โดยเฉพาะเตี่ยของเขา คุณพ่อเหรี่ยง จินดานุภาจิตต์ วัย 61 ปี ชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นผู้สนับสนุนให้ทุนเปิดร้านและช่วยเหลือแนะแนวทางบริหารร้านอาหาร “เตี่ยบอกเอาเลย ดี ลื้อทำถูกแล้ว”
ธีรนัย บอกว่าเพราะด้วยความเป็นครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน อากงพ่อของพ่อเป้ อพยพมาแบบเสื่อผืนหมอนใบ ต้องต่อสู้ทำงานสารพัดกว่าจะพบรักกับอาม่าและร่วมกันสร้างเนื้อตัว ยึดอาชีพขายข้าวแกงจนเป็นที่รู้จักของชาวบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ในชื่อ ‘ง่วงไฮ้เชียง’ อาโกพี่ชายและอาเจ็กพี่สาว ต่างเสียสละความฝันและหยาดเหงื่อเพื่อน้องคนสุดท้ายอย่างพ่อ
เขาจึงรู้จักและเรียนรู้ในเรื่องของการให้ผ่านพ่อของตัวเอง ซึ่งหลังพ่อเรียนจบมาบริหารดูแลกิจการโรงแรมและสถานบันเทิงจนฐานะดี แต่แทบจะทุกเดือนไม่ว่างานหนักเพียงไหนต้องหาเวลาพาเขาไปเยี่ยมพี่ๆ ของพ่อประจำ นั้นก็เพื่อให้เขาเห็นภาพการช่วยเหลือเกื้อกลูซึ่งกันและกัน
“เตี่ยชอบบอกว่าแกโชคดีเป็นน้องคนสุดท้อง ไม่ต้องลำบากเหมือนพี่ๆ ที่ทำงานหนัก สมัยเปิดร้านข้าวแกงครัวต้องใหญ่มาก เพราะทุกอย่างทำเองหมด กะทิ เครื่องแกง ตักขาย ล้างจาน ส่วนอากง อาม่า เขาก็จะแบ่งปั่นให้เพื่อนบ้าน เวลาทำอาหาร ขนม ก็แบ่งปันคนในหมู่บ้าน ไม่ต้องเทศกาล ไม่เทศกาลทำอาหารพิเศษๆ ก็จะแบ่งปั่นให้เพื่อนบ้าน
“หรือสมัยใหม่หน่อยเรื่องของการที่ท่านดูแลสถานบันเทิงกลางคืน มีลูกน้อง 300-400 คน เทคนิคการดูแล ใช้ใจซื้อใจคน บารมีสูงกว่างานบริหารทั่วไป เราก็ได้เรื่องใจ เราอยากได้แบบไหนเราก็ให้ลูกค้าแบบนั้น”
ในวัย 27 ปี ในฐานะลูกชายของพ่อความสำเร็จของเขาจึงไม่ได้หยุดเพียงฝันดูแลทุกๆ คนในครอบครัวให้พี่ป้า น้า อาและหลานๆ สุขสบาย ไม่ต่างไปจากครั้งเมื่อพ่อเขาเคยได้รับ แต่ยังส่งต่อถึงเพื่อนๆ ลูกค้า
“ถ้าถามต้นแบบวัย 27 อย่างผม มาทำตรงนี้ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในช่วงสร้างตัว ก็มาจากเตี่ย อาโก อาเจ็ก ทำให้เห็นการแบ่งปัน การรักกัน การส่งผลต่อ และทันที่ผมโทรปรึกษาเรื่องจะทำกะเพราช่วยชาติท่านก็ร่วมกับเรา บางวันก็ยอมเหนื่อยมาเฝ้าแทนเราด้วย”
กอดแน่นความเป็นกุ๊ก ‘อร่อย-คุณภาพ’
ไม่เพียงปริมาณอิ่มจัดหนัก แต่ยังมีรสชาติที่อร่อย แถมหน้าตาสีสันสวยงามน่ารับประทาน เพราะดีกรีนักเรียนเชฟโรงแรมดุสิตธานี ถนัดด้านอาหารไทย-จีน โดยเฉพาะ
“ทางบ้านอาม่าชอบทำอาหารให้ทาน ไทยบ้าง จีนบ้าง ทำให้ชอบทานอาหารและเป็นความฝันตั้งแต่เด็กอยากเป็นเชฟ จบม.6 มาก็ต่อคณะบริหารธุรกิจการโรงแรม สาขาครัว วิทยาลัยดุสิตธานีดุสิตธานี”
หลังจบก็เปิดร้านข้าวต้มใช้ชื่อ ‘ติดลม’ เปิดบริการฝั่งตรงข้ามสถาบันเทิงชื่อดังอย่าง RCA ซึ่งด้วยความรักที่มีต่ออาหารทำให้กิจการเป็นไปได้สวย ก่อนจะหมดสัญญาเช่าพื้นที่และย้ายร้านไปอยู่ที่ซอยนวลจันทร์ ย่านเกษตรนวมินทร์ เพิ่มไลน์ผลิตอาหารใหม่อย่าง ‘หมูทอดปลาร้า’
ปัจจุบันในระยะเวลาเกือบ 4 ปี ขยายสาขาได้กว่า 13 สาขา โดยมีที่ซอยนวลจันทร์ ซอยลาดพร้าว101 ซอยอุดมสุข เหม่งจ๋าย ตลาดนัดมารวยปิ่นเกล้า คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ บริเวณย่านรัชดา อโศก สีลม รังสิต กาญจนาภิเษก คู้บอนและที่จ.สุราษ จ.เชียงใหม่
“หัวใจร้านอาหารคือคุณภาพไม่เปลี่ยน รสชาติ ปริมาณ หมูทอดปลาร้าเมื่อ 2 ปี ที่แล้วเคยขายวันแรกน้ำหนักเท่าไหร่ ช่างเท่าไหร่ก็เท่านั้น ณ วันนี้ การดูแลคุณภาพคือเรื่องสำคัญ เหมือนเป็นการขอบคุณลูกค้าในทางอ้อมที่ทำให้เรามีวันนี้
“ที่เรายึด ไม่ว่าจะอาหารอะไรที่เราทำ วันนั้นทำอาหารใหม่ๆ ร้านข้าวต้ม แขกผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเรียกไปเปิดเบียร์ให้กินขวดหนึ่งและนั่งคุย ผัดยังไงให้อร่อย ทุกวันนี้ผมก็ยังประจับใจไม่ลืมในความเป็นกุ๊ก”


