4 เรื่องควรรู้สู้ภัยพิษสุนัขบ้าหน้าร้อน
เมื่อเข้าสู่หน้าร้อน ลิสต์ชื่อโรคอันตรายที่ระบาดแทบจะทุกปีต้องมี "โรคพิษสุนัขบ้า" ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงมากในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดรวมถึงคน
เมื่อเข้าสู่หน้าร้อน ลิสต์ชื่อโรคอันตรายที่ระบาดแทบจะทุกปีต้องมี "โรคพิษสุนัขบ้า" หรือโรคกลัวน้ำ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงมากในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดรวมถึงคน และพบได้ทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยนับเป็นภัยใกล้ตัวของบรรดาคนรักสัตว์ที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้ามาให้ ส่วนจะมีอะไรบ้างมาดูกัน
1.สถานการณ์ของโรคพิษสุนัขบ้าในปี 2562
รายงานจากกรมปศุสัตว์ โดยนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าว่า พื้นที่ที่พบโรคในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สูงสุด 10 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ นครราชสีมา กาฬสินธุ์ เพชรบุรี สระบุรี ชลบุรี บุรีรัมย์ อ านาจเจริญ ร้อยเอ็ด และกำแพงเพชร
สำหรับสถานการณ์ปีที่ผ่านมา มีตัวอย่างส่งตรวจทั้งหมด 9,275 ตัวอย่าง พบผลบวกทั้งหมด 1,469 ตัวอย่าง คิดเป็น 15.83 % ใน 54 จังหวัด สูงสุด 10 จังหวัด ได้ แก่ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด สงขลา นครราชสีมา ยโสธร ชลบุรี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ นครศรีธรรมราช และกาฬสินธุ์ ส่วนชนิดสัตว์ที่พบได้แก่ สุนัข 1,281 ตัว โค 117 ตัว แมว 51 ตัว กระบือ 15 ตัว แพะ 2 ตัว นอกจากนี้ ยังมีม้า กวาง และสุกร ชนิดละ 1 ตัว
ส่วนสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561-22 เมษายน 2562 มีรายงานพบโรคทั้งหมด 45 จังหวัด 281 จุด ปัจจุบันยังคงประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ 35 จุด ในพื้นที่ 19 จังหวัด คือ ปทุมธานี ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว ชัยภูมิ นครราชสีมา ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา และสตูล
2.ความน่ากลัวของโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนที่ร้ายแรง หากพบอาการป่วยแล้วรักษาไม่ทันเวลามีอันตรายถึงชีวิต เป็นภัยร้ายใกล้ตัวโดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุนัข แมว รวมทั้งคนที่สัมผัสกับสุนัขและแมวเป็นประจำ โดยปัจจุบันพบผู้เลี้ยงสุนัข แมว ส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าเลี้ยงสุนัข แมว อยู่ในบ้าน ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพราะเลี้ยงดูอย่างดีซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
โรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบประสาท โดยการได้รับเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าจากน้ำลายของสัตว์ที่ป่วย เช่น แมว หนู ลิง ค้างคาว และที่พบได้มากที่สุดคือ สุนัข ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสัตว์ที่ป่วยกัด ข่วน หรือเลีย ทำให้น้ำลายเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล บริเวณริมฝีปาก หรือนัยน์ตา มีระยะเวลาฟักตัวระหว่าง 2-8 สัปดาห์ และมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเริ่มแรก เช่น กังวล ปวดหัว และเป็นไข้ เมื่อเชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนประสาทส่วนกลางจะก่อให้เกิดการอักเสบในสมองและกระดูกสันหลัง ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตหากไม่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคได้ทัน
การทำวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้สัตว์เลี้ยง เจ้าของควรพาสุนัขหรือแมวไปฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 3 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งที่ 6 เดือน ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าจะสามารถป้องกันโรคได้นานกว่า 5 ปี แต่เนื่องจากประเทศไทยยังเป็นถิ่นที่มีการระบาดอยู่จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนทุกปีจึงจะปลอดภัย โรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้ระบาดเฉพาะในฤดูร้อนอย่างที่เข้าใจกัน เชื้อไวรัสสามารถเจริญเติบโตได้ดีในฤดูหนาว แต่สามารถติดเชื้อได้ทุกฤดู จึงควรฉีดวัคซีนในสัตว์เลี้ยงที่มีความเสี่ยงทุกตัว
ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าในคน (Rabies Vaccine) ควรฉีดในกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกสัตว์กัด เช่น สัตวแพทย์และเด็ก และควรฉีดก่อนสัมผัสสัตว์ การฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าก่อนสัมผัสสัตว์ ให้ฉีดวันที่ 0, 7, 21 หรือ 28
3.สังเกตอาการและระยะของโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
หากเป็นสุนัข จะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น จากที่ชอบเล่นกับเจ้าของก็จะแยกออกไปซุกตัวเงียบ ส่วนตัวที่กลัวคนจะมาคลอเคลียคน มีไข้ ม่านตาขยาย ประมาณ 2-3 วัน ต่อมา ระยะตื่นเต้น สุนัขจะมีอาการทางประสาท เช่น กัดแทะสิ่งของ โดยไม่เจ็บปวด ตัวแข็ง ไม่อยู่นิ่ง มีอาการประมาณ 1-7 วัน ตามด้วยระยะอัมพาต สุนัขจะลิ้นห้อย นํ้าลายไหลคล้ายกับมีของติดคอ ลุกไม่ได้ และตาย รวมเวลาประมาณ 10 วัน
ส่วนแมว จะหลบในที่มืด และอาการเช่นเดียวกับสุนัข สัตว์ชนิดอื่น เช่น สุกร อาการทางประสาท เช่น เคี้ยวปาก นํ้าลายไหล ไวต่อสิ่งแวดล้อม มักตายใน 3-4 วัน โค กระบือ ตื่นเต้น วิ่งไล่ชนสิ่งต่างๆ นํ้าลายยืดกัดฟัน เมื่อเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าเข้าสู่ระบบประสาท ถ้าเป็นสุนัขจะแสดงอาการดุร้าย กัดแทะสิ่งของโดยไม่เจ็บปวด ตัวแข็ง กระวนกระวาย เมื่อเข้าสู่ระยะอัมพาต สุนัขจะลิ้นห้อย น้ำลายไหล คล้ายกับมีของติดคอ ลุกไม่ได้ และตายในที่สุด
นอกจากนี้ ข้อมูลจากสภากาชาดไทย ได้อธิบายอาการของสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าไว้ 2 แบบ คือ แบบดุร้าย สัตว์มีอาการหงุดหงิด ตื่นเต้น วิ่งพล่าน ไล่กัดคนและสัตว์ตัวอื่น โดยสุนัขจะแสดงอาการเช่นนี้ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นจะอ่อนเพลีย ขาหลังไม่มีแรง เดินโซเซ และเสียชีวิตในที่สุด และแบบเซื่องซึม สังเกตได้ยากกว่าเพราะสัตว์จะมีอาการเหมือนโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หวัด หรือ โรคหัด โดยจะมีอาการลิ้นห้อง ปากอ้าหุบไม่ได้ ตัวแข็งเป็นอัมพาต บางตัวมีอาการชักและตายในที่สุด
4.เมื่อโดนกัด ข่วน หรือเลีย ต้องทำอย่างไร
หากถูกสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดหรือเลียบาดแผล ต้องรีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่โดยเร็วที่สุด ก่อนจะเดินทางไปพบแพทย์ และควรขังสัตว์ตัวนั้นไว้เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 10 วัน ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์สามารถป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เกือบ 100%
หากถูกสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน หรือเลียบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ทันทีหลายๆ ครั้ง ประมาณ 10 นาที ใส่ยาเบตาดีนเพื่อลดการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จากนั้นรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากต้องฉีดวัคซีนควรฉีดวัคซีนให้ครบชุดและตรงตามนัดจึงจะได้ผล เพราะหากติดเชื้อพิษสุนัขบ้าและปล่อยทิ้งไว้จนเชื้อเข้าสู่ระบบประสาท จนแสดงอาการป่วยออกมาแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยจะเสียชีวิต สิ่งที่ทำอีกประการคือ ควรขังสัตว์ตัวนั้นไว้เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 10 วัน ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ ส่วนวิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือผู้เลี้ยงสัตว์ทุกคนควรนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
นอกจากนี้ มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าโดยองค์การอนามัยโลก ระบุไว้ว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน การล้างแผลด้วยน้ำและสบู่หลังจากสัมผัสสัตว์ต้องสงสัย สามารถช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อได้อย่างมาก และการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไป ทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนให้กับสุนัขและป้องกันเหตุสุนัขกัด
ทั้งนี้ โรคพิษสุนัขบ้าสามารถป้องกันได้ด้วยการยึดหลัก “คาถา 5 ย.” ได้แก่
- อย่าแหย่ เพราะอาจโดนข่วนหรือกัดได้
- อย่าเหยียบ บริเวณลำตัว ขา หรือหางของสัตว์
- อย่าแยก สัตว์ที่กำลังกัดกัน
- อย่าหยิบ อาหารขณะสัตว์กำลังกิน
- อย่ายุ่ง กับสัตว์ที่ไม่รู้จักคุ้นเคย


