posttoday

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดี

02 กุมภาพันธ์ 2562

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ณวรางค์ แอสเซท

โดย อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร 

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ณวรางค์ แอสเซท ถือว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ไฟแรงของตระกูล “พรหมโยธี” อีกท่านหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจเข้ามาสานต่อธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยการนำที่ดินกลางใจเมืองบริเวณถนนหลังสวนของครอบครัวมาพัฒนา ทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียมรวมไปถึงคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งแต่ละโครงการประสบความสำเร็จดีเยี่ยม

ทั้งนี้ อภิภู ได้เล่าถึงมุมมองและวิสัยทัศน์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครว่า หลังจบการศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปี 2550 ได้เข้าทำงานในตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท ปอร์ติโก พร็อพเพอร์ตี้ และเมื่อปี 2554ได้เปิดตัวคอมมูนิตี้มอลล์ใจกลางเมืองภายใต้ชื่อ เดอะ ปอร์ติโก จากที่ก่อนหน้านี้ได้พัฒนาคอนโดมิเนียมบ้าน ณ วรางค์

จากนั้นในปี 2559 ได้เปิดตัว ณ วรา เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ และล่าสุดกับโครงการ ณ วีรา พหลฯ-อารีย์ ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือน ต.ค. 2561 ที่ผ่านมาและในปี 2562 พร้อมเปิดตัวโครงการบนที่ดินย่านเจริญนครมูลค่าโครงการราว 1,300 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามแผน 3 ปี (2561-2563) โดยตั้งเป้าพัฒนาโครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดี

สำหรับด้านการทำงานนั้น อภิภูจะรับผิดชอบในด้านการบริหาร ดูภาพรวมของบริษัท ทั้งด้านการขาย การบริการ และงบประมาณ รวมไปถึงการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในทำเลที่ดีมีคุณภาพและการขายที่สามารถสร้างขาย โอน ปิดโครงการได้จริง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค ซึ่งคนซื้อแฮปปี้กับราคาที่สามารถอยู่ได้จริง ขณะที่บริษัทเองก็สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นอกจากอสังหาฯ เพื่อขายและคอมมูนิตี้ที่สร้างรายได้จากค่าเช่าแล้ว ยังมีความสนใจพัฒนาอสังหาฯ ประเภทอื่นๆ เช่น โรงแรม อพาร์ตเมนต์ เป็นต้น แม้ครอบครัวจะมีที่ดินหรือแลนด์แบงก์หลายแปลง แต่ยังคงต้องหาที่ดินใหม่เพิ่ม โดยดูเรื่องโลเกชั่นเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ต้องใช้เวลาในการคืนทุน ดังนั้นโครงการเหล่านี้เป็นเรื่องในอนาคตเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเราพร้อมที่จะพัฒนา

อย่างไรก็ดี นอกจากเป็นผู้บริหารหนุ่มที่ทุ่มเทกับการทำงานแล้วยังหาเวลาเรียนรู้เพิ่มเติม โดยสำเร็จการศึกษาปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสื่อบันเทิง สถาบันกันตนา รวมทั้งการเข้าอบรมหลักสูตรด้านต่างๆ เช่น หลักสูตรส่งเสริมการจัดการที่ยั่งยืนของผู้ประกอบการ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมK SME Care รุ่นที่ 18 ธนาคารกสิกรไทย และThe Next Real รุ่นที่ 5 มหาวิทยาลัยชินวัตร

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดี

อภิภู กล่าวว่า กิจกรรมยามว่างที่ทำมาตั้งแต่เด็กๆ คือ การขี่ม้า หรือจะเรียกว่าการขี่ม้าเป็นกิจกรรมของครอบครัวก็ว่าได้ ตั้งแต่คุณปู่-พล.อ.มังกรพรหมโยธี (หลวงพรหมโยธี) คุณพ่อ-กำจรเดช พรหมโยธี ซึ่งตนเองเป็นอดีตนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย ประเภทศิลปะการบังคับม้า ติดทีมชาติตั้งแต่สมัยมัธยมฯ เมื่อปี2544 ได้เข้าแข่งขันรายการแรกในกีฬาซีเกมส์ ประเทศมาเลเซีย คว้าเหรียญเงินประเภททีมให้กับทีมชาติไทย ทำให้ปัจจุบันหากมีเวลาว่างจะไปเป็นผู้ตัดสินกีฬาขี่ม้าเพราะบุคลากรด้านนี้มีไม่มากนัก

“ในอนาคตถ้ามีโอกาสจะเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อสังคมมากขึ้น โดยเห็นว่าการขี่ม้าจะช่วยพัฒนาการเด็กพิเศษ (ออทิสติก)ได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นการกีฬาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นตนจะเป็นผู้ประสานระหว่างหาแพทย์และคอกม้ามาเจอกันเพื่อวางโปรแกรม รวมทั้งหาพาร์ตเนอร์หรือสปอนเซอร์สนับสนุน”

นอกจากกีฬาขี่ม้าแล้ว อภิภู ยังสนใจการวิ่งมาราธอนเริ่มมา 2-3 ปีแล้วเริ่มมีก๊วนวิ่ง และการไปปฏิบัติธรรม โดยจุดเริ่มต้นคืออยากลองไปดู เพราะใครๆ ก็บอกว่ายาก ซึ่งได้สมัครศูนย์วิปัสสนาธรรมสีมันตะจ.ลำพูน ตลอด 10 วันได้อยู่กับตัวเอง เจออะไรหลายๆ อย่าง

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดี

“ที่สำคัญคือสู้กับความคิดกับตัวเอง ทำให้เห็นความเป็นจริงมากขึ้น ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น จิตมีกำลังและควบคุมได้ไม่ฟุ้งซ่าน ทำในแบบที่เป็นเรา การคาดหวังทำให้เราไม่มีความสุข

อีกกิจกรรมที่ทำในทุกๆ ปีที่มีโอกาสหากมีวันหยุดยาวสัก 10 วัน คือการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ไทยและต่างประเทศ โดยเมื่อก่อนแบ็กแพ็กไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น วัด โบราณสถานต่างๆ การไปชมมิวเซียมต่างๆ ได้ไปดู ไปฟังการบอกเล่า ทำให้เรารู้ถึงต้นกำเนิดของอารยธรรมในแต่ละที่ โดยเฉพาะในเอเชียซึ่งมีประวัติศาสตร์ต่อเนื่องกับประเทศไทย เช่น เมียนมาและที่อยากไปคือกัมพูชา”

นอกจากนี้ เขายังไปที่ฮ่องกง ไต้หวันยุโรป ซึ่งอภิภูบอกว่ามิวเซียมก็มีความน่าสนใจ ซึ่งพิพิธภัณฑ์มีมากมายหลากหลายรูปแบบให้คนที่ชอบเที่ยวแนวนี้ได้สัมผัสความสวยงามและเรียนรู้กลิ่นอายอารยธรรมดั้งเดิม ซึ่งในอนาคตก็อาจเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนามิวเซียมในไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่หลายๆ จังหวัดยังไม่มีการดูแลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง

อภิภู พรหมโยธี ปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดี

“ประเทศไทยแต่ละเมืองมีของดีอยู่เยอะแต่ไม่มีคนดูแล เสียดายของอันทรงคุณค่า การทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่เน้นปั้นของหวือหวาหรือการเปิดตัวโครงการปีละหลายสิบโครงการ ทั้งนี้จะอยู่กับปัจจุบันจะไม่เปรียบเทียบเพื่อเกิดภาวะกดดัน จึงไม่วางแผนระยะยาวแต่จะวางแผนระยะสั้นๆ 2-3 ปี เช่น การพัฒนาโครงการเพียงปีละ 2-3 โครงการในทำเลที่มีศักยภาพเท่านั้น เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและบริษัทก็สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน คือปัจจุบันดี อนาคตก็ต้องดีเช่นเดียวกัน ตามกำลังความสามารถที่มี” อภิภู กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก