posttoday

‘หอมละมุน’ กาแฟดริปจากชุมพร ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อ ‘โรบัสต้า’ ไปตลอดกาล!

23 ธันวาคม 2568

‘หอมละมุน’ พลิกโฉม “โรบัสต้าชุมพร” จากความล้มเหลว สู่ยุคสมัยแห่งคุณภาพและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า

KEY

POINTS

  • 'หอมละมุน' คือการพลิกฟื้นกาแฟโรบัสต้าของจังหวัดชุมพรที่เคยราคาตกต่ำ ให้กลายเป็นกาแฟพรีเมียมเกรดพิเศษเพื่อเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภค
  • ยกระดับคุณภาพด้วยกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ตั้งแต่การทำเกษตรอินทรีย์ คัดเก็บเฉพาะเมล็ดที่สุกแดง และใช้วิธีตากบนแคร่ยกสูง
  • ผลลัพธ์คือกาแฟ 'New Wave Robusta' ที่มีรสชาติขมน้อย ไม่เหม็นเขียว มีกลิ่นหอมละมุน และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ถึง 10 เท่า

ครั้งหนึ่งจังหวัดชุมพร เคยได้รับการขนานนามว่า ‘เมืองแห่งกาแฟโรบัสต้า’ เพราะปลูกมากที่สุดในประเทศไทย

 

ทว่าราคาที่ตกต่ำจากระบบอุตสาหกรรม  .. ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้าชุมพรอยู่ในจุดต่ำสุด จากต้นทุนการผลิตที่ตกกิโลกรัมละ 70 บาท แต่กลับมีรายรับจากการขายแค่ 65 บาทต่อกิโลกรัม  เกษตรกรจึงแทบอยากจะถอดใจ

 

‘เกษตรกรล้มเลิกการปลูกกาแฟไปทั้งหมดเกือบทั้งจังหวัด’

 

คือประโยคบอกเล่าจาก ธนาสิทธิ สอนสุภา หรือ พี่แขก ประธานกลุ่มวิสาหกิจวิถีพอเพียง เกษตรอินทรีย์ จังหวัดชุมพร หนึ่งในผู้ที่กลับมาพลิกฟื้น ‘กาแฟโรบัสต้า จ.ชุมพร’ จากที่ราคาตกต่ำกว่า 20 ปี ภายใต้แนวคิดที่ จะทำให้ ‘โรบัสต้า’ เป็นกาแฟพรีเมียมให้ได้ โดยเรียกว่า 'New Wave Robusta'  ที่พี่แขกบอกว่า

 

‘คอกาแฟต้องเปลี่ยนความคิดหลังจากที่ได้ชิม หอมละมุน’

 

‘หอมละมุน’ กาแฟดริปจากชุมพร ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อ ‘โรบัสต้า’ ไปตลอดกาล!

 

หอมละมุน ไม่ใช่แค่ชื่อ แต่มาจากกลิ่นที่หอมและรสชาติที่ละมุน จนได้รับรางวัลด้านกาแฟหลายปีซ้อน!

 

หลังจากพี่แขกกลับบ้าน และตั้งใจแน่วแน่จะพัฒนากาแฟโรบัสต้า อันเป็นต้นทุนของคนชุมพร เขาจึงตัดสินใจที่จะทำกาแฟโรบัสต้าให้เป็นกาแฟสด โดยไม่หวังส่งเข้าไปสู่ระบบอุตสาหกรรมที่ราคาต่ำ แต่ก็ต้องแลกกับความพิถีพิถันในการผลิต และใช้วิธีการทำเกษตรแบบอินทรีย์

 

กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมของเกษตรจะง่ายมาก เพียงแค่รูดเก็บทุกเมล็ด และใช้วิธีตากบนพื้นนานนับเดือน ซึ่งเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์

 

“ ก่อนที่กลุ่มวิสาหกิจจะเริ่มทำกาแฟโรบัสต้าคุณภาพสูงนี้ โรบัสต้าแทบไม่มีตลาดอื่นนอกจากระบบอุตสาหกรรม 100% กาแฟส่วนใหญ่ถูกส่งไปเป็นกาแฟซองละลายน้ำ (กาแฟสำเร็จรูป) โรบัสต้าแบบเก่าจึ่งมีรสชาติที่กินไม่ได้เมื่อนำมาชงแบบกาแฟสด เพราะมีทั้งความฝาด ความเขียว ความขม ความเปรี้ยวหมัก และเปรี้ยวเน่า” พี่แขกอธิบายให้เห็นภาพ

 

‘หอมละมุน’ กาแฟดริปจากชุมพร ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อ ‘โรบัสต้า’ ไปตลอดกาล!

 

“ แต่การผลิตกาแฟโรบัสต้าคุณภาพสูงนั้นต้องพิถีพิถัน  ยุ่งยากกว่าเดิมเป็น 10 เท่า ครับ” โดยพี่แขกเล่าขั้นตอนสำคัญสำหรับการยกระดับคุณภาพ ได้แก่

 

  1. การคัดเลือกเมล็ด  กลุ่มวิสาหกิจจะรับซื้อและเก็บเกี่ยว “เมล็ดกาแฟที่สุกแดงเท่านั้น” โดยจะไม่เก็บเมล็ดเขียวและเมล็ดเหลือง ซึ่งเป็นสาเหตุของความฝาด ความเขียว และความเฝื่อนในกาแฟ
  2. การทำความสะอาด เมล็ดกาแฟที่คัดมาอย่างดีจะถูกนำมาผ่าน “กระบวนการล้างที่สะอาด”
  3. การตาก  แทนที่จะตากบนพื้นซึ่งจะเกิดการปนเปื้อน เมล็ดกาแฟจะถูกนำมา “ยกพื้นตาก”  เพื่อป้องกันกลิ่นที่ไม่ดีจากพื้นดิน ทำให้ได้กาแฟที่มีความสะอาดขึ้น

 

“ การทำแบบนี้ จะทำให้เกิดความสูญเสียระหว่างทางมากกว่าการผลิตแบบอุตสาหกรรม เพราะต้องเลือกแต่เมล็ดที่มีคุณภาพและแดงเท่านั้น แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่า”

 

เมื่อถามต่อว่ามูลค่าจากเดิมเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ พี่แขกตอบอย่างภูมิใจว่า  “ประมาณ 10 เท่า”

 

นอกจากนี้ การปลูกแบบอินทรีย์ ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ ของการเพิ่มคุณภาพให้แก่กาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ชุมพร

 

“การทำอินทรีย์ ได้ผลผลิตที่น้อยกว่า แต่จะถูกชดเชยด้วยคุณภาพและราคาที่สูงกว่า ..  เนื่องจากการปลูกแบบใช้ปุ๋ยเคมีจะกระตุ้นให้กาแฟสุกก่อนกำหนดหรือสุกแบบไม่มีคุณภาพ เนื่องจากระยะเวลาในการดึงธาตุอาหารไม่เหมาะสม  แต่การทำเกษตรอินทรีย์ทำให้ต้นกาแฟสามารถดูดซึมธาตุอาหารจากดินได้อย่างช้าๆ และเหมาะสม การใช้ระบบอินทรีย์ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเกษตรกรเองด้วยเนื่องจากไม่ต้องอยู่กับสารเคมีนานๆ”

 

เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จสิ้น เมล็ดกาแฟที่อยู่ในรูปของเชอรี่แห้งจะต้องถูกเก็บไว้ในระยะเวลาประมาณ 8 ถึง 12 เดือน การบ่มนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้กาแฟ 'เซ็ตตัว' ลดความแข็งกระด้าง  เพื่อให้กาแฟมีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น

 

 

‘หอมละมุน’ กาแฟดริปจากชุมพร ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อ ‘โรบัสต้า’ ไปตลอดกาล!

 

 

 

 

ทำไมต้องโรบัสต้าชุมพร

 

พี่แขกเล่าว่า กาแฟโรบัสต้าชุมพรมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ คือ อยู่ในคาบสมุทรของฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นเส้นรุ้งเส้นแวงที่เหมาะกับการปลูกกาแฟโรบัสต้าที่ดีที่สุด เพราะบริเวณนี้มีฝนตกชุก ทำให้โรบัสต้ามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างจากโรบัสต้าที่ปลูกในภาคเหนือหรือใต้สุดของประเทศ

 

ลักษณะรสชาติของโรบัสต้าชุมพรที่ได้รับการพัฒนาแล้วคือ “ความขมน้อย และไม่เหม็นเขียว”

 

อีกทั้งความหอมของกาแฟก็เหมาะกับชื่อ ‘หอมละมุน’ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของชุมพร จนได้รับรางวัลจากการประเมินในรายการ Thai Coffee Excellence โดยได้เป็น 'สุดยอดกาแฟไทยประจำปี 2564' และติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน

 

ปัจจุบัน กาแฟชุมพรมีชื่อเสียงไปทั่วโลก พี่แขกเล่าว่าในลักษณะของแหล่งวัตถุดิบ บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกเองก็ต้องใช้กาแฟชุมพรเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของตนเช่นกัน

 

“ อยากจะบอกคอกาแฟครับว่า เข้าใจว่ามีความกลัวโรบัสต้าที่มาจากประสบการณ์เดิมในระบบอุตสาหกรรม แต่อยากให้ลองชิมหอมละมุน เพราะโรบัสต้าชุมพรได้เปลี่ยนโฉมไปสู่ยุคใหม่ หรือ ‘New Wave Robusta’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

 

‘หอมละมุน’ กาแฟดริปจากชุมพร ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อ ‘โรบัสต้า’ ไปตลอดกาล!

 

.....

 

การเกิดใหม่ของกาแฟโรบัสต้าชุมพร ภายใต้ชื่อ 'หอมละมุน' จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวของสินค้า แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามและความพิถีพิถันของกลุ่มเกษตรกรที่ใช้คุณภาพเข้าต่อสู้กับระบบราคาแบบเดิมๆ เพื่อให้โรบัสต้าไทยสามารถยืนหยัดและโดดเด่นในตลาดโลกได้อย่างสง่างาม.

 

 

 

ข่าวล่าสุด

CNN ปักหมุดไอคอนสยาม ถ่ายทอดสดเคานต์ดาวน์ไทยสู่สายตาโลก