posttoday

อินทรีแดงมิตร ปะทะ อินทรีแดงอนันดา

07 ตุลาคม 2553

วันนี้แล้วสินะที่ฮีโร่สายพันธุ์ไทย “อินทรีแดง” จะเริ่มปฏิบัติการล้างบางคนชั่วทั่วแคว้นแดนสยามให้สิ้นซาก จากอดีตจนถึงเวอร์ชันใหม่ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า “อินทรีแดงยังไม่ตาย”...

วันนี้แล้วสินะที่ฮีโร่สายพันธุ์ไทย “อินทรีแดง” จะเริ่มปฏิบัติการล้างบางคนชั่วทั่วแคว้นแดนสยามให้สิ้นซาก จากอดีตจนถึงเวอร์ชันใหม่ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า “อินทรีแดงยังไม่ตาย”...

เรื่อง วิชช์ญะ ยุติ

วันนี้แล้วสินะที่ฮีโร่สายพันธุ์ไทย “อินทรีแดง” จะเริ่มปฏิบัติการล้างบางคนชั่วทั่วแคว้นแดนสยามให้สิ้นซาก

“กูเป็นพญายมของพวกมึงทุกคน ฆ่าพวกมึงมาแล้วนับไม่ถ้วน กูคืออินทรีแดง”

อินทรีแดงมิตร ปะทะ อินทรีแดงอนันดา

วลีเด็ดกระแทกใจหล่นมาจากปาก “โรม ฤทธิไกร” ตัวละครเอกซึ่งถูกชุบชีวิตขึ้นตามจินตนาการของนักเขียนอาชญนิยายชั้นครู “เศก ดุสิต” (เริงชัย ประภาษานนท์) ที่เกิดปิ๊งไอเดียเขียนเป็นนวนิยายชุด

“นกอินทรีเป็นนกที่มีอำนาจ บินได้สูง มีความยิ่งใหญ่ ผ่านไป 54 ปี ผมพอใจนะที่อินทรีแดงยังมีชีวิตอยู่” เจ้าของบทประพันธ์ในวัย 80 ปีเศษ เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

มาสู่ผลงานภาพยนตร์ไล่ล่ามันระห่ำที่ตัดตอนมาทำเป็นหนังหลายต่อหลายเรื่อง จนถึงเวอร์ชันใหม่โดยผู้กำกับไฟแรง “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า “อินทรีแดงยังไม่ตาย”

“ทุกคนมีความเป็นวีรบุรุษอยู่ในตัวเอง ขึ้นอยู่ว่าเรากล้าปลดปล่อยมันออกมารึเปล่า” ผู้กำกับยืนกราน “ที่อยากทำอินทรีแดงก็เพราะอยากให้คนดูรักตัวละครตัวนี้ อยากให้เขามีชีวิตต่อไปอีกนานแสนนาน”

อินทรีแดง 2 ยุค

อยู่คนละยุค แต่ไม่วายก็ต้องถูกนำมาเปรียบเทียบกันในหลายๆ เรื่อง

ใครหล่อกว่ากัน มิตร หรืออนันดา ใครเหมาะจะเป็นอินทรีแดง พิเชษฐ์ (ชื่อจริงมิตร) หรือบักจ่อย (ชื่อเล่นอนันดา)

อินทรีแดงมิตร ปะทะ อินทรีแดงอนันดา

ว้า ตอบยากจัง!!! มิตรก็หล่อ อนันดาก็เริ่ด เลือกยากๆๆ (ขอเลือกทั้ง 2 ได้ป่ะ?)

พูดถึงความหล่อ คอนเฟิร์มจากสาวๆ (รุ่นนู้นและรุ่นนี้) กินกันไม่ลง เพราะทั้งคู่หล่อ เท่ เร้าใจ ได้คะแนนเต็มสิบโดยไม่ต้องสงกะสัยเลยเชียว

ผู้อำนวยการสร้างวัยดึก “รังสรรค์ ตันติวงศ์” แห่งทัศไนยภาพยนตร์ ที่หยิบบทประพันธ์ตอน “จ้าวนักเลง” มาโลดแล่นบนจอเงิน เคยบอก (ในนิตยสาร Film 
Max) ว่า อินทรีแดงเป็นคาแรกเตอร์ที่โฉลกกับมิตรมาก และตัวมิตรเองก็รู้สึกชอบบทนี้เช่นกัน

ด้วยความที่มิตรมีหุ่นกำยำ สูงราว 185 เซนติเมตร โครงหน้าหล่อเหลา จึงช่วยให้พระเอกฮอตสวมชุดหนังสีดำ คาดหน้ากากเป็นอินทรีแดงได้สง่างาม
ฟากอนันดา แน่นอนไม่ใช่คนแรกที่วิศิษฏ์คิดจะเลือก แต่เพราะอานิสงส์ผลงานอินดี้ที่อนันดาโชว์อกล่ำกล้ามบึ้ก (พอประมาณ) ให้สะดุดตา ผู้กำกับจึงใช้บริการเขา

“ตอนแรกชื่ออนันดาไม่ได้อยู่ในหัวเลย รู้สึกว่าเขาเป็นฮีโร่ไม่ได้ ทุกคนนึกภาพอนันดาก๋องแก๋ง คล้ายๆ ไมเคิล คีตัน (พระเอก Batman ปี 1989) แต่วันหนึ่งพอได้ไปดูหนัง Bangkok Time (กำกับโดย สันติ แต้พานิช) ที่อนันดาเล่นเป็นผู้ชายขายตัว เขาถอดเสื้อ เห็นหุ่นล่ำบึ้ก เราเอารูปเขาลองใส่หน้ากาก ดูทันสมัยขึ้นมาทันที เลยเป็นตัวเลือกที่ลงตัว”

ทั้งหล่อ ทั้งเหมาะ บทอินทรีแดงจึงตกมาที่ 2 พระเอกต่างยุค มิตรดังเป็นพลุแตก และมีแฟนๆ ตอบรับล้นหลามทั่วประเทศเพราะอินทรีแดง กระทั่งวันที่ร่างมิตรหล่นจากบันไดลิงเฮลิคอปเตอร์ขณะถ่ายทำภาพยนตร์ “อินทรีทอง” (ปี 2513) และจากไปอย่างไม่หวนกลับ ภาพจำติดตาของผู้คนก็คืออินทรีแดง ไม่ต่างกับอินทรีแดงยุคใหม่ หลังภาพยนตร์ออกฉาย ชื่ออนันดาก็จะถูกกล่าวขานในหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยในฐานะอินทรีแดงผู้มีลีลาโดดเด่นเฉพาะตัว

เหมือน-ต่าง สำคัญไฉน

ยุคสมัยเปลี่ยนไป อินทรีแดงก็ย่อมไม่เหมือนเดิม

เงินทุนที่มากขึ้นไม่รู้กี่ร้อยเท่า เครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคโนโลยี ไหนจะสภาพบ้านเมืองและผู้คนอีกเล่า ล้วนแต่เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความแตกต่างในอินทรีแดงเวอร์ชันใหม่

อินทรีแดงมิตร ปะทะ อินทรีแดงอนันดา

ดาบไทย ปืนเลเซอร์ มีดพกนกอินทรี มอเตอร์ไซค์คันบิ๊ก คอมพิวเตอร์กราฟฟิกมากถึง 1,400 ช็อต โดยใช้ดับเบิลซีจีสร้างโมเดลเสมือนเป็นสตันต์อนันดาในคอมพิวเตอร์ ทั้งยังนำเทคนิคโมชันพิกเจอร์มาใช้ในฉากต่อสู้ที่ค่อนข้างอันตราย

“เราคงไม่สามารถสร้างฉากแบบนี้ออกมาให้ได้สมจริง หรือดูเสี่ยงเกินไปถ้าให้นักแสดงเล่นเอง เราก็เลยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย” วิศิษฏ์ สรุป

นี่คือสิ่งที่มีอยู่ในอินทรีแดงปี 2553 แต่ไม่มีในอินทรีแดงยุคแรก ที่แทบไม่ได้พึ่งตัวช่วยเยอะขนาดนี้ อาศัยแค่ลีลาแม่ไม้มวยไทยปะทะเข้าใส่ศัตรู บวกกับอาวุธคู่กายอีกเล็กน้อย ที่เหลือก็มาดเท่ๆ ที่ยังคลาสสิกไม่รู้ลืมยามปรากฏตัว

ความต่างอีกอย่างของภาพยนตร์ก็เห็นจะเป็นพล็อตเรื่อง มีการปรับเปลี่ยนตามไอเดียผู้กำกับ “โรม ฤทธิไกร” หาใช่นักธุรกิจเจ้าสำราญ แต่เขาคืออดีตทหารเดนตาย นางเอก “วาสนา เทียนประดับ” ก็พลิกจากลูกสาว สส. สู่เอ็นจีโอต้านการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

เอ้า ความต่างยังไม่หมด และดูจะเป็นเรื่องจงใจ ก็โฆษณาแฝงไง อินทรีแดงเวอร์ชันใหม่อุดมด้วยโฆษณาแฝงจะแจ้งซะงั้น ในสายตานักวิจารณ์ชื่อดัง “มโนธรรม เทียบเทียมรัตน์” บอกไม่เลวร้ายเกินไป เพราะมีนัยบางอย่างซ่อนไว้อย่างแยบคาย ส่วนที่เขารู้สึกพอใจคือวิธีการเล่าเรื่องเด่นชัดสไตล์วิศิษฏ์ รวมทั้งการจบเรื่องก็ค่อนข้างต่างจากอินทรีแดงเวอร์ชันก่อนๆ

“พอคนร้ายถูกพระเอกฆ่าตายหมดหนังอินทรีแดงก็จะจบ ตรงนั้นผมว่าเป็นจุดอ่อนนะ แต่เวอร์ชันนี้ไม่ได้เดินตามสูตรเดิม เพราะตัวละครนายกฯ ชั่วกับองค์กรมาตุลียังลอยนวล ถือเป็นการจบเหวอๆ และเซอร์ไพรส์คนดู โดยปล่อยให้ผู้ชมสับสนว่าตกลงจะยังมีภาคต่ออยู่หรือไม่”

แม้จะต่างกัน ทว่าทั้งสองเวอร์ชันก็มีจุดประสงค์เหมือนกัน นั่นคือเป็นความบันเทิงที่สะท้อนค่าชีวิตนักฆ่าได้สมราคาผู้พิทักษ์ใต้ดิน

เช่นที่เจ้าของบทประพันธ์บอก “มันอาจไปถูกใจหลายคนตรงที่โจรผู้ร้ายที่อินทรีแดงต้องปราบ จะเป็นโจรที่กฎหมายไม่สามารถปราบได้ เช่น ข้าราชการทุจริต นักการเมืองทุจริต ซึ่งมือกฎหมายจริงๆ ปราบไม่ได้ แต่อินทรีแดงปราบได้” 

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี