สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก อีกมุมหนึ่งของชีวิตโทนี แบลร์
ช่วงนี้ดูท่าว่าชื่อของ “โทนี แบลร์” อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกลับมากินพื้นที่ทุกสื่อทั้งในอังกฤษและอีกหลายประเทศทั่วโลกอีกครั้ง...
ช่วงนี้ดูท่าว่าชื่อของ “โทนี แบลร์” อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกลับมากินพื้นที่ทุกสื่อทั้งในอังกฤษและอีกหลายประเทศทั่วโลกอีกครั้ง...
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
ช่วงนี้ดูท่าว่าชื่อของ “โทนี แบลร์” อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกลับมากินพื้นที่ทุกสื่อทั้งในอังกฤษและอีกหลายประเทศทั่วโลกอีกครั้ง
แบลร์ตกเป็นที่กล่าวขานถึงบ่อยครั้งมากกว่า เดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษคนปัจจุบัน ทำให้เราเกือบลืมไปจริงๆ ว่า แบลร์ได้พ้นจากตำแหน่งผู้นำเมืองผู้ดีมากว่า 3 ปีแล้ว
เขาห่างหาย แต่ไม่เคยหายไป....
ระยะเวลาที่ห่างหายไปก็นานพอที่จะทำให้ผู้ชายคนนี้ เจียดเวลาผลิตเงิน และตระเวนเดินทางไปทั่วโลก สามารถเก็บรวบรวมและเรียบเรียง ความคิด ความรู้สึก ทัศนคติ รวมถึงหวนถึงเหตุการณ์วันเก่าๆ เมื่อครั้งรั้งเก้าอี้นายกฯ เมืองผู้ดีออกมาเป็นหนังสือที่ชื่อว่า A Journey : Tony Blair
หนังสือที่แบลร์ยืนยันว่า เขาถักทอทุกถ้อยคำด้วยตัวเอง สวนกระแสเมาท์ที่ว่าอดีตผู้นำ จ้าง “โกสต์ไรเตอร์” มาละเลงเรื่องราวให้
หนังสือเล่มนี้นี่เองที่เป็นที่มาที่ไปของการเดินสายปรากฏตัวในหลายมุมโลกแทบทุกวันในช่วงราว 2 เดือนที่ผ่านมานี้ เพื่อเป็นการโปรโมตหนังสือ กระตุ้นยอดขาย
จะว่าไปอาจจะต้องยกความดีความชอบให้แก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการกวาดพื้นที่สื่อครั้งนี้ เพราะคงจะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายของหนังสือ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพียง 4 วันแรกของการเปิดตัว หนังสือเกลี้ยงแผงไปกว่า 9.2 หมื่นเล่ม แม้บางครั้งถึงจะเปลืองตัว เพราะการปรากฏตัวแต่ละทีก็เผชิญกับอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งโดนรุมวิจารณ์ รุมประท้วง รุมขอลายเซ็น รุมขว้างไข่ โยนรองเท้าใส่
แต่เชื่อได้ว่าล้วนเป็นความเต็มใจของแบลร์ทั้งสิ้น
ในระหว่างการเดินสายโปรโมตหนังสือและเนื้อหาต่างๆ ที่อยู่ในเล่มทำให้เราได้รู้จักกับอดีตผู้นำวัย 57 ปี ได้อีกหลากหลายมุมเลยทีเดียว ไม่ใช่เพียงเรื่องหนักๆ อย่าง สงครามอิรัก หรือนโยบายการเมือง และนโยบายบริหารประเทศเท่านั้น
แต่เราพบว่า แบลร์มีสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “รัก” ในมุมมองความคิดไม่น้อย
แบลร์ยอมเผยตัวตนของตัวเองแม้กระทั่งใน “เรื่องบนเตียง”
บทรักอย่างผู้นำ
อดีตหัวหน้าพรรคแรงงานของอังกฤษเผยทุกมุมในชีวิต หนึ่งในนั้นก็รวมถึงความรักและเซ็กซ์ เว็บไซต์เดอะสเปกเตเตอร์ (The Spectator) ได้หยิบเอาบางช่วงบางตอนของหนังสือมาเล่า และถึงกับต้องบรรยายไว้ว่า
“ไม่ใช่เพียงบทบาทของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพียงรัฐบุรุษของโลก แต่ในหนังสือ A Journey : Tony Blair ยังแสดงให้เห็นว่า เขารู้วิธีที่จะปฏิบัติกับผู้หญิงได้ดีด้วย”
แบลร์เล่าถึงความรู้สึกที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นภรรยา (เชอรี แบลร์) และเธอได้ทำหน้าที่ปลอบประโลมจิตใจของเขา และสร้างความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง
อดีตนายกฯ เมืองผู้ดี ทั้งปันอารมณ์และความรู้สึกของฉากรักในคืนวันที่ 12 พ.ค. 1994 ซึ่งเป็นค่ำคืนที่แบลร์ต้องการกำลังใจ และความเข้มแข็ง หลังจากพรรคแรงงานสูญเสียหัวหน้าพรรค และแบลร์ตัดสินใจเสนอตัวเข้าชิงตำแหน่งนั้น คืนที่ผู้นำอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นภรรยาภายในห้องนอน ณ บ้านพักที่อิสลิงตัน กรุงลอนดอน
แต่ที่ต้องสะดุดก็ตอนที่ผู้นำเมืองผู้ดีบรรยายความรู้สึกภายในว่า ตนต้องการความรักจากภรรยาอย่างมากมายอย่างเห็นแก่ตัว และกัดกินความรักนั้นอย่างตะกละตะกลาม พร้อมทั้งบอกว่าตนทำตามสัญชาตญาณของสัตว์ที่ต้องการทุกๆ อณูแห่งอำนาจทางอารมณ์ จัดการกับสิ่งที่เอนนอนอยู่ตรงหน้า
นั่นจึงเป็นที่มาที่ไปที่ทำให้สื่อหลายแห่ง นิยามว่า แบลร์ คือ “ผู้สวมวิญญาณสัตว์บนเตียง”
แม้กระทั่ง โฮลลี วิลลัฟบี พิธีกรรายการทีวี ดิส มอร์นิง (This Morning) ที่เรียกแบลร์ว่าเป็น “เสือ”
ล่าสุด ด้วยภารกิจเดินสายโปรโมตหนังสือ แบลร์ตกลงปลงใจออกรายการ “เดอะวิว” (The View) ทางช่องเอบีซี ของสหรัฐ หนึ่งในรายการทอล์กโชว์ขวัญใจเหล่าสาวๆ ที่เหล่าพิธีกรหญิงจะเจื้อยแจ้วเจรจานานาสารพันเรื่อง
และยังไม่ทันเข้ารายการ “เสือแบลร์” ก็ยอมรับว่ามีอาการหวั่นๆ เพราะในระหว่างที่แบลร์ยืนรอคิวอยู่ด้านหลังเวที พิธีกรหญิงของรายการก็กำลังถกกันถึงเรื่องของน้ำมันปลุกเร้าอารมณ์ที่มีขายอยู่ในตลาด ด้วยความเจื้อยแจ้วตามประสา|ผู้หญิงราวกับนกแตกรัง
อันที่จริง ในหนังสือเล่มนี้ยังเผยให้เห็นมุมมองของแบลร์ ที่มองไปยังคนอื่นๆ ที่รายล้อมชีวิตไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วยหญิงคนสำคัญของแบลร์อย่าง แอนจิ ฮัตเตอร์ ซึ่งเธอเป็นเพื่อนกับแบลร์ตั้งแต่วัยเรียน
เดอะการ์เดียนของอังกฤษบรรยายว่า แบลร์พยายามทำให้คนทั่วไปเห็นภาพว่า ตนเองก็เป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อตัวตนและความรู้สึกไม่ต่างจากคนทั่วๆ ไป
“เรารู้จักกันตั้งแต่อายุ 16 ตอนนั้นฉันเคยพยายามเขยิบพาตัวเองเข้าไปซุกในถุงนอนของเธอในงานปาร์ตี้ที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ (ไม่สำเร็จ!)
“เธอเฝ้าดูแลผมอย่างดีเมื่อตอนอยู่ในมหาวิทยาลัย และเราพบกันอีกครั้งเมื่อตอนที่ผมเป็น สส. และเราก็ทำงานร่วมกันตั้งแต่นั้น เธอเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่และร่าเริง และเธอก็เคยใช้คุณสมบัติทั้งสองสิ่งนี้จนเป็นผลกระทบที่มหาศาลท่วมท้นมาแล้ว” แบลร์เขียนไว้ในหนังสือเล่มดังกล่าว
นอกจากนี้ ก็ยังมีส่วนที่พูดถึง เจ้าหญิงไดอานา ผู้ล่วงลับ เดวิด มิลลิแบนด์ นักการเมืองรุ่นใหม่ หนึ่งในตัวเต็งหัวหน้าพรรคแรงงาน บิล คลินตัน และจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ
อีกเรื่องหนึ่งที่สื่อหลายแห่งหยิบยกมาเล่า คือ เรื่องของเซ็กซ์และนักการเมือง ที่ดูคล้ายเป็นแรงดึงดูดระหว่างกัน จนทำให้มีเรื่องราวความรักนอกลู่นอกทางของนักการเมืองคนดังอยู่บ่อยครั้ง
“การเมืองและเซ็กซ์เป็นสิ่งที่แปลกอย่างหนึ่ง บ่อยครั้งที่คนทั่วไปพูดกับผมว่า อำนาจเป็นเหมือนสารกระตุ้นอารมณ์ทางเพศอย่างหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันการเมืองยังเป็นเรื่องของผู้ชายเป็นส่วนมาก ดังนั้นผู้หญิงจะเข้าหานักการเมืองในแบบที่บรรดานักการเมืองก็ไม่เคยคิดฝัน”
แบลร์มองว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นคล้ายเป็นแรงปะทุที่หลุดออกมาจากการที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของความรับผิดชอบ ความตึงเครียด
รักที่เลือกไม่ได้ : ‘ลูกชาย’ หรือ ‘บีบี’
บทบาทหนึ่งของแบลร์คือการเป็นคุณพ่อลูก 4 แต่ขณะเดียวกันแบลร์ก็เป็นอีกหนึ่งบรรดาผู้นำหลายๆ คนที่ติดแบล็คเบอร์รี่งอมแงมแบบที่เรียกว่า “เข้าเส้น” (นอกจากแบลร์แล้วก็ยังมีประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ และสมาชิกแห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่จัดอยู่ในแก๊งบีบีฟีเวอร์)
โดยบอกว่า บีบี เป็นเหมือนโลกทั้งใบของตน
“วันนี้ บีบีเป็นทุกอย่างสำหรับผม มากจนกระทั่งวันหนึ่งลีโอถามผมว่า ‘พ่อครับ พ่อรักอะไรมากกว่ากัน ผมหรือโทรศัพท์’”เดลีเมล์ ของอังกฤษรายงานคำพูดของลีโอ ลูกชายคนเล็กวัย 10 ขวบ
แต่ต้องยอมรับว่า แม้จะพ้นจากการทำหน้าที่ผู้นำประเทศแล้ว ชีวิตของแบลร์ก็ยังต้องติดอาการชีพจรลงเท้า หนำซ้ำยังต้องเดินทางถี่มากกว่าเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ
“ทุกวันนี้ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ แต่ต้องคอนเนกโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นทางเดียวที่จะติดต่อกับคนที่บ้านได้ ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนในโลก” แบลร์ กล่าว
หลังพ้นจากเก้าอี้นายกฯ แบลร์ก็ยังคงปั๊มเงินได้มหาศาลจากการไปพูดในที่ต่างๆ การทำธุรกิจ เดลีเมล์ เคยสืบเสาะถึงการเดินทางทั้งในด้านการทูต การกุศลเพื่อสังคม ธุรกิจ และกิจกรรมพักผ่อนต่างๆ ของแบลร์เมื่อปี 2009 ซึ่งพบว่า การเดินทางบ่อยครั้ง ทำให้แบลร์ใช้เงินในการจ้างงานบอดีการ์ดติดตามแบลร์ไปในทุกที่ถึงราว 2.5 แสนปอนด์ต่อปี
แต่ทว่านั้นก็เป็นการสร้างเงินให้แบลร์ได้เป็นกอบเป็นกำ รายงานชิ้นเดียวกันนี้ยังระบุด้วยว่า แบลร์ต้องว่าจ้างที่ปรึกษาจาก เจ.พี. มอร์แกน ปีละกว่า 2 ล้านปอนด์ เพื่อช่วยแนะนำทางด้านกลยุทธ์ต่างๆ อีกด้วย


