เปิดโลกสัตว์ต่างถิ่นที่ ซาฟารีเวิลด์
ไทยเป็นประเทศที่มียีราฟมากที่สุดในโลก คำกล่าวนี้จะไม่เป็นจริงได้เลยหากไม่มีซาฟารีเวิลด์ เพราะยีราฟ 300 กว่าชีวิต
โดย...กั๊ตจัง
ไทยเป็นประเทศที่มียีราฟมากที่สุดในโลก คำกล่าวนี้จะไม่เป็นจริงได้เลยหากไม่มีซาฟารีเวิลด์ เพราะยีราฟ 300 กว่าชีวิตและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ใช้ชีวิตอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่แสนสบายโดยไม่จำเป็นต้องสอดส่องจากบรรดาสัตว์นักล่า แค่มองหาคนให้อาหารบนเชิงเทินก็พอ และแน่นอนว่าเด็กๆ ที่ได้แต่มองดูสัตว์ป่าแอฟริกาเหล่านี้ผ่านช่องสารคดีจะต้องตะลึงเมื่อได้มาเห็นของจริงที่มีขนาดสูงใหญ่อย่างใกล้ชิด
ซาฟารีเวิลด์ตั้งอยู่ริมถนนซาฟารีเวิลด์ ถนนปัญญาอินทรา การเดินทางค่อนข้างจะซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่เคยไป แนะนำให้ขับรถเข้าสู่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้าสู่แฟชั่นไอส์แลนด์ ก่อนถึงทางเข้าแฟชั่นไอส์แลนด์ลอดใต้สะพานมอเตอร์เวย์ บางปะอิน มองหาป้ายไปหมู่บ้านปัญญาอินทรา แยกนี้สำคัญมากครับมองป้ายทางให้ดี เลี้ยวผิดชีวิตเปลี่ยน จากจะไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์จะได้ไปเที่ยวบางปะอิน ไม่ก็เดินเล่นที่แฟชั่นไอส์แลนด์แทน หากรอดแยกนี้มาได้วิ่งผ่านหมู่บ้านปัญญาอินทราทางตรงยาวจนใกล้จะรู้สึกว่าหลงทาง สุดถนนใหญ่อีกด้านก็จะเห็นป้ายทางเข้าซาฟารีเวิลด์พอดี
บน 430 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ ซาฟารีปาร์ค เป็นสวนสัตว์เปิด มารีนปาร์ค และโซนการแสดง ในโซนซาฟารีปาร์ค หากนำรถมาแนะนำให้เข้าไปเที่ยวในโซนนี้ก่อนครับ ยิ่งได้มาตอนเช้าสัตว์ส่วนใหญ่จะยังออกหากินตอนเช้า ก็จะได้บรรยากาศที่ดีกว่าช่วงเที่ยงที่สัตว์เริ่มหลบแดดเข้านอนกลางวัน แต่ถ้าไม่ได้นำรถส่วนตัวมาให้รอรถบัสของทางสวนสัตว์มีบริการนำเข้าพื้นที่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ ถ้าเลือกได้ผมเลือกนั่งรถบัสของทางสวนสัตว์ดีกว่า เพราะจะได้ความรู้อื่นๆ ไปในตัว
พื้นที่แรกเป็นที่อยู่อาศัยของม้าลาย ยีราฟ และนก สภาพพื้นที่เป็นลานกว้างใหญ่ มีหนองน้ำ และต้นไม้ขึ้นโดยรอบคล้ายกับพื้นที่ในป่าแอฟริกาตามธรรมชาติ เด็กๆ จะได้เห็นยีราฟ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์มาไซ ซึ่งจะมีลายสีเข้มๆ เห็นเด่นชัด ส่วนตัวที่มีสีอ่อนลายไม่ค่อยชัดนัก คือ พันธุ์เซาท์แอฟริกา ได้เห็น นกกระสา นกกาบบัว นกปากห่าง นกพิลิแกน นกกาน้ำ นกกระยาง และนกกางเขน เป็นต้น และ
ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในโซนนี้ เช่น แรดขาว ซึ่งมีเหลืออยู่น้อยแล้วในทุ่งหญ้าแอฟริกา นกกระจอกเทศที่วิ่งได้เร็วถึง 80 กม./ชม. มีม้าลายที่ทางสวนสัตว์เปิดแห่งนี้สามารถเพาะพันธุ์ผสมพันธุ์ได้เอง และอูฐหนอกเดียว เจ้าของฉายาเรือรบแห่งทะเลทราย จากความสามารถในการกักเก็บน้ำในร่างกายได้นานนับเดือน
จากนั้นขับเข้าโซนสัตว์ใหญ่ ซึ่งต้องผ่านประตูเหล็ก 2 ชั้น เหมือนกับภาพยนตร์จูราสสิกปาร์ก แต่เราจะเข้าไปดู กวาง วัวป่า กระทิง วัววาตูซี โอริกซ์วินเดอร์บีส และเป็นโซนที่ดูจะมีประชากรหนาแน่นเพราะสัตว์กีบจะมีอัตราการขยายพันธุ์สูง จากนั้นก็จะเข้าสู่โซนสิงโตและโซนเสือเบงกอล หรือเสือโคร่ง ซึ่งเป็นเสมือนเจ้าแห่งป่าดงดิบแถบเอเชีย ก็ต้องผ่านประตูเหล็กกั้นโซนอีกเหมือนเคย ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นเสือวิ่งไล่ล่าวัวป่ากันจริงๆ หากขับรถมาเที่ยวด้านใน ไม่ว่าจะอยู่โซนไหนแนะนำว่าห้ามเปิดกระจกชะโงกหน้าออกไปนอกรถเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย หากรถเสียก็แค่เปิดไฟกะพริบ โทรขอความช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่มาลากรถ
จากนั้นรถก็จะวิ่งออกจากโซนซาฟารีมาที่ลานจอดรถหน้าทางเข้า ซาฟารีเวิลด์จุดเดิมที่เราซื้อตั๋วเข้ามาเพื่อเข้าสู่โซนมารีนปาร์ก ซึ่งมีการแสดงของสัตว์แสนรู้ที่ถูกฝึกมาให้แสดงรายการต่างๆ อย่างน่าอัศจรรย์ มีทั้งการแสดงของลิงอุรังอุตัง การแสดงของสิงโตทะเล การแสดงของโลมาและวาฬขาว การแสดงของนก การแสดงของช้างและการให้อาหารหมีขาว
ที่นี่มีจุดหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปชมนักก็คือศูนย์เพาะพันธุ์ไข่ ที่เพาะขยายพันธุ์สัตว์ปีกทุกชนิดที่มีอยู่ ที่สามารถจะเพาะฟักไข่ตั้งแต่นกแก้วฟองเล็กไปจนถึงนกกระจอกเทศ นกอีมู และนกเรียร์ เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่ทำให้ซาฟารีเวิลด์มีนกสวยๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
การเที่ยวที่ซาฟารีเวิลด์ให้ครบภายในวันเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ด้วยขนาดของพื้นที่ใหญ่และแต่ละจุดเด็กๆ ก็อยากจะใช้เวลาดูให้นานที่สุด โดยเฉพาะส่วนให้อาหารยีราฟ ลิงอุรังอุตัง และโลมา ดังนั้นควรเลือกรูปแบบการเที่ยวที่เด็กอยากดูมากที่สุด ที่เหลือปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างทางที่อยู่ใกล้จุดการแสดงไหนที่กำลังจะเริ่มค่อยเข้าไปชมก็ได้
อย่างโชว์สงครามจารกรรมและคาวบอยโชว์ สตันต์โชว์ เป็นการแสดงที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นตระการตา ฉากแสงเสียงและสเปเชียลเอฟเฟ็กต์เร้าใจโดยทีมงานระดับโลก การแสดงต่างๆ นี้จะจัดเป็นรอบๆ ไล่เรียงกันไป ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะดูโปรแกรมและชมการแสดงได้ทุกชุดเกือบตลอดทั้งวัน แนะนำให้ไปเที่ยวที่นี่ตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพื่อที่จะได้ชมการแสดงครบทุกอย่างในวันเดียว แต่สำหรับคนที่เคยไปดูมาแล้วอย่างผม 15 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้นครับ
บางทีเราก็สงสัยเหมือนกันว่านักแสดงเหล่านี้ไม่มีความรู้สึกเบื่อบ้างหรืออย่างไรที่ต้องพูดสคริปต์ซ้ำๆ แสดงเดิมตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่พอเราได้มองผู้คนรอบข้าง ซึ่งเกินครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางและชาวจีน เราก็คิดได้ว่าเป็นเรื่องเก่าของเราแต่กับนักท่องเที่ยวเหล่านี้เขาเพิ่งดูครั้งแรก เป็นความตื่นเต้นครั้งแรก และนักแสดงทุกคนและทุกตัวต่างก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการแสดงที่ดูเหมือนพวกเขาและสัตว์นักแสดงจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ มีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปรบมือ และความสุขที่สำคัญกว่านั้นก็คือความสุขของเด็กๆ ที่จะได้เรียนรู้ธรรมชาติอย่างใกล้ชิด


