วิถีคนกล้า
ได้อ่านเฟซบุ๊ก Euthana Mukdasanit หรือ ยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับการแสดงที่ถือเป็นยอดฝีมือในระดับตำนานของวงการหนังไทยร่วมสมัย
โดย...พริบพันดาว ภาพ : มานิต ศรีวานิชภูมิ
ได้อ่านเฟซบุ๊ก Euthana Mukdasanit หรือ ยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับการแสดงที่ถือเป็นยอดฝีมือในระดับตำนานของวงการหนังไทยร่วมสมัย ที่นำภาพถ่ายจากภาพยนตร์ เรื่อง “วิถีคนกล้า” นำมาลงไว้เพื่อรำลึกบันทึกความหลังให้ได้อ่านกันพร้อมเขียนสเตตัสไว้ว่า
“ผมได้ชักขวน คุณมานิต ศรีวานิชภูมิ ที่เป็นช่างภาพมืออาชีพอยู่ขณะนั้น ทั้งที่ไม่เคยถ่ายภาพนิ่งหนังมาก่อน เพราะเคยได้เห็นผลงานและแนวคิดที่เป็นของตัวเองงดงาม...คุณมานิตตอบรับและไปอยู่บนดอยกับผมตลอด 3 เดือนของการถ่ายทำวิถีคนกล้า!!!”
ปัจจุบันมานิตถือเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ มีนิทรรศการภาพถ่ายในทางศิลปะที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
มาว่ากันถึงภาพยนตร์ เรื่อง “วิถีคนกล้า” เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี 2534 กำกับการแสดงโดย ยุทธนา มุกดาสนิท ซึ่งสร้างจากบทประพันธ์ชื่อเรื่องเดียวกันของ มาลา คำจันทร์ (นักเขียนรางวัลซีไรต์) นำแสดงโดย นรินทร์ ทองคำ, ณหทัย พิจิตรา, ธิศวรรณ สุวรรณโพธิ์, จรัล มโนเพ็ชร และพุฒิชัย (อครา) อมาตยกุล
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลมากมาย รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี หรือรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 15 ประจำปี 2534 ถึง 7 รางวัล คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ลำดับภาพและตัดต่อยอดเยี่ยม ออกแบบและสร้างฉากยอดเยี่ยม เพลงประกอบยอดเยี่ยม ดาวรุ่งฝ่ายชาย (นรินทร์ ทองคำ)
รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 2 ประจำปี 2534 5 รางวัล คือ ภาพยนตร์ไทยยอดเยี่ยม ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม
รางวัลสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2534 กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
สำหรับ “วิถีคนกล้า” เป็นผลงานนวนิยายของ มาลา คำจันทร์ เป็นนามปากกาของ เจริญ มาลาโรจน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2556 เป็นนักเขียนรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) จากเรื่อง “เจ้าจันท์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน” ซึ่งมีความดีเด่นในตัวเองตั้งแต่เป็นนวนิยาย เมื่อหยิบมาทำภาพยนตร์จึงกลายเป็นความสมบูรณ์ในศิลปะอีกสายทางหนึ่งซึ่งเอื้อหนุนต่อกัน
ยุทธนาได้พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ ตอนนำกลับมาฉายใหม่ที่ทีเคพาร์คว่า
“กับวิถีคนกล้าถือว่ายากและหนักที่สุดในชีวิตการทำงาน เพราะดันไปเลือกถ่ายทำออนโลเกชั่นจริง 100% ในหมู่บ้านกะเหรี่ยงบนยอดดอยทั้งเรื่อง ย้ายกล้องย้ายไฟที ปีนเขาขึ้นไปเป็นชั่วโมงๆ อยู่ 3 เดือน แถมพระเอกยังสติแตกเป็นระยะๆ เกินการควบคุม”
เช่นเดียวกัน มโนธรรม เทียมเทียบรัตน์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์อิสระ ได้แสดงความคิดเห็นถึงหนังเรื่องนี้บนเวทีเสวนาที่ทีเคพาร์ค ในหัวข้อ “หนังจากวรรณกรรม” โดยบอกว่า
“...ตัวเนื้อเรื่องนั้นออกแนวอีโรติก ซึ่งสื่อถึงเรื่องของแรงขับเคลื่อนทางเพศที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ล่วงลุไปถึงอำนาจสูงสุด ความทะยานอยาก การใช้ความรุนแรง การก่อสงครามไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องเสมอไป ในหนังจะเห็นภาพหลายๆ ภาพที่สะท้อนชีวิตของคนทุกยุคทุกสมัย และยังใช้ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน
“โดยส่วนตัวฉันชอบจ่อมุน้องของจ่อปา เพราะเขาดูเหมือนคนจริงๆ ฉันว่าดูภาพยนตร์แล้วก็ให้สะท้อนใจ... หอกดาบ ฆ่าคนได้ในระยะไม่เกิน 10 หลา แต่อาคมสามารถฆ่าคนได้ไกลถึงร้อยหลา... การปกครองโดยใช้กำลังและความป่าเถื่อนกับการปกครองด้วยความเชื่อและความกลัว จุดจบไม่ต่างกัน การใช้แต่กำลังโดยขาดสติยั้งคิดนำหายนะมาสู่ผู้กล้าทุกยุคทุกสมัย การใช้แต่แผนการนำประโยชน์เข้าตัว สุดท้ายก็นำหายนะมาสู่ตนเองเช่นกัน... ถ้ามีโอกาสก็ลองหาหนังสือเรื่องวิถีคนกล้า มาอ่าน จะช่วยทำให้เข้าใจสารที่ผู้แต่งและผู้กำกับต้องการสื่อ ได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว…”
แม้เวลาผันผ่านมาถึง 26 ปีเต็มแล้ว นวนิยายและภาพยนตร์ “วิถีคนกล้า” ยังรอให้ผู้คนร่วมสมัยได้หามาอ่านและชมเพื่อรำลึกความหลังถึงความดีเด่นของศิลปะสองแขนงที่มาบรรจบกัน


