เสียงหัวเราะกับเสียง(ร้อง)เพลง

โดย...นกขุนทอง

กำลังฮอตติดลมบน เรตติ้งพุ่งกระฉูด สำหรับรายการ “หน้ากากนักร้อง” (The Mask Singer) ทางช่องเวิร์คพอยท์ (ฟอร์แมตรายการจากประเทศเกาหลี) ตอนนี้ออกอากาศถึงรอบไฟนอลแต่ละสาย มี เอ บี ซี และดี ที่เพิ่งงอกขึ้นมาใหม่หลังจากกระแสกดแชร์กดไลค์กดดูรายการพุ่งเป็นหลักล้าน เรียกว่าทำลายทุกสถิติรายการโทรทัศน์ที่ดูขณะออกอากาศ มิหนำซ้ำเร่งเครื่องผลิตซีซั่นสองต่อทันที

รายการแข่งขันร้องเพลงเป็นที่คุ้นเคยกันบนหน้าจอโทรทัศน์ไทยมาตั้งแต่ยังเป็นจอขาว-ดำ ทั้งเพลงแนวลูกทุ่ง แนวไทยสากล สากล และล้วนเป็นรายการใหญ่ที่ใครได้เป็นแชมป์ถูกการันตีว่า นักร้องคุณภาพ ผู้เข้าแข่งขันก็ล้วนแต่ลูกคอเจ็ดชั้น คณะกรรมการก็ผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงเพลง นั่งเงียบๆ ยิ้มๆ ให้คะแนนกันไป จนเข้ามาสู่ยุคทีวีดิจิทัลจำนวนรายการมากตามช่อง นอกจากข่าว ละคร รายการที่โดดเด่นและแชร์เวลาบนผังมากที่สุดก็คือ รายการเพลง จนมีเสียงบ่นเปรยๆ เปิดไปช่องไหนก็เจอแต่รายการเพลงซ้ำกันไปหมด ยังมีต่อ ร้องไม่เพราะเลย

เดี๋ยวก่อน “ร้องเพลง” อาจจะเป็นตัวชูที่เหมือนกัน แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยย่อมมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อะไรที่จะเป็นจุดขายและเติมความต่างในรายการเพลงที่เกลื่อนจอ ณ ตอนนี้ ผู้ผลิตต่างคิดสรรมาใส่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตอนนี้เห็นเหมือนกันก็คือ “คอมเมนเตเตอร์” คณะกรรมการ โค้ช หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ ไม่ได้มีความสามารถทางดนตรีและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโน้ต การใช้ช่องเสียง ฯลฯ เท่านั้น แต่ต้องมีไหวพริบมีการพูดจาที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ด้วย ดังนั้นกูรูทางเพลงต้องไม่อยู่บนหิ้งแต่ต้องมีลูกล่อลูกชน หรือแม้แต่คอมเมนเตเตอร์ที่ไม่ได้อยู่ในสายเพลงแต่มีใจรักเสียงเพลงและรอบรู้ ที่ได้เปรียบในลีลาและมีมุขตลกเป็นต้นทุน เช่นนั้น เสียงเพลงเป็นตัวเชิญคนดู แต่เสียงหัวเราะที่คนดูได้รับจากรายการต่างหากที่จะเป็นตัวดึงดูดให้คนดูตั้งตารอดูรายการอีก

รายการร้องเพลงต้องเสียงดีสิ แน่นอนว่าหลายรายการที่ผุดขึ้นมาผู้ชนะไม่ได้เสียงขี้ริ้วนัก อย่างรายการ “เดอะ วอยซ์” ช่อง 3 (ลิขสิทธิ์จากประเทศเนเธอร์แลนด์) ผู้เข้าแข่งขันเสียงดีจริง แถม 4 โค้ช ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา โจอี้ บอย สิงโต นำโชค และดา เอ็นโดรฟิน นอกจากเป็นศิลปินที่คนฟังไว้วางใจแล้วยังมีลูกเล่นจังหวะการพูดแพรวพราวด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกรายการที่ผู้เข้าแข่งขันเป็นคนจากทางบ้าน ไม่ได้มีหน้าตาชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก จุดขายของรายการน้ำหนักอยู่ที่พิธีกร คอมเมนเตเตอร์ โค้ช กรรมการ

รายการ “กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงินล้าน” ทางช่อง 7 สี เป็นรายการแรกๆ ที่ได้รับความนิยมคนดูติดใจในลีลาของคณะกรรมการ เพราะรูปแบบการแข่งขันมีศิลปินต้นฉบับ มาตามหาเงาเสียง ไม่ใช่โจทย์ใหม่ หากแต่ลีลาของคณะกรรมการบวกกับความเจนเวทีของพิธีกร กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ กับ ดู๋-สัญญา คุณากร ที่เป็นเสน่ห์และเรียกเสียงฮา และที่จับกลุ่มผู้ชมตลาดแมส คือช่วง ประชันเสียงดี เป็นการแข่งขันของชุมชน รายการใดก็ตามที่ผู้ชมได้มีส่วนร่วมด้วยเขาจะซื่อสัตย์และชื่นชมรายการเป็นแฟนประจำที่ประคับประคองเรตติ้ง เฉกเช่นเดียวกับรายการ “จันทร์พันดาวร้องสู้ฝัน” ผู้เข้าแข่งขันสมัครเข้ามาประชันเสียงร้องเพื่อพิชิตเงินรางวัล บ้างก็นำไปช่วยครอบครัว เป็นทุนการศึกษา หรือรักษาสุขภาพ ฯลฯ

อีกหนึ่งรายการจากช่อง 7 “ร้องแลก แจกเงิน Singer Takes It All” (รายการฟอร์แมตจากประเทศอังกฤษ) ของบริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ เอ-วราวุธ เจนธนากุล รับหน้าที่พิธีกร ต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ และ เชาเชา-ชวลิต ศรีมั่นคงธรรม เป็นคอมเมนเตเตอร์ประจำ ยังมีอีก 1 คนจะหมุนเวียนมาในแต่ละสัปดาห์ จุดเด่นของรายการคือ ร้องเพลงบนรางเลื่อนที่ยาว 18 เมตร สามารถเลื่อนไปกลับได้ตลอดด้วยการกดให้คะแนนของผู้ชมในห้องส่งและคอมเมนเตเตอร์ ดังนั้นไม่ใช่แค่เสียงดี แต่ออกลีลาถูกใจ ก็ได้รับคะแนน และคะแนนสามารถพลิกได้ตลอดเวลาจนจบเพลง

“I Can See Your Voice Thailand” อีกหนึ่งรายการของเวิร์คพอยท์ จับฟอร์แมตเกาหลี ระเบิดความฮาในเมืองไทย ไม่น่าเชื่อว่า รายการร้องเพลงที่มีคนมาร้องเพี้ยนๆ ให้ฟังนั้นก็โดนอกโดนใจถูกจริตคนไทย อาจเป็นเพราะความอยากรู้ ชอบทายว่าใครกันนะจะเสียงดีจะร้องเพี้ยน อีกเช่นเคยแก๊งนักสืบ ก็คือคนในวงการที่มาร่วมกันค้นหาจับผิดก็ต่างมีลีลาสรรหาถ้อยคำมากระตุกต่อมฮา หนึ่ง-จักรวาล เสาธงยุติธรรม อ้วน-มณีนุช เสมรสุต หอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ต้นหอม นุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร  ซาร่า-นลิน โฮเลอร์ ตั๊ก-ศิริพร อยู่ยอด บางคนซ้ำกันไปมากับรายการหน้ากากนักร้องและกิ๊กดู๋ฯ

ความสำเร็จของรายการหน้ากากนักร้อง ที่วันออกอากาศมีผู้ติดตามหลายล้านที่ดูผ่านเฟซบุ๊ก และหน้าจอทีวี ก็คือความท้าทายว่าใครกันอยู่ภายใต้หน้ากาก เพราะเขาการันตีว่าคือเซเลบและคนมีชื่อเสียงศิลปินนักแสดง หรือใช้คำว่า ซูเปอร์สตาร์ นั่นล่ะ แม้บางรายเปิดหน้ากากออกมาจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักก็ตาม และคณะกรรมการ 7 คน ที่ผลัดเปลี่ยนมาร่วมวิเคราะห์และตัดสินเสียงร้องภายใต้หน้ากากก็มีลีลาอย่างฮา ผ่านจุดฮา มาถึงจุดลุ้นของผู้ชม ผู้เข้าแข่งขันที่ได้ผลโหวตน้อยต้องเปิดหน้ากากให้เห็นตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นใคร! อ๋ออีกอย่างเสียงที่ร้องออกมานั้นก็ไพเราะ ฟังแล้วยิ่งกระตุกต่อมอยากเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากาก

รายการเพลง ไม่จำเป็นต้องเฟ้นหาคนร้องเพลงไพเราะแล้วหรือนั้นขึ้นอยู่กับคอนเซ็ปต์แต่ละรายการ แต่โจทย์ใหญ่แทบทุกรายการมีคือ “ความบันเทิง” ที่จะสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะแก่คนดู เมื่อไหร่ที่คนดูเข้าถึงความสุขง่ายๆ ได้หัวเราะ เสียงร้องเพลงเพราะๆ ก็อาจไม่จำเป็น