ทศพร อาชวานันทกุล ในวันที่บินเดี่ยว
การแยกทางเดินของดูโอ้ “ซินและนัท” แห่งวงซิงกูลาร์ (Singular) เจ้าของซิงเกิ้ลเพลง “เบา เบา”
โดย...กองทรัพย์ ภาพ... กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
การแยกทางเดินของดูโอ้ “ซินและนัท” แห่งวงซิงกูลาร์ (Singular) เจ้าของซิงเกิ้ลเพลง “เบา เบา” ที่สร้างปรากฏการณ์เพลงแรงแห่งปี สู่อันดับที่ 1 บนชาร์ตคลื่นวิทยุครอบคลุมทุกพื้นที่ของเมืองไทย ในปี 2553 จากนั้นพวกเขาก็กวาดรางวัลด้านดนตรีมาอีกมากมาย และเมื่อปี 2556 ณ ขณะนั้นทั้งคู่ให้เหตุผลว่าต่างคนต่างอยากไปทำตามสิ่งที่ตัวเองฝันกับเพลงสุดท้ายที่คู่กัน Until we meet again (จนกว่าจะพบกันอีก) ด้วยเนื้อหาการจากลาที่สวยงาม
“...ต่างคนต่างมาทำความฝัน...ด้วยกัน
...ต่างคนต่างไปตามความฝัน...ของตัวเอง
...{จนกว่าจะพบกันอีกครั้ง}”
หลังจากนั้นเขาก็ชัตดาวน์ตัวเอง หายไปพักกายพักใจ รีเซตสมองใหม่ แต่งเพลงเก็บสะสมไปเรื่อย 3 ปีผ่านไป เรานัดเจอ ซิน-ทศพร อาชวานันทกุล อีกครั้งในวันที่เขากำลังปั้นอัลบั้มเดี่ยวที่ 2 ของตัวเอง เริ่มจากซิงเกิ้ลเพลงอยากบอกว่ารัก หลังจากอัลบั้มแรกได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง วันนี้หนุ่มหน้าหวาน ผมยาว เจ้าของเสียงร้องหวานนุ่ม ในต่างเส้นทางการเรียนรู้ การเดินทางแบบบินเดี่ยวของหนุ่มคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ลองเข้ามารู้จักกับซินอีกสักนิด แล้วคุณจะตกหลุมรักผู้ชายผมยาว (ประบ่า) หน้าหวาน ยิ้มง่ายคนนี้โดยไม่รู้ตัว
เริ่มเป็นผู้ให้
ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นทำให้คนจดจำเขาได้ในทันทีที่พบกันครั้งแรก ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ติดใจอะไรนั่นก็คือ “ผู้ชายอะไรหน้าสวย” แต่การเจอซินครั้งนี้ ลุคของเขาดูเปลี่ยนไปเริ่มจากผมที่เคยยาวเกือบถึงเอว ตอนนี้กลายเป็นผมยาวประบ่า เขาตอบข้อสงสัยนี้...
“ถ้ายังจำได้น้องยิปโซ (อริย์กันตา มหาพฤกษ์พงศ์) และเพื่อนๆ ได้จัดตั้งโครงการ The Greater Cut ตัด-ต่อความสุข ครั้งแรกขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อระดมทุนในการทำวิกผมให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องผ่านการทำเคมีบำบัด ซึ่งเขาเปิดโครงการด้วยการตัดผมตัวเองบริจาคและรณรงค์ให้สาวคนอื่นๆ ร่วมบริจาคด้วย ครั้งแรกก็สำเร็จไปด้วยดี
ในโครงการครั้งที่ 2 ผมก็ได้รับคำชวนจากน้องยิปโซในการระดมทุน ผมตัดสินใจตัดผมที่ไว้ยาวออกไป 14 นิ้ว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการระดมทุนครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับนอกจากความอิ่มเอมทางใจที่ยากจะอธิบาย เพราะส่วนหนึ่งที่เรารักมากก็คือเส้นผม ได้นำไปใช้ประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการจริงๆ และยังเป็นสัญลักษณ์ของการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบากอยู่ ผมว่าเป็นสิ่งดีที่ได้ทำ และยังเป็นการปรับลุคของตัวเองไปในตัวให้ดูสดใสขึ้น เป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆ สำหรับผมเองด้วย”
ล่าสุด ซินเล่าถึงการทำงานร่วมกับโปรเจกต์ We : พอ “เพลงของพ่อ” ที่รวมพลังของคนดนตรีและศิลปินจากทั่วฟ้าเมืองไทยนับร้อยชีวิตมารวมพลังเล่นและร้องเพลง ซึ่งเป็นการนำเอา 4 บทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาร้อยเรียงกัน ได้แก่ เพลงแผ่นดินของเรา เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 34 เพลงใกล้รุ่ง เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 4 เพลงสายฝน เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 3 และเพลงความฝันอันสูงสุด เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43 ด้วยการเรียบเรียงผสมผสานแนวดนตรีต่างๆ เครื่องดนตรีทั้งไทย-สากล จัดวางจังหวะได้อย่างพอดี กลายเป็นความหลากหลายที่ลงตัวเป็นหนึ่งเดียวในวิดีโอ 15 นาทีกว่าๆ ชิ้นนี้ ซึ่งซินมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในเพลงใกล้รุ่งร่วมกับศิลปินแนว Easy Listening คนอื่นๆ
“รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับโอกาสในโปรเจกต์เทิดพระเกียรติครั้งนี้ บรรยากาศในวันนั้นแม้จะโศกเศร้าอยู่มาก แต่ทุกคนทำงานเต็มที่ ซินได้เป็นหนึ่งศิลปินที่ได้ถ่ายทอดบทเพลงใกล้รุ่ง คือ ด้วยความหมายของเพลงเป็นการให้ความหวัง ขณะที่ร้องเราก็นึกถึงแสงวันใหม่ หลังความมืดความเหงาปกคลุมประเทศไทยมาพักใหญ่ เราหวังว่าคนที่ได้ฟังเพลงของโปรเจกต์นี้จะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ร่วมกันทำสิ่งที่พระองค์ท่านได้ดำริไว้ ซินในฐานะศิลปินนักร้องก็จะทำงานที่ตัวเองถนัดให้ดีที่สุดเช่นกัน”
เรียนรู้สิ่งใหม่
ในวันนี้นอกจากเขาจะมาในฐานะศิลปินเดี่ยวในสังกัด บีอีซี–เทโร มิวสิค เขายังมีอีกหนึ่งตำแหน่งพ่วงมาด้วยคือพาร์ตเนอร์คนใหม่ล่าสุดของร้านไวท์เดย์ พาทิซเซอรี่ (White Day Patisserie) ในงานเปิดร้านอย่างเป็นทางการสาขาสยามเซ็นเตอร์ ซินทำการแสดงสด เริ่มต้นด้วยกล่าวคำทักทายเล็กน้อยก่อนจะเริ่มร้องเพลง เสียงหวานละมุนประกอบกับเสียงดนตรีเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หาไม่ได้จากการฟังเพลงจากซีดี แต่นอกจากเสียงที่นุ่มน่าฟังแล้ว หนุ่มคนนี้ซ่อนความสามารถต่างๆ ไว้อีกเพียบทีเดียว
“ผมหลงรักในงานศิลปะและเสียงเพลง เคยร่วมงานกับคณะประสานเสียงชื่อดังอย่าง La Salle Chorus และ Bangkok Opera ก่อนหน้าจะมาร้องเพลงจริงจังก็เรียนสาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก่อนหน้านี้ทำงานที่บริษัทเอเยนซีแห่งหนึ่ง เป็นงานเกี่ยวกับการออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ ระหว่างนั้นก็ขีดเขียนเพลงของตัวเองไว้บ้าง จนได้หยิบเอาเพลงที่แต่งไว้มาทำเพลงในอัลบั้มของซิงกูลาร์ ผมว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกันหมด” ซินเล่าด้วยท่าทางนิ่งๆ เรียบร้อย ก่อนจะบอกเล่าเพิ่มเติมว่า
“ซินชอบศิลปะ เรียนมาทางด้านออกแบบด้วยแล้ว ผลงานการออกแบบของซิน เว็บไซต์ของ Singular ซินก็เป็นคนครีเอทเองด้วย ดีไซน์ปกอัลบั้ม หรือซิงเกิ้ลก็เป็นผลงานที่เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตัวเอง นอกจากนี้ผลงานที่โดดเด่นคือได้เป็นคนออกแบบแพ็กเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์ยาสระผม Renokin ‘Change to Shine มนต์ประกายแห่งการเปลี่ยนแปลง’ ที่เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ด้วย
กับบทบาทใหม่ที่ไม่ใช่งานนักร้องแต่เป็นธุรกิจร้านขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น เรายิงคำถามไปว่าอะไรทำให้หนุ่มคนนี้เลือกจะตัดสินใจลงทุนในธุรกิจอาหาร ซิน บอกว่า เริ่มจากชอบประเทศญี่ปุ่น ที่อาจจะเกี่ยวโยงตั้งแต่เด็กๆ จากหนังสือที่อ่าน เพลงที่ฟัง และการ์ตูนที่ฝังความชื่นชอบบางอย่างไว้ตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นทำให้สไตล์ที่เด่นชัดไปทางญี่ปุ่น ทั้งการแต่งตัว เครื่องประดับงานดีไซน์เรียบเป็นธรรมชาติ ไม่ชอบที่มีลวดลายเยอะ (Minimal) หรือแม้กระทั่งไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่รู้เบื่อ ทำให้อินและชอบญี่ปุ่นเป็นพิเศษ
“เมื่อจะเลือกลงทุนในธุรกิจก็ต้องศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจนั้นๆ ก่อน ซึ่งจุดเด่นของร้านไวท์เดย์ พาทิซเซอรี่ ซึ่งเป็นร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่น รสชาตินุ่มละมุน หวานน้อย ใครมาก็ต้องกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเราก็เป็นแฟนของร้านนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อศึกษาเข้าไปในการทำงานของร้านคือทีมดูแลการบริหาร เมื่อศึกษาความเสี่ยงและความเป็นไปได้ของธุรกิจจนดีแล้ว จึงตัดสินใจร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้วยไม่ยากเลย
ซึ่งซินก็ไม่ได้มีหน้าที่ในการบริหารงานอะไรเป็นพิเศษ แต่เราก็ใช้สิ่งที่เราถนัดคืองานเอนเตอร์เทน ร่วมกับส่งเสริมภาพลักษณ์ของร้านให้ออกมาตามแนวทางที่ควรจะเป็น”
สำหรับหนุ่ม (เคย) ผมยาวมากคนนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้และเดินทาง เดินทางเพื่อเข้าใจโลก “บางครั้งข่าวที่ผ่านมาแรงถึงขนาดให้ระบุว่าเราเป็นอะไร หลายคนถามว่าโกรธบ้างไหม? สำหรับซินก็ไม่ค่อยอะไรนะเป็นเรื่องของแต่ละคนมอง เรารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง แต่ซินอยากให้ทุกคนมองคนแต่ละคนเป็นคนหนึ่งคน ซึ่งคนทุกคนไม่เหมือนกัน คุณจะบอกได้ยังไงว่า ผู้หญิงคนนี้มีความเป็น
ผู้หญิงอยู่เท่าไหร่ หรือมีความเป็นผู้ชายมากกว่า ผู้ชายหนึ่งคนวัดความแมนจากอะไรแค่รูปลักษณ์ภายนอกหรือการกระทำคำพูดของเขา มันเป็นเรื่องปัจเจกวัดอะไรไม่ได้”
ที่สุดแล้วข้อดีของการเดินทางคนเดียวสำหรับ ซิน ทศพร ทำให้ได้รู้หลายอย่างที่มากขึ้น ได้สำรวจตัวเองมากขึ้น ได้แต่งเพลงที่อยากแต่งมากขึ้น ได้เสพงานเพื่อเป็นวัตถุดิบของงานมากขึ้น ซึ่งทำให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะทำงานต่อๆ ไป ใครไม่เคยน่าจะลองดู ติดตามผลงานและไลฟ์ไตล์อื่นๆ ของซินได้ที่อินสตาแกรม @sinofficial และเฟซบุ๊ก : Whoissin


