ปวารา อภิลพูลลาภ สิ่งใกล้กายดับความขุ่นใจ
ภาพเพื่อนในแวดวงสังคมและบันเทิง หรือคนทั่วไปจะเห็นภาพ นุคนิค-ปวารา อภิลพูลลาภ หนึ่งในเจ้าของร้านซูชิ โอตารุ ในซอยทองหล่อ 10 ว่าเป็นสาวมั่นใจบุคลิกเปรี้ยวซ่า
โดย...กองทรัพย์ ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช
ภาพเพื่อนในแวดวงสังคมและบันเทิง หรือคนทั่วไปจะเห็นภาพ นุคนิค-ปวารา อภิลพูลลาภ หนึ่งในเจ้าของร้านซูชิ โอตารุ ในซอยทองหล่อ 10 ว่าเป็นสาวมั่นใจบุคลิกเปรี้ยวซ่า ซึ่งไม่แปลกที่หลายคนจะมองเธอแบบนั้น แต่เมื่อผ่านการพูดคุยจะเห็นว่าสาวคนนี้เป็นคนสองขั้วชัดเจน โดยเฉพาะก่อนหน้าที่จะตกผลึกกับตัวเอง
“ในพาร์ตหนึ่งเราเคยเป็นเด็กติดเที่ยว แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เข้าวัดปฏิบัติธรรมเหมือนกัน คือเราเที่ยวหนักจริง แต่หนึ่งปีเราก็ต้องหาเวลาไปชำระจิตใจของตัวเอง หันหน้าเข้าทางธรรม แต่ตอนนั้นไปเพราะว่าคิดว่าได้บุญก็เลยไป โดยไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งเรามาเจอ ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง ก็เหมือนได้เจอทางที่ถูกจริตตัวเอง เข้าใจตัวเองมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนเราไปเพื่อพัฒนาจิตใจตัวเอง เมื่อก่อนเราไปวัดก็หวังจะได้อะไรกลับมา แต่ตอนนี้เราทำเพื่อขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้น ถ้าจริงจังเลยก็ประมาณ 3 ปี คิดว่าหนึ่งปีก็ออกเดินทางปฏิบัติปีละ 3 ครั้ง 3 วัน 5 วันตามความสะดวก”
สิ่งที่เธอค้นพบทำให้เธอกลับมาถามตัวเองว่า ถึงเวลานี้ชอบและอยากทำอะไรกันแน่ “นุคนิคจบปริญญาตรี ด้านบริหารและการจัดการ ปริญญาโท จบการท่องเที่ยวและการโรงแรม ก่อนหน้านี้เราทำบริษัทเทรดดิ้ง แล้วก็มีประสบการณ์ทำร้านอาหารมาบ้าง เมื่อก่อนนุคเปิดร้านอาหารกึ่งผับ ตอนนั้นที่เราทำเรายังเด็ก แต่ตอนนั้นเหมือนเราทำไปเล่นไป ไม่ได้จริงจังมาก ทีนี้พอมาถึงจุดที่เราโตขึ้น เราก็ถามตัวเองว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไร เราก็เห็นว่าตัวเองชอบทำอาหาร และการบริหารงานในร้านเราก็ชอบทำด้วย ตอนนี้ก็เลยเบนเข็มมาสู่ธุรกิจอาหารเต็มตัว เริ่มจากร้านอาหารญี่ปุ่นที่ลงขันกับเพื่อน ด้วยเหตุผลที่เป็นคนชื่นชอบอาหารอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชอบกิน ชอบทำอาหาร กลับมาทำร้านอาหารที่เรามีข้อตกลงกับตัวเองว่าเราจะต้องจริงจังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้มันอยู่ในวัยที่เล่นไม่ได้แล้ว เรามองว่าสิ่งที่เรารักเราชอบคือสิ่งนี้แหละ
สิ่งที่เรียนมาทั้งสองอย่างก็ดูเหมือนจะช่วยธุรกิจร้านอาหารได้ดี แต่เอาจริงๆ ตอนเรียนเราก็ลืมไปหมดแล้วล่ะ จะได้ใช้จริงๆ ก็ตอนเริ่มทำงาน อดีตที่ผ่านมาก็เป็นประสบการณ์ได้ว่าอะไรที่เราผิดพลาด อะไรที่เราควรอุดรอยรั่ว อะไรที่เราปล่อยได้ปล่อยไม่ได้ สะสมประสบการณ์มาก็มีผลกับการตัดสินใจของเรามากเหมือนกัน อย่างอาหารญี่ปุ่นต้องควบคุมวัตถุดิบให้ดี เพราะเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ต้องลงรายละเอียด ปกติเป็นคนละเอียดอยู่แล้วประมาณหนึ่ง เราก็นำสิ่งที่เราเรียนทั้งสองด้านก็นำมาคู่กัน”
นุคนิค บอกว่า หลังจากเธอขัดเกลาอีกด้านของเธอ นอกจากจะทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ความขุ่นมัวในใจที่เคยเกิดไว ก็ดับได้ไวเช่นกัน “สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนไปคือ เข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อก่อนเป็นคนคิดมาก ขี้นอยด์ ตอนนี้อาการพวกนี้หายไป เหมือนทุกข์น้อยลง” ซึ่งปัจจุบันขั้วทั้งสองของเธอก็เหมือนจะอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่นเสียด้วย
1.ธนบัตร 60 บาท
ธนบัตรมูลค่า 60 บาท มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นธนบัตรที่ได้มานานแล้ว ตั้งแต่พระองค์ท่านครองราชย์ครบ 60 ปี พกไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอด เก็บไว้ช่องที่ไม่โดนอะไรเลยมี 2 ใบ อีกหนึ่งใบจะเคลือบเก็บไว้ที่บ้าน ที่นุคนิคพกตลอดเพราะว่าเป็นสิ่งเตือนใจให้เรารู้ตัวเอง ทุกครั้งที่เราท้อสิ่งที่ทำให้เราหายเหนื่อยก็คือภาพของพระองค์ท่านที่ทรงงานหนัก ก็เตือนใจให้เราขยันขึ้นหรือมีกำลังใจไม่ท้อกับงาน
2.หนังสือธรรมะจากสมเด็จพระสังฆราช
จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช เป็นเสมือนคู่มือในการดำเนินชีวิต แม้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่คำสอนของพระองค์ยังย้ำเตือนเราอยู่เสมอ หนังสือเล่มนี้ย่อยเนื้อหาธรรมะที่เป็นคำสอนวลีสั้นๆ เอาไว้อ่านง่ายๆ เข้าใจง่าย นำพระรัตนตรัยให้เป็นที่พึ่งของจิตใจ ไม่ใช่เพียงกราบไหว้ขอพร โดยคัดเลือกพระศาสนธรรมสำคัญๆ ที่สมเด็จทรงนิพนธ์ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย กล่อมเกลาจิตใจให้สงบเยือกเย็น เหมาะกับยุคสมัย ผู้อ่านทุกเพศทุกวัยสามารถนำหลักธรรมคำสอนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก
3.หนังสือฤทธิ์แห่งใจ
เป็นหนังสือที่รวมหลักคิดจากห้องเรียนเข็มทิศชีวิต โดย ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง สามารถนำไปสร้างความสำเร็จมานับไม่ถ้วนในทุกมิติว่าด้วยการใช้หัวใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเราจะคิดสิ่งใดทำอะไร ใจจะมีพลังสำคัญเสมอ ถ้าเราคิดดีก็จะได้แต่สิ่งดีๆ เป็นหนังสือที่นุคนิคจะพกไว้ในรถเสมอ เวลารถติดหรือเวลาว่างๆ ก็จะเปิดอ่าน เป็นหนังสือที่อ่านซ้ำๆ ได้ไม่เบื่อ
4.ใบโพธิ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์ ที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย ครั้งแรกที่เราไปแล้วไปนั่งสมาธิใต้ต้นนี้ ก็มีใบที่แห้งปลิวลงมาตรงที่เรานั่ง นุคนิคก็เก็บมาไว้เพื่อเป็นสิริมงคล เราไปอินเดีย 4 สังเวชนียสถานครบทั้ง 4 ตำบล ครั้งล่าสุดเป็นช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตพอดี เราทราบข่าวที่โน่น เราก็นั่งสมาธิเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านด้วย ถ้าเราอยู่ที่นี่เราอาจจะประคองจิตใจเรายาก แต่พอเราอยู่โน่นเราได้อยู่ในที่เราผ่านความโศกเศร้านั้นมาได้
5.แว่นกันแดด
อาจจะตัดมาที่อีกพาร์ตหนึ่งเร็วไปหน่อย แต่ก็ยังเกี่ยวเนื่องกับสิ่งคลายร้อน ด้านบนคือสิ่งคลายความรุ่มร้อนทางใจ อันนี้ก็คลายความร้อนทางกาย (หัวเราะ) ปกติจะติดแว่นกันแดดเสมอ พกติดตัวตลอดหรือมีไว้ในรถไม่ขาดเลย เราออกแดดก็จะใส่ไม่ขาด ทรงที่ชอบจะเน้นโอเวอร์ไซส์ เพราะใส่เล็กๆ ไม่เข้ากับรูปหน้า ถ้าทรงไม่เวอร์วังก็จะเลือกสีที่โดดเด่น อย่างสีทองไปเลย
6.ยาหอมเทพจิตร ตราห้าม้า
อีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้เมื่อเดินทาง คือ ยาหอมอัดเม็ด ตราห้าม้า เป็นยาที่คุณแม่แนะนำให้ใช้ พอเราใช้ก็ติดใจพกตลอดเลย เพื่อนหลายคนแซวว่าเป็นของที่คนแก่จะนิยมพกกัน (หัวเราะ) แต่นุคนิคว่าไม่เฉพาะคนแก่นะคะ เพราะยานี้ดีจริงๆ ยาอมจะช่วยแก้ลม อาการวิงเวียน หรืออย่างเวลาเราง่วงนอน แค่เราอมยาอมนี่ก็ช่วยให้เราตื่นได้ เพราะว่าอมแล้วมันจะเย็น ตื่นถึงสมองเลย (หัวเราะ)
7.พัดลมมือถือ
พกเอาไว้สำหรับคลายร้อน ถึงแม้นุคนิคจะไม่ได้เป็นคนขี้ร้อนขนาดที่ว่าเหงื่อไหลไคลย้อย แต่การพกพัดลมมือถือของเราก็มีประโยชน์ คือเวลาเดินทางไปกลางแดดก็พกติดกระเป๋าไว้ หรือในสถานที่ที่คนเยอะแออัด เผื่อมีคนเป็นลมเป็นแล้งก็พกไว้ช่วยเหลือคนอื่นได้ แบบที่เลือกมานี้ซื้อมาจากสำเพ็ง เลือกแบบไม่ได้ใช้ถ่าน มันดีตรงที่เราได้บริหารมือไปด้วย และไม่พังง่ายด้วย


