ความสุข ที่สะท้อนตัวตน พัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช
เรื่องของเบนซ์คือเรื่องของคนที่มีความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก หากในความเป็นจริงก็เกือบไป...เกือบจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักชอบ
โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
เรื่องของเบนซ์คือเรื่องของคนที่มีความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก หากในความเป็นจริงก็เกือบไป...เกือบจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักชอบ เบนซ์-พัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเชีย วัย 35 ปี ผู้นำเข้าเครื่องทำน้ำอุ่นจากประเทศเยอรมนี จาก “เด็กห้องแล็บ” หรือเด็กฝึกงานในห้องทดลอง เขาค้นพบในสิ่งที่ยิ่งกว่าผลการทดลองมหัศจรรย์ สิ่งนั้นก็คือความเป็นตัวเอง ประสบการณ์ในชีวิตบอกเล่าด้วยรอยยิ้ม
เบนซ์ จบคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พี่สาวสองคนของเขาตั้งใจและอยากจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาก แต่ด้วยเหตุปัจจัย ไม่มีพี่สาวคนไหนของเขาที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ พี่สาวคนหนึ่งเรียนคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พี่สาวอีกคนหนึ่งเรียนที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เบนซ์คิดว่าเขาเองที่อาจจะทำความฝันของพี่สาวให้เป็นจริง
“ผมเรียนตามพี่สาวมาตลอด เรียนตามพี่ๆ มาตั้งแต่เด็ก ตอนพี่สาวผมเข้าเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนสตรีวิทย์ 2 ผมยังคิดว่าทำยังไงจึงจะเข้าสตรีวิทย์ 2 ให้ได้ และพอถึงช่วงมหาวิทยาลัยก็เป็นพี่สาวผมอีกที่เฝ้าบอกว่า จะต้องสอบเข้าธรรมศาสตร์” เบนซ์เล่า
เบนซ์เรียนสายวิทยาศาสตร์ แต่ไม่อยากเรียนวิศวกรรม เพราะฟิสิกส์เยอะเกิน ตกลงใจเรียนคณะวิทยาศาสตร์เพราะเป็นช่วงที่ได้รู้จักคุ้นเคยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง ปรากฏว่ารุ่นพี่คนนี้เรียนสาขาสิ่งแวดล้อม ได้ออกพื้นที่บ่อยๆ และเขาก็ดูสนุกมาก ทำอย่างไรจึงจะได้ออกนอกสถานที่แบบพี่คนนี้บ้าง ทั้งหมดคือสาเหตุที่ทำให้เบนซ์ตัดสินใจเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จบแล้วต้องทำงานในห้องทดลอง ทำแล็บทำผลทดลองด้านวิทยาศาสตร์ ชีวิตข้างหน้ามีห้องทดลองรออยู่ จบมาแล้วแอบหางานยาก ท้อนิดๆ แต่ตะลุยกรอกแบบสัมภาษณ์ทั่วประเทศ เพื่อจะได้งานแล็บสักแล็บ อะไรก็ได้ที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะชอบไม่ชอบ เพราะจริงๆ คงเหงามากหากจะต้องอยู่ทำงานในห้องทดลองเงียบๆ
“เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ผมไปอยู่กับพี่สาวที่เมลเบิร์น 4 เดือน พี่สาวทั้งสองคนของผมไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ไม่ได้ตามพี่สาวไป เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ดูเศร้าและผมคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อลูกสองคนอยู่ต่างประเทศหมด ผมอาจคือคนเดียวที่กลับมาเรียนหนังสือในประเทศไทยและอยู่กับท่าน”
จากนั้นเบนซ์ก็เริ่มหางานทำ เพื่อที่จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แต่ก็เป็นอะไรที่หางานได้ยากมาก จริงๆ แล้วเขาตกงาน 6 เดือนด้วยซ้ำ มีการกำหนดเส้นตายว่า ถ้าภายในหกเดือนหางานไม่ได้ต้องไปเรียนหนังสือกับพี่สาวที่ต่างประเทศ รับชะตากรรมตามแต่กำหนด ทว่ามีแล็บแห่งหนึ่งรับเขาเข้าทำงานในวินาทีสุดท้าย เงินเดือน 8,000 บาท รับเข้าทำงานเป็นฝ่ายเทคนิค แต่เมื่อไปทำงานจริงๆ งานเทคนิคให้รอก่อน ให้ไปทำงานเป็นเซลส์ขายของก่อน ทำงานขายแบบนับหนึ่ง หากเบนซ์ชอบงานนี้ เขาบอกว่าเขาชอบกับ “อารมณ์” ทุกอย่างของงานขาย เราได้ทำคือประสบการณ์ใหม่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่งานที่ไม่ได้เจอคนหรืออยู่แต่ในห้องทดลองเหงาๆ ไปตลอดชีวิต
“ผมเริ่มจากการขายระบบบำบัดน้ำเสียครับ แล้วก็ชาเลนจ์หรือท้าทายตัวเองด้วยการสมัครงานอีกแห่งหนึ่ง คราวนี้คือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ผมสมัครเป็นคีย์แอ็กเคานต์ธรรมดาๆ นี่แหละ”
จากเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สู่พานาโซนิค จากอดีตเด็กแล็บในห้องทดลอง รองานเทคนิคแล็บ เบนซ์สร้างปรากฏการณ์ของยอดขายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ล่าสุดคือเมื่อปี 2010 จากพานาโซนิค เบนซ์ก็ก้าวสู่บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเชีย ผู้นำเข้าเครื่องทำน้ำอุ่นสตีเบล เอลทรอนของเยอรมนี สร้างยอดขายถล่มทลายอีกครั้งที่นี่
ปัจจุบัน เบนซ์รับผิดชอบการบริหารงานขายทั้งหมดของสตีเบล เอลทรอน เขาก้าวขึ้นเป็นพนักงานบริหารระดับสูงคนไทยเพียงคนเดียวและขนาบข้างด้วยผู้บริหารชาวเยอรมนีทั้งหมด นำทัพทีมสตีเบลสร้างผลงานก้าวกระโดดด้วยยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
“ทั้งหมดอาจเริ่มจากการที่ผมเจอสิ่งท้าทาย ผมไม่ได้สนยอดขายหรอก แต่ผมสนุกที่จะทำสิ่งที่ทำให้ดี เปลี่ยนงานเมื่อพีก หรือเมื่อรู้สึกว่าผมสอบผ่านแล้ว ผมก็จะไปต่อ โชคดีที่ฮิตทาร์เก็ต ทำเป้าหมายได้ตลอด เอาต์สแตนดิ้ง คนรู้จักเรา แย่งตัวเรา ผมรู้จักตัวเองดีตอนนั้น”
เบนซ์ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงอยู่ช่วงหนึ่ง เขาเรียนคณะเศรษฐศาสตร์เพราะรู้ว่าต้องการองค์ความรู้เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน อย่างไรก็ตาม หากถามกันจริงๆ แล้ว งานที่ทำ สิ่งที่ต้องตัดสินใจ เกินครึ่งมาจากประสบการณ์มากกว่าในห้องเรียน
เรียนมาร์เก็ตติ้งเพราะชอบและใช้ เบนซ์เล่าว่า คนในสายการตลาด ทำงานด้านการตลาด เราจะสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้ โดยที่คำตอบไม่ตายตัวเลย แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสายวิทยาศาสตร์ที่เรียนมา ซึ่งคำตอบตายตัวแน่นอน กลยุทธ์แนวทางถูกล็อกหรือกำหนดวิธีไว้แล้ว เพราะฉะนั้นก็สนุกมากกับงานด้านการตลาดในปัจจุบัน ที่มีพื้นที่ให้ได้คิดเยอะ ให้ได้ทำเยอะ ได้ความไว้วางใจ ได้ความภูมิใจและปลาบปลื้มไม่เสร็จ
ข้อความที่สื่อออกไปคือ “เราคือเยอรมนี คือคุณภาพ คือมาตรฐานสูง” เพราะฉะนั้นก็มั่นใจทุกครั้งที่ขายของคุณภาพ รวมถึงอาจเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสตีเบล 20 ปี ก่อตั้งสาขาในประเทศไทย นอกจากนี้คือบิดาของเขาเอง ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ตั้งแต่เล็กได้เฝ้าดูบิดาทำงาน พ่อของเบนซ์เป็นพนักงานขายเครื่องเสียงจากยุโรป
เบนซ์เล่าว่าพ่อเป็นคนมีวินัยในตัวเอง เคร่งครัดเรื่องเวลา ชีวิตของพ่อลำบาก พยายามสร้างชีวิตและครอบครัวด้วยสองมือของตัวเอง ตัวของเบนซ์เองก็ไม่เคยเลยที่จะได้คำว่าสิทธิพิเศษ พ่อสอนว่า ถ้าอยากได้ต้องทำต้องหาด้วยตัวของลูกเองนะ ตอนเด็กๆ ตาม “ป๊า” (พ่อ) ไปที่ทำงาน ป๊าไม่เคยแนะนำใครว่าคือลูกน้อง ทุกคนคือ “เพื่อนร่วมงาน” ป๊าให้เกียรติทุกคน อยากให้ใครให้เกียรติเรา ก็ต้องทำตนให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ขณะเดียวกันเราก็ต้องให้เกียรติ และมองให้เห็นศักดิ์ศรีความเป็นคนทำงานในตัวผู้ร่วมงานทุกคน
ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สตีเบลฯ เล่าต่อไปว่า ทุกวันนี้สนุกกับการได้คุยกับคนมากมาย ได้เจอปัญหาเยอะแยะหลากหลาย หลายคนหลายคาแรกเตอร์ หลายปัญหาหลายทางออก ชาเลนจ์ตัวเองทุกครั้งที่ได้เผชิญกับคน ผจญกับปัญหา เบนซ์มองตัวเองว่ามีนิสัยรักสนุก ชอบงานขาย ชอบคน ชอบกลยุทธ์ หากข้อเสียคือการเป็นคนเซนซิทีฟ บางครั้งก็อ่อนไหวและเต็มตื้นด้วยความรู้สึกมากเกินพอดี ได้สนทนาธรรมกับพระสงฆ์ว่า การซัคเซสอะไรบ่อยๆ ในทางหนึ่งคือการ “ได้” ที่จะน้อยลง รู้สึกขาดตลอดเวลา ปริศนาธรรมข้อนี้ดูเหมือนจะเข้าทางมากเข้าทุกขณะ คือได้มาเยอะ ประสบความสำเร็จมาแยะ ความรู้สึกว่าอะไรที่เป็นการประสบความสำเร็จ จะน้อยลงเรื่อยๆ ตัวเลือกในชีวิตมีจำกัด จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ เขาไม่รู้ แต่เขายินดีที่จะเรียนรู้ เพราะถึงจุดหนึ่งแล้วก็ไม่มีอะไรยั่งยืนเสมอไป ทั้งสุขทุกข์
“สำหรับผม ทุกข์น้อยลง ก็สุขแล้วครับ” เบนซ์บอกอีกว่า ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเรานาน อารมณ์สวิงด้วยความสุขหรือทุกข์คือจุดอ่อนที่ต้องควบคุม ก็ต้องพยายามบาลานซ์ แท้ที่จริงมองในมุมดีก็ดีมาก เพราะหาความสุขง่าย มีความสุขง่าย นอกจากนี้คือการทำให้ได้เข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น เข้าใจคน เข้าใจผู้อื่นได้ง่าย
เบนซ์บอกเขาประสบความสำเร็จในเรื่องการขาย อีกด้านหนึ่งคือครอบครัวที่ให้ความสำคัญอย่างมาก ได้แก่ ชมพูพักตร์-ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากและลูกสาววัย 3 ขวบ น้องมอร์ฟีน ชื่อเก๋มาก โดยมอร์ฟีนมาจาก ฟ.ฟัน พยัญชนะที่แม่ของน้องอยากได้ลูกชื่อมี ฟ.ฟัน (ฮา) ตกลงชื่อมอร์ฟีน มาจากปุบปับก็นึกขึ้นได้ สมัยคุณพ่อเบนซ์เรียนอยู่มหาวิทยาลัยว่า อยากมีลูกชื่อนี้ เพราะเป็นชื่อที่มีความหมายของการระงับความเจ็บปวด ระงับการทำลายทำร้ายจิตใจ ชื่อจริงคือ รมณ หมายถึงความสุข สมาชิกอีก 2 ตัวคือน้องหมาต่างสายพันธุ์ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ชี่อ อิคึ และปอมเมอเรเนียน ชื่อ แสนรัก
“ถ้าอยู่บ้านผมเป็นคนทำกับข้าว เพราะภรรยาทำกับข้าวไม่เป็น ภรรยาผมทำมาม่ายังไม่สุกเลย (ฮา) มีความสุขครับที่ทำกับข้าวให้ครอบครัวกิน อีกอย่างที่รักมากก็คือการทำกับข้าวนี่แหละ”
รักความสำเร็จ รักบ้าน รักครอบครัว รักหมา แถมชอบทำกับข้าว เรื่องความรักในหมาและรักในการคุกกิ้งนี้ ยังต่อยอดไปเป็นธุรกิจสปาน้องหมา “ด็อกโซไซตี้” สระว่ายน้ำของเหล่าบรรดาสมาชิกกิตติมศักดิ์ 4 ขา และร้านอาหารชื่อ การ์ดิเนีย (Gardenia) ย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ธุรกิจทั้งสองแห่งมีภรรยาช่วยดูแลและมีเขาเองที่ตามไปปล่อยของ เอ๊ย ตามไปผัดไปย่างอะไรอร่อยๆ ให้ลูกค้ากินในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
โดยส่วนตัวชอบทำอาหารไทย มัสมั่น แกงเขียวหวานเด็ดสะระตี่ จานเด็ดที่ทุกคนรู้จักดีคือข้าวผัด เบนซ์ทำได้หมดทั้งข้าวผัดสไตล์ไทย สไตล์อิตาเลียน สไตล์จีน สไตล์ฝรั่ง เคล็ดลับคือซอสและการรู้จักจังหวะในการใช้ระดับความแรงของไฟในการผัดข้าว ไม่ใส่สารกันบูดและต้องอร่อยจริง ไม่อย่างนั้นลูกไม่กิน
สุดท้ายคือภาพสะท้อนความสุข มองไปในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เบนซ์ตอบไม่ได้ว่าถึงตอนนั้นเขาจะอยู่ตรงไหนที่ใดในโลก หากสิ่งหนึ่งที่บอกได้แน่ๆ คือความสำเร็จที่ไม่ใช่ตัวเลขหรือตำแหน่ง หากเป็นความสำเร็จและอนาคตที่จะอบอวลด้วยความสุขและความรักของครอบครัว
การทำงานในสิ่งที่รักที่ใช่ ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น คือการเป็นใครสักคนที่ทำให้พ่อแม่ของเราได้ภาคภูมิใจ คือการเป็นใครสักคนที่ทำให้ลูกและภรรยาได้มีความสุข เบนซ์จบเรื่องของเขาด้วยคำถามว่า มันดีแค่ไหนที่รู้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะจบลงอย่างไร แต่ความสุขจะสะท้อนความเป็นตัวเราเสมอ


