posttoday

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

11 ธันวาคม 2559

ผมรู้ตัวเองว่าเรียนหนังสือไม่เก่งมาตั้งแต่เด็กๆ อ่านอะไรก็ไม่เคยจำ สอบได้อันดับท้ายๆ ของชั้น

โดย...โยธิน อยู่จงดี ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

“ผมรู้ตัวเองว่าเรียนหนังสือไม่เก่งมาตั้งแต่เด็กๆ อ่านอะไรก็ไม่เคยจำ สอบได้อันดับท้ายๆ ของชั้น จนกระทั่งคุณพ่อเสียตอนที่ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา ผมรู้เลยว่าชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตอนคุณพ่อเสียภาระทั้งหมดตกอยู่กับคุณแม่ พร้อมกับหนี้สินหลายล้านบาท ทางเดียวที่ผมจะช่วยแม่ปลดหนี้ได้ในความคิดของผมตอนนั้นก็คือ ต้องเรียนหนังสือให้เก่งๆ เรียนจบจะได้ทำงานดีๆ มีเงินเดือนสูงๆ มาปลดหนี้ให้แม่” ธนัช ลาภนิมิตชัย หรือที่เรารู้จักในชื่อ ครูพี่หมุย ติวเตอร์ วิชาสังคม-ภาษาไทย ชื่อดังจากโรงเรียนกวดวิชาโซไซไทย (SociThai) 

ธนัชเกิดและเติบโตในร้านขายวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี เขาเป็นลูกชายคนกลางในหมู่พี่น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งถูกเลี้ยงดูมาด้วยวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมที่ปลูกฝังแนวคิดในเรื่องการทำงานที่ต้องรู้จักทำงานตั้งแต่เป็นลูกจ้างแบกหาม รู้จักทุกอย่างในร้านเป็นอย่างดี จนกว่าจะได้ขึ้นมาเป็นเถ้าแก่เปิดร้านใหม่ของตัวเอง

“เราโตมากับวิถีวัฒนธรรมของคนจีน ปรัชญาของชาวจีน ตั้งแต่อาหารการกินไปจนถึงวิธีการสอน เช่น ไม่อยากให้โตไปเป็นทหาร ตำรวจ หรือนักการเมือง อยากให้มาทำการค้า และกว่าจะได้เป็นเถ้าแก่ก็ต้องเป็นลูกจ้างมาก่อน ต้องแบกปูน เก็บนอต เรียนรู้ของทุกอย่างในร้าน เก็บของเข้าชั้นเองทุกอย่าง ถึงจะได้เงินค่าขนม ก็จะมีผมกับพี่ชายที่ต้องฝึกแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ เลย ยกเว้นน้องสาวที่ทางบ้านค่อนข้างจะเป็นห่วงมาก และเวลาฝึกที่บ้านจะฝากให้ไปฝึกกับร้านเพื่อนที่สนิท เขาจะไม่สอนเองเพราะเดี๋ยวไม่ฟังกัน สอนยาก อย่างตัวผม บ้านอยู่ราชบุรีก็ไปฝึกร้านก่อสร้างที่นครปฐม

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

 

“และในช่วงชีวิตหนึ่งของวัยเด็ก ด้วยความที่เราเป็นลูกชายคนกลาง มีพี่ชายก็มักจะได้ใช้ของต่อจากพี่เสมอ พี่ก็ได้ของใหม่ไป ความคิดวัยเด็กของเราตอนนั้นเรารู้สึกว่าเป็นลูกที่พ่อแม่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก ซึ่งก็ตรงตามหลักจิตวิทยาจริงๆ ที่ลูกคนกลางพ่อแม่มักจะไม่ให้ความสำคัญ อย่างครอบครัวจีนก็จะคาดหวังกับลูกชายคนโตเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนน้องคนเล็กพ่อแม่ก็จะเป็นห่วงมากที่สุด เพราะเห็นเป็นลูกคนเล็ก ส่วนคนกลางก็คืออยู่ตรงกลางจริงๆ

“ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นปมด้อยในชีวิต ซึ่งอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่เก่งมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าเราจะไม่อยากอยู่ในจุดที่เราอยู่ อยากจะย้ายออกไปเรียนต่างจังหวัดให้ไกลจากบ้าน ไม่อยากจะอยู่กับครอบครัว ไม่อยากจะเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่ชาย เวลาอยู่ในห้องเรียนแล้วก็จะชอบเหม่อมองออกไปนอกห้องเรียน แล้วก็หลุดเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการ เป็นฮีโร่ในขบวนการ 5 สี ถ้าผมฝึกนั่งสมาธิตั้งแต่ตอนนั้นก็น่าจะบรรลุญาณระดับใดระดับหนึ่งได้แน่ๆ เพราะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการได้ง่ายมาก

“ไม่ได้สนใจว่าครูจะสอนอะไรหน้าชั้น ไม่สนใจ ไม่อยากเรียน ถึงขนาดไม่สนใจเอาหนังสือติดกระเป๋าไปโรงเรียนเป็นประจำ ผมจำได้เลยว่าบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนมากขนาดเดินมาโรงเรียนนิดเดียวก็ถึง คุณครูก็สั่งให้เราเดินกลับไปที่บ้านเพื่อไปเอาหนังสือพร้อมเขียนใบรับรองให้ รปภ. สามารถปล่อยให้เดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้านไปเอาหนังสือเรียนได้ พอมาถึงบ้านป๊ากับแม่ก็สงสัยว่าทำไมโรงเรียนปล่อยเร็ว แต่เปล่าเลย เรากลับมาเอาหนังสือเรียน เป็นความรู้สึกที่อายมาก แล้วก็จะโดนตีหน้าห้องเป็นประจำ จนรู้เทคนิคว่าจะต้องเอี้ยวตัวยังไงที่จะโดนตีแล้วเจ็บตัวน้อยที่สุด รู้มุมหลบจนครูจับได้ว่าเราใช้เทคนิคหลบหลีกไม้เรียว ก็สั่งให้เรายืนชิดกำแพง คราวนี้เราก็หลบไปไหนไม่ได้ละ แต่คุณครูก็ไม่ได้หวดเต็มแรงสุดชีวิต คือตีแล้วก็หยุดให้เราแค่รู้สึกว่าเราเจ็บ เป็นการทำโทษเท่านั้น

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

 

“แล้วก็เป็นคนที่อ่านหนังสือเท่าไรก็ไม่จำ มันจำไม่ได้จนถึง ม.ปลาย เราก็ตัดสินใจสอบเรียนต่อที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ศาลายา จ.นครปฐม เพราะต้องการใช้ชีวิตให้ห่างจากที่บ้าน ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ทำให้เรามีตัวตนมากขึ้น เข้าเรียนในสายวิทย์-คณิต เพราะเป็นสายที่มีตัวเลือกในการสอบเข้ามากกว่า แต่ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.4-5 ผลการเรียนเราแย่มาก วิชาในสายวิทย์เราได้เกรด 0 กับ 1 แทบทุกวิชา แต่วิชาในสายศิลป์นี่ได้เกรด 3 กับ 4 หมด

“ในช่วงที่เรียนอยู่ในโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์นี่แหละก็เป็นช่วงที่ต้องบอกว่าสภาพแวดล้อมของการเรียนของที่โรงเรียนนี้ทำให้เราต้องแอ็กทีฟตัวเองขึ้นอย่างมาก เพราะเต็มไปด้วยเด็กที่เรียนหนังสือเก่งๆ มารวมตัวกัน ระหว่างเรียนเราก็จะได้ยินข่าวเพื่อนคนนั้นสอบติดที่นั่น ได้โควตาที่นี่ ทุกคนมีที่ไปกันหมดหลังจากเรียนจบ ม.6 แต่เรายังไม่มีเลยนะ เลยตัดสินใจสอบเข้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอเมริกา หาทางออกแรกให้กับตัวเอง ซึ่งประสบการณ์ในการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก็ให้อะไรหลายอย่างกับเรามาก โดยเฉพาะเรื่องภาษา และพบว่าแม้ในวิชาคณิตศาสตร์ที่เราอ่อนที่สุดก็ยังทำข้อสอบได้ทะลุร้อยคะแนนสำหรับที่นั่น (ข้อสอบบางข้อถ้าทำได้จะมีการบวกคะแนนเสริมให้) ใช้ชีวิตเรียนอยู่ที่อเมริกาจนช่วงใกล้ที่จะต้องกลับเมืองไทย ก็ได้ทราบข่าวว่าคุณพ่อเสียชีวิต”

หลังจากที่ธนัชกลับมาช่วยจัดการเรื่องงานศพคุณพ่อก็พบความจริงในปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับครอบครัว  ตั้งแต่เรื่องหนี้สินของทางบ้านไปจนถึงปัญหากับญาติพี่น้อง ทำให้คุณแม่เพียงคนเดียวที่ต้องรับภาระในการดูแลกิจการ และลูกๆ ทั้ง 3 คน แต่คนที่ธนัชห่วงมากที่สุดก็คือ คุณแม่และน้องสาว

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

 

“ช่วงที่เสียคุณพ่อพวกเราลำบากมาก เวลานั้นผมคิดว่าหนทางเดียวที่ผมจะช่วยเหลือครอบครัวได้ดีที่สุดก็คือต้องตั้งใจเรียน จบออกมาจะได้หางานที่มีเงินเดือนสูงๆ ทำเพื่อช่วยปลดหนี้คุณแม่ คุณแม่ผมทำงานหนักมากหลังจากเสียคุณพ่อ ท่านตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารดูแลลูก 3 คน แล้วก็ลงไปเปิดร้านจนถึงค่ำ แล้วกว่าจะจัดการงานให้เรียบร้อยได้นอนก็ตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง คุณแม่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้รู้สึกเวลาเราท้อเราจะต้องนึกถึงคุณแม่มาเป็นอันดับแรก เราก็จะมีกำลังใจขึ้นมา เราจะรู้สึกดีว่าเราเหนื่อย แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเรายอมเหนื่อยเพื่อใคร

“ก่อนสอบเอนทรานซ์ผมทุ่มเทเวลาอ่านหนังสือวันละ 6-8 ชั่วโมง แรกๆ อ่านเท่าไรก็ไม่จำ คุณแม่ก็เลยบอกเทคนิคกับผมว่า ถ้าอ่านแล้วจำไม่ได้ก็เขียนสิ เขียนมันไปจนกว่าจะจำได้ ผมก็เลยเริ่มเขียนทุกเล่มที่อ่าน เขียนหลายรอบ เขียนจบเป็นเล่มๆ จนกว่าจะจำได้ แล้วสิ่งที่คุณแม่สอนก็ซึมซับเข้ามา ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น มีความพยายามที่จะต้องเรียนให้ประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้สมุดที่ผมเขียนก่อนสอบเอนทรานซ์ผมยังเก็บไว้อยู่เลย จนสอบติดที่รัฐศาสตรบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“ที่เลือกเรียนต่อสาขานี้เพราะคิดว่าเรียนจบแล้วจะได้ทำงานเป็นนักการทูต ทำงานระหว่างประเทศมีเงินเดือนสูงๆ แต่พอมาเรียนจริงๆ แล้วกลับไม่ใช่เลย ส่วนใหญ่ที่จบไปจะทำงานเกี่ยวกับฝ่ายบุคคลของบริษัทต่างๆ ดูแลพวกรับคนเข้า ไล่คนออก ดูแลคนท้อง จำได้ว่าตอนเรียนจบเปิดหนังสือพิมพ์สมัครงานของบางกอกโพสต์ เห็นประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งเราเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท แต่โฆษณารับสมัครงานของคลินิกเสริมความงามที่อยู่ข้างกันเงินเดือน 1 แสนบาท เราถึงกับอุทานในใจว่าเราเรียนอะไรมาเนี่ย ทำไมเงินเดือนถึงได้น้อยจัง แต่ตอนเรียนเราก็รู้สึกว่าชอบนะ เพราะการเรียนรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศฝึกให้เราคิดอย่างเป็นระบบ ฝึกการพูด มีเรื่องเล่าเยอะ แต่หากินไม่ค่อยได้ เข้าเรียนเพราะเราไม่รู้ ไม่มีคนบอก

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

 

“ช่วงที่เราเรียนที่จุฬาฯ รุ่นพี่ก็แนะนำให้เราเข้าชมรมโต้วาทีภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นชมรมเล็กๆ แต่ได้ทุนเยอะมาก เพราะต้องจัดไปแข่งต่างประเทศ ตอนนั้นมีนิสิตปี 1 สมัครเข้ามาเยอะ แต่คัดเลือกแค่ 6 คนเราติดเป็นคนที่ 6 เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ แล้วผมถือว่าอ่อนที่สุด ภาษาอังกฤษก็จัดว่าแย่มาก ในขณะที่คนอื่นเป็นนักเรียนอินเตอร์ เรียนต่างประเทศมาหลายปี แต่ที่เราได้เพราะตอนคัดเลือกเราได้ตรงที่อ่านข่าวมาเยอะ ถามอะไรก็ตอบได้ และชมรมนี้จะชอบคนที่มาจากคณะรัฐศาสตรบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะจะพูดจามีหลักการ ซึ่งการโต้วาทีภาษาอังกฤษจะไม่ได้เชือดเฉือนกันด้วยวาทะเหมือนการโต้วาทีภาษาไทย จะเน้นกันด้วยตรรกะความเป็นเหตุเป็นผลที่ต้องมาหักล้างกัน เราเลยได้เข้าชมรมนี้ เข้าไปแล้วเราก็ถือว่าเราอ่อนที่สุดอยู่ในทีมอันดับท้ายๆ ของชมรม

“พูดภาษาอังกฤษก็ผิดบ่อยมาก ถูกว่าถูกด่าจนเรารู้สึกท้อไปเลย ว่าทำไมเราถึงไม่ได้เก่งเหมือนคนอื่นๆ ทำได้ไม่ดีสักอย่าง เวลามีจัดทีมเข้าแข่งขันเราจะอยู่ทีมท้ายๆ ตลอด พออยู่ปี 3 ก็ขึ้นมาอยู่ทีมอันดับ 4 แต่ก็ไม่ได้เพราะความเก่ง ได้เพราะว่าเราเป็นซีเนียร์ ได้จับทีมกับน้องปี 1 ซึ่งเป็นน้องดาวรุ่งในชมรมซึ่งทุกวันนี้ได้เป็นอาจารย์สอนอยู่นิติจุฬาฯ จนกระทั่งได้ไปแข่งขันรายการ ELF Champion 2006 ที่ประเทศมาเลเซีย ปีนั้นเป็นปีที่ใช้กฎใหม่เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์ ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เกิน 1 ปี ไม่ได้มีพ่อแม่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาแข่งขันกัน ดูทีมจากจุฬาฯ ทั้งหมด 6 ทีม มีทีม 4 กับทีม 6 ที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดก็ได้ลงแข่งในฐานะตัวแทนจากจุฬาฯ แล้วผมก็แข่งจนผ่านเข้าไปรอบชิงชนะเลิศกับทีมโทไดจากญี่ปุ่น ซึ่งก็อ่อนภาษาอังกฤษเหมือนกัน ตอนประกาศผลเดอะเฟิสต์รันเนอร์อัพ หมายความว่าเขาจะประกาศผลรองชนะเลิศก่อน ก็ประกาศชื่อมาเป็นมหาวิทยาลัยโทได เราก็กระโดดดีใจ เพราะหมายความว่าเราได้รางวัลชนะเลิศ ทีมโทไดก็เข้าใจผิดคิดว่าประกาศว่าเขาชนะก็กระโดดดีใจเหมือนกัน จนถึงตอนขึ้นไปรับรางวัลถึงได้รู้ว่าทีมเขาได้อันดับ 2 (หัวเราะอารมณ์ดี)”

หลังจากเรียนจบด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 ก็ยื่นใบสมัครสอบชิงทุนระดับปริญญาโทไว้หลายที่ เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวจนสามารถสอบเข้ารับทุนเต็มจำนวนจากสหภาพยุโรป ด้านสาขาประวัติศาสตร์สากล ที่ University of Vienna ประเทศออสเตรีย และสาขาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ที่ London School of Economics ประเทศอังกฤษ ซึ่งครูพี่หมุยบอกกับเราว่าเป็นการเรียนที่หนักมาก และกลับเมืองไทยมาเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลุดพ้นจากนิยามของเด็กสมองทึบ เรียนไม่เก่ง มาเป็นอาจารย์ที่สามารถถ่ายทอดวิชาให้กับนักศึกษา

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

 

จนกระทั่งได้มีโอกาสรู้จักกับครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ ติวเตอร์ชื่อดังแห่งเอ็นคอนเซปต์ ชักชวนให้เข้ามาทำงานร่วมกัน จนได้เปิดโรงเรียนกวดวิชาโซไซไทย (SociThai) ในที่สุด

“จากจุดที่เป็นอยู่หากผมมองย้อนไปในปัจจุบัน ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าทำไมตอนนั้นผมจึงเป็นเด็กที่เรียน ไม่เก่ง เพราะว่าไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้เรียนเก่ง หรือเป็นเพราะตัวของผมเองที่ไม่เก่งมาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ทุกวันนี้เวลาที่ผมสอนน้องๆ ผมจะบอกกับคนอื่นเสมอว่า ความเก่งนั้นสามารถสร้างได้ ความเก่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ไม่ว่าใครก็ตาม

“ที่บอกว่าครูพี่หมุยเก่งจังเลย มีความจำแม่น ทำไมผมถึงจำไม่ได้ ผมเลยว่าความเก่งต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง ถึงเราจะไม่ได้เก่งฉลาดสมองใส ผลการเรียนดีมาแต่เกิด แต่หากเรามีความพยายามที่มากพอ เราก็จะสามารถเก่งได้เหมือนกับคนอื่นๆ เพราะว่าตอนที่ผมยังเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง อ่านหนังสืออะไรก็ไม่จำ ครูสอนยังไงก็ไม่เข้าใจ แต่ผมเก่งขึ้นได้ก็ด้วยความพยายามในการพัฒนาตัวเองขึ้นมา อันเนื่องมาจากเรื่องการเสียคุณพ่อ และอยากจะช่วยปลดหนี้ให้คุณแม่

“อีกส่วนหนึ่งก็คือสภาพแวดล้อมการเรียน การที่ผมเขาไปอยู่ในโรงเรียนที่มีการแข่งขันกันสูง จะเป็นตัวกระตุ้นให้เราต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ผมบอกได้เลยว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมีเด็กเก่งๆ อยู่เยอะ ไม่ใช่เพราะโรงเรียนนั้นมีครูที่เก่งที่สุด จริงอยู่ว่าครูเก่งๆ นั้นมีแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะสอนเด็กให้เก่งได้ทั้งหมด เพราะครูก็มีหลายหน้าที่ที่ต้องทำในโรงเรียน แต่บังเอิญว่ามีแต่เด็กที่เก่งๆ มารวมกัน ขนาดเราไม่เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน แต่ว่าสภาพแวดล้อมแข่งขันด้านการเรียนทำให้เราต้องแอ็กทีฟตัวเองขึ้นมา

“หลังจากที่ผมบรรลุสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้วก็เหลือเพียงอย่างเดียวที่ต้องทำและทำให้ได้ก็คือปลดหนี้ให้แม่ แม่ผมมีหนี้สินอยู่ทั้งหมดประมาณ 10 กว่าล้านบาท แค่ดอกเบี้ยก็เท่ากับรายได้ต่อเดือนทั้งหมดของกิจการแล้ว แต่ท่านก็บริหารกิจการด้วยวิธีคิดที่ว่าเดี๋ยวขายได้ได้เงินมาหมุนเงินกันไป ไม่ได้มีระบบบัญชีที่ชัดเจน

ธนัช ลาภนิมิตชัย การศึกษาสร้างชีวิต

 

“สิ่งที่ผมทำคือ โอนภาระการใช้หนี้สินทั้งหมดของแม่มาอยู่ที่ตัวผมคนเดียว จากนี้ไปแม่ไม่ต้องทำงานใช้หนี้แล้ว เป็นผมที่ทำงานหนักเพื่อใช้หนี้ให้แม่ตั้งแต่ครูผู้สอน ไปจนถึงงานบริหารจัดการทีมงาน แล้วเวลาผมสอนเด็กๆ สไตล์การสอนของผมจะเป็นแบบแอ็กชั่นเยอะ ต้องใช้พลังเยอะเพื่อจูงใจให้เด็กนั่งฟังเรียนแล้วรู้สึกสนุก อย่างวิชาพุทธศาสนาที่ผมสอน มีคุณแม่ส่งจดหมายมาขอบคุณที่ทำให้ลูกเขาเชื่อในพระพุทธศาสนา เปลี่ยนไปเป็นคนละคน นั่นทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น

“ส่วนหนี้ผมก็ทำงานผ่อนจ่ายหนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อน คุณแม่ท่านก็ว่าทำไมไม่รีบโปะหนี้ให้หมดเร็วๆ แต่ผมกลับคิดว่าบางทีเราก็ต้องใช้เงินเพื่อความสุขของเราบ้าง แม่ผมท่านอยากได้ไอแพด เพราะเห็นคนรู้จักใช้ แต่ก็รู้ว่ามันแพง พอผมซื้อให้ท่านก็ว่าว่ามันเปลือง แต่มันก็เป็นความสุขของเราที่ได้ซื้อของให้ท่าน เพราะที่ผ่านมาที่ผมมองชีวิตของคุณแม่ก็คือท่านเป็นลูกกำพร้า ท่านสู้ชีวิตมาตั้งแต่หนุ่มสาวมาจนถึงทุกวันนี้ แม่ผมท่านเสียสละมาก ตอนที่บ้านมีปัญหาท่านจะเลือกหย่าร้างก็ได้ แต่ท่านไม่ทำเพราะท่านอยู่เพื่อลูก จนเราเป็นครอบครัวถึงวันนี้ ท่านแบกภาระทางบ้านทั้งหมดไว้กับตัวคนเดียวตลอดเวลา

“จนวันนี้ที่ผมยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ผมกลับไปบอกท่านว่าให้โอนหนี้ทั้งหมดที่ท่านมีมาเป็นชื่อของผม คำที่แม่บอกกับผมก็คือท่านไม่อยากให้ผมเป็นหนี้ที่แม่ก่อ แต่ผมตอบท่านกลับไปว่าแม่เหนื่อยเพื่อลูกๆ ทุกคนมามากแล้ว วันนี้ถึงเวลาที่ท่านจะได้พักบ้าง และสิ่งที่เราได้จากท่านก็คือความเข้มแข็งอดทนไม่ย่อท้อ”

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก