posttoday

Iguazu Falls…Beauty of power, Amazing of Nature

10 กันยายน 2559

เรายังอยู่กันที่ “ประเทศอาร์เจนตินา” จากภูมิภาคทางตอนใต้ เราเดินทางกลับขึ้นมาที่กรุงบัวโนสไอเรส

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]

เรายังอยู่กันที่ “ประเทศอาร์เจนตินา” จากภูมิภาคทางตอนใต้ เราเดินทางกลับขึ้นมาที่กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) เมืองหลวงของประเทศ แต่เราก็ยังไม่ขอพาคุณผู้อ่านเที่ยวชมเมืองหลวงแห่งนี้ แต่จะขอพาทุกท่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของการมาที่อาร์เจนตินาเช่นเดียวกัน และถ้าพร้อมออกเดินทางไปกับทีมงานโลก 360 องศาแล้วละก็ อย่าลืมพกสิ่งของดังต่อไปนี้ 1.เสื้อกันฝน 2.กางเกงขาสั้น 3.ชุดกันฝนกล้อง และรองเท้าที่สามารถเปียกน้ำได้ ติดตัวมาด้วย เพราะว่าเรากำลังจะไปที่  “อิกัวซู” น้ำตกสองสัญชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกยุคใหม่ (New 7 Wonders of Nature)

การเดินทางจากกรุงบัวโนสไอเรส ไปยังน้ำตกอิกัวซู  (Iguazu Falls) สามารถทำได้ 2 วิธี 1.การนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินในเมืองเปอร์โตอิกัวซู (Puerto Iguazu) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 2.การเลือกนั่งรถทัวร์ ที่จะออกเดินทางตอนกลางคืน แต่ก็อาจจะใช้เวลานานถึง 16-18 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ซึ่งทริปนี้เราขอเลือกประหยัดเวลาด้วยการนั่งเครื่องไปลงที่สนามบิน Iguazu International Airport แล้วค่อยนั่งรถต่อไปที่อุทยานแห่งชาติอิกัวซู โดยเสียค่าผ่านประตูคนละประมาณ  130 เปโซ ซึ่งก่อนจะเข้าถึงตัวน้ำตกอิกัวซูนั้น เราก็ต้องเดินเข้าอุทยานไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร โดยระหว่างทางก็สามารถสัมผัสกับธรรมชาติสวยๆ และอาจโชคดีได้เจอสัตว์ป่าท้องถิ่นของที่นี่ อย่างเช่น ลิง แร็กคูนพันธุ์อเมริกาใต้ รวมไปถึงนกพื้นเมืองหลากสีสันครบทุกชนิดอีกด้วย 

Iguazu Falls…Beauty of power, Amazing of Nature นกทูแคน ในสวนนก Parquedas aves

 

เมื่อเข้ามาถึงตัวน้ำตกอิกัวซู ทีมงานทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องว้าว!! เนื่องจากน้ำตกแห่งนี้ มีขนาดใหญ่ตระการตามากจริงๆ สมกับที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งความอลังการนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนมักจะเทียบขนาดของน้ำตกอิกัวซูกับน้ำตกไนแองการา (Niagara Falls) ในทวีปอเมริกาเหนืออยู่บ่อยๆ โดยในความเป็นจริงแล้ว ขนาดของน้ำตกอิกัวซูมีขนาดใหญ่กว่าถึง  30 เท่าเลยทีเดียว

ด้วยความที่ประกอบไปด้วยน้ำตกน้อยใหญ่มากถึง 275 สาย มีความกว้าง 2.7 กิโลเมตร และมีความสูงตั้งแต่ 60-82 เมตร ซึ่งกินพื้นที่ร้อยละ 80 ในฝั่งอาร์เจนตินา และอีกร้อยละ 20 ในฝั่งบราซิล จึงทำให้
อิกัวซูได้รับสมญานามว่า น้ำตกสองสัญชาติ หรือน้ำตกสองแผ่นดิน

จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดากลุ่มน้ำตกอิกัวซูนี้ เรียกว่า คอหอยปีศาจ (Devil Throat)  โดยเป็นจุดที่น้ำตกสองชั้นไหลมารวมกัน ในลักษณะของรูปตัวยู มีความสูง 82 เมตร กว้าง 150 เมตร และยาวกว่า 700 เมตร

Iguazu Falls…Beauty of power, Amazing of Nature เขื่อนอิไตปู เขื่อนที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากที่สุดในโลก

 

เกิดเป็นมวลน้ำมหาศาลที่ไหลตกลงมากึ่งกลางหุบเขาอย่างไม่ขาดสาย เปรียบเสมือนมวลน้ำเหล่านี้กำลังโดนสูบลงเหวก็ว่าได้

หลังจากชมความงามของอิกัวซูอย่างใกล้ชิดในฝั่งอาร์เจนตินาไปแล้ว ทีมงานโลก 360 ก็ไม่พลาดที่จะข้ามไปกันที่ฝั่งบราซิล เพื่อเก็บภาพของอิกัวซูในแบบพาโนรามากันด้วย

การเดินทางเข้าชมน้ำตกอิกัวซูในฝั่งบราซิลก็คล้ายๆ กับทางฝั่งอาร์เจนตินา คือต้องนั่งรถบัสที่มีป้ายเขียนว่า “Iguacu” หรือ “Brasil” เข้าไปที่อุทยานแห่งชาติ ในฝั่งบราซิล ซึ่งก็จะเสียค่าเข้าชมคนละ 42 รีล หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 600 บาท สำหรับการชมน้ำตกในฝั่งนี้ ก็ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่และอลังการตามากๆ เพราะเราสามารถมองเห็นวิวของน้ำตกได้ทั้งหมด เรียกว่า หากจะถ่ายภาพแบบพาโนรามา หรือเซลฟี่กับน้ำตกในมุมกว้าง ก็ทำได้สบายๆ เลยทีเดียว

Iguazu Falls…Beauty of power, Amazing of Nature การเต้นรำพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้

 

จริงๆ แล้ว ใครที่เดินทางมาเที่ยวอิกัวซู ต้องขอบอกก่อนว่าอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน  คือ 1 วันสำหรับฝั่งอาร์เจนตินา และอีก 1 วันสำหรับฝั่งบราซิล และโดยส่วนมากเมื่อนักท่องเที่ยวข้ามไปที่ฝั่งบราซิลแล้ว ก็มักจะเลือกเข้าไปเที่ยวบราซิลกันต่อ หรือข้ามไปช็อปปิ้งที่ประเทศปารากวัยด้วย ซึ่งสำหรับทีมงานโลก 360 องศา เราก็ขอเลือกเที่ยวในประเทศบราซิลให้คุ้มสุดๆ ด้วยการไปสัมผัสธรรมชาติ และวัฒนธรรมพื้นเมืองที่หลากหลายของประเทศนี้

ออกจากน้ำตกอิกัวซูมาไม่ไกลนัก เราก็จะมาถึง สวนนก พาร์ค ดัส อัลเว๊ส (Parque Das Aves) สวนนกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศบราซิล โดยมีขนาดกว่า 100 ไร่ ซึ่งที่นี่รวบรวมนกไว้มากกว่า 1,000 ชนิด จาก 150 สายพันธุ์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น นกฟลามิงโก เหยี่ยวอเมริกา นกกระเรียนมงกุฎเทา นกแก้วมาคอว์ รวมไปถึงนกทูแคน (Toucan) ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดานกที่มีชื่อเสียงที่สุดของบราซิล ก็มาอวดสีสันอยู่ที่นี่ด้วย

ก่อนจะปิดทริปการเดินทางในเมืองแซมบ้า เราจะพาไปอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมจากมือมนุษย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ระหว่างประเทศบราซิลและปารากวัย นั่นก็คือ เขื่อนอิไตปู (Itaipu Dam) หนึ่งในเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลก

เขื่อนอิไตปู เป็นเขื่อนที่มีเจ้าของสองชาติ ได้แก่ บราซิลและปารากวัย เนื่องจากตั้งอยู่บนแม่น้ำปาราน่า (Rio Parana) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่แบ่งพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลและปารากวัยนั่นเอง เขื่อนแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1975 ด้วยเงินลงทุนเกือบ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีขนาดยาว 7 กิโลเมตร มีความสูงประมาณ 196 เมตร มีพื้นที่กักเก็บน้ำเหนือเขื่อนมากถึง 1,350 ตารางกิโลเมตร และเพราะว่าเป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าโดยเฉพาะ จึงทำให้มีกำลังการผลิตสูงถึง 1.4 หมื่นเมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเขื่อนสามโตรก (Three Gorges Dam) ในประเทศจีน โดยกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นจะถูกส่งไปที่ประเทศปารากวัย ร้อยละ 75 และอีกร้อยละ 17 จะถูกส่งเข้าไปที่เมืองริโอ เดอจาเนโร (Rio de Janeiro) และเมืองเซาเปาโล (Sao Paulo) ในประเทศบราซิล

Iguazu Falls…Beauty of power, Amazing of Nature น้ำตกอิกัวซู (ฝั่งบราซิล)4 กับจุดชมวิวแบบพาโนรามา

 

ทวีปอเมริกาใต้ ถือได้ว่าเป็นทวีปที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งก็อาจเป็นเพราะว่าทวีปนี้มีแม่น้ำสายใหญ่ๆ อยู่หลายสาย อย่างเช่น เเม่น้ำอะเมซอน (Amazon) แม่น้ำริโอเดอลาพาต้า (Rio de Rabada) และแม่น้ำโอริโนโค (Orinoco)  ด้วยทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างมหาศาล จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการผลิตไฟฟ้ามากถึงร้อยละ 65 ซึ่งที่ประเทศอาร์เจนตินา พลังงานไฟฟ้าเกือบครึ่งหนึ่งก็ผลิตมาจากพลังน้ำเช่นกัน แต่เนื่องจากเขื่อนส่วนใหญ่ของประเทศนั้น เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ใช้กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรและป้องกันน้ำท่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้นในช่วงหน้าแล้งอาร์เจนตินาจึงมักจะประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าอยู่บ่อยครั้ง

ทีมงานปิดท้ายทริปการเดินทางในบราซิล ด้วยการไปทานบุฟเฟ่ต์แสนอร่อยที่ร้านราฟาอิน (Rafain Churrascaria Show) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเขื่อนอิไตปูเพียง 20 กิโลเมตร บุฟเฟ่ต์ของที่นี่นั้น ประกอบไปด้วยอาหารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น สลัดบาร์ อาหารพื้นเมืองของบราซิล และอาหารชาติอื่นๆ โดยระหว่างการรับประทานอาหารมื้อเย็นนี้ เราก็มีโอกาสได้ชมการแสดงพื้นเมืองของบราซิล อย่างการเต้นแซมบ้า (Samba) รวมไปถึงโชว์เต้นรำจากแทบทุกประเทศในอเมริกาใต้ด้วย เรียกได้ว่าก่อนจะกลับไปยังอาร์เจนตินา เราได้ประสบการณ์ที่ทั้งอิ่มและสนุกแบบจุใจจริงๆ

หลายคนอาจสงสัยว่า การท่องเที่ยวของโลก 360 องศาในครั้งนี้ จะมีความยุ่งยากเรื่องวีซ่าหรือไม่ ทีมงานก็ต้องขอตอบว่าพาสปอร์ตไทยๆ อย่างเรา ได้รับการยกเว้นวีซ่าจากทั้งอาร์เจนตินาและบราซิลเป็นจำนวน 90  วัน ดังนั้นเราก็เลยสามารถเดินทางเข้าออกทั้งสองประเทศได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่าจะต้องพกพาสปอร์ตไว้อยู่ตลอดเวลา และถ้าใช้รถประจำทางหรือรถทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวก็จะทำให้การเดินทางระหว่างสองประเทศสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น   

สัปดาห์หน้า ใครที่กำลังคิดถึงกรุงบัวโนสไอเรสอยู่ ต้องห้ามพลาดติดตามชมในรายการโลก 360 องศา วันเสาร์ เวลาประมาณ 21.20 น. ทาง ททบ. 5

ข่าวล่าสุด

พรรคประชากรไทย ชู 4 เสาหลักพลิกฟื้นประเทศ ส่งชิงเก้าอี้ สส.261 คน สู้ศึกเลือกตั้ง‘69