ย้อนวันวานที่น่าจดจำ วัดพระศรีสรรเพชญ์
สมัยเมื่อยังเยาว์ จำได้ว่าในสมัยประถมศึกษาคุณครูพาไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน ทั้งตื่นเต้นและดีใจ
โดย...สืบสิน ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์
สมัยเมื่อยังเยาว์ จำได้ว่าในสมัยประถมศึกษาคุณครูพาไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน ทั้งตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ออกไปเปิดโลกกว้างนอกห้องเรียนสักที หัวใจเด็กยิ่งลิงโลดเมื่อรู้ว่าสถานที่ที่คุณครูจะพาไปเยี่ยมชมพร้อมเล่าประวัติศาสตร์อันล้ำค่าให้ฟังก็คือ วัดโบราณ อย่างเช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์
คุณครูพาพวกเราเหล่าลิงน้อยไปพักใต้ต้นโพธิ์ใหญ่อันร่มรื่นที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัด พร้อมเริ่มเล่าถึงประวัติความเป็นมาอย่างเพลิดเพลิน หัวใจน้อยๆ เริ่มฮึกเหิมถึงความอลังการเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาเคยรุ่งเรือง และรู้สึกรันทดเมื่อต้องเสียกรุงครั้งยิ่งใหญ่
เวลาผ่านไปเกือบ 30 ปี วันนี้ได้มาเยือนที่วัดพระศรีสรรเพชญ์อีกครั้ง ความรู้สึกในใจยังคงเดิมทั้งภูมิใจและเสียดายระคนกัน
วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นภายในเขตพระราชวังหลวง เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพฯ หรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย
ต่อมา เมื่อถึง พ.ศ. 1991 ซึ่งเป็นรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระราชวังไปสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำลพบุรี รวมทั้งทรงสร้างพระราชมณเฑียรภายในวัดขึ้นมาใหม่และโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นเขตพุทธาวาสเพื่อประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของบ้านเมือง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดในเขตพระราชวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาแต่อย่างใด
หลังจากนั้นในปี 2021 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวิหารขนาดใหญ่ขึ้นและสร้างพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่สูง 8 วา หุ้มด้วยทองคำน้ำหนัก 286 ชั่ง (ประมาณ 171 กิโลกรัม) และถวายพระนามว่า “พระศรีสรรเพชญดาญาณ”
รวมทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์ขนาดใหญ่ขึ้นอีก 2 องค์ โดยพระสถูปเจดีย์องค์ตะวันออกใช้บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ในปี 2035 ส่วนพระสถูปเจดีย์องค์ถัดมาได้ใช้บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 พระเชษฐาธิราช ในปี 2042
ต่อมาอีก 40 ปี สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร หรือสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 ซึ่งเป็นพระโอรสของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้นอีกองค์ในด้านทิศตะวันตกถัดจากพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุพระอัฐิของพระเชษฐาธิราช เพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์มีพระสถูปเจดีย์ 3 องค์ ซึ่งเจดีย์ทั้งสามองค์นี้เป็นเจดีย์แบบลังกาที่มีความสูงเท่ากันตั้งเด่นเป็นสง่ามาจนถึงทุกวันนี้
ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรมพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งจอมทองตั้งอยู่ใกล้ๆ กำแพงทางด้านติดกับวิหารพระมงคลบพิตร เพื่อให้เป็นสถานที่ให้พระสงฆ์บอกเล่าหนังสือพระสงฆ์ ราวรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดหลวงแห่งนี้เป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นในปี 2310 ที่กรุงศรีอยุธยาต้องเสียให้แก่เมียนมาในสงคราม เมียนมาได้ใช้ไฟสุมพระเจดีย์และองค์พระเพื่อลอกเอาทองคำที่ห่อหุ้มออกไป จึงนำความเสียหายมาสู่พระเจดีย์และองค์พระเป็นอย่างมาก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้นำองค์พระศรีสรรเพชญดาญาณสัมฤทธิ์ที่เป็นแกนภายใน และไม่เสียหายจากการสุมไฟไปบรรจุเอาไว้ภายในพระเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ ภายในวัดพระเชตุพนที่กรุงเทพฯ
เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าได้ดำเนินให้มีการขุดสมบัติจากกรุภายในบริเวณพระเจดีย์ และได้พบเข้ากับพระพุทธรูปและเครื่องทองคำมากมาย วัดพระศรีสรรเพชญ์นี้จึงได้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มี.ค. 2478 จนเมื่อปี 2499 ทางราชการจึงได้เข้ามาดำเนินการบูรณะพระสถูปเจดีย์ทั้ง 3 องค์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งกรมศิลปากรได้รับหน้าที่ดำเนินการบูรณะบริเวณวัดทั้งหมดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากความงดงามและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่ทำให้เราสามารถจินตนาการถึงความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยาในอดีตได้แล้ว ในบริเวณใกล้เคียงกับโบราณสถานแห่งนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกมากมายอย่าง ป้อมและปราการรอบกรุง ที่ได้สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โดยสร้างขึ้นจากเดิมที่เป็นกำแพงเชิงดิน ซึ่งป้อมและปราการรอบกรุงนี้ประกอบไปด้วยป้อมมากมาย อย่าง ป้อมมหาไชย ป้อมซัดกบ ป้อมเพชร ป้อมจำพล และป้อมหอราชคฤห์ เป็นต้น
หากมีเวลาว่างแม้เพียงวันเดียวก็สามารถแวะไปชมร่องรอยแห่งความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยา พร้อมเก็บความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่เมืองเก่าแห่งนี้ได้อย่างสบาย สนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. 035-246-076-7


