posttoday

พันต่อ ศรีไตรรัตน์ ชีวิตสองเส้นทาง

04 พฤษภาคม 2559

ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย บุคลิกตรงหน้าที่สง่าผ่าเผย พูดจาฉะฉานทั้งสำเนียงภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บอมบ์-พันต่อ ศรีไตรรัตน์

โดย...กองทรัพย์ ภาพ... ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย บุคลิกตรงหน้าที่สง่าผ่าเผย พูดจาฉะฉานทั้งสำเนียงภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บอมบ์-พันต่อ ศรีไตรรัตน์ บอกกับเราว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหาร ACTIV PARC ศูนย์ออกกำลังกายแนวใหม่ที่เน้นการเคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้องโดยผสมผสานกีฬาหลากหลายรูปแบบไว้ และให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งตั้งอยู่ในโซนเอาต์ดอร์ของอัมรินทร์พลาซ่า พันต่อทำหน้าที่ดูแลทีมการตลาดและในฐานะผู้จัดการฝ่ายขาย แต่สิ่งที่เรารู้มาก็คืออีกหนึ่งงานของเขาที่สหรัฐอเมริกามีความน่าสนใจ เพราะเขาคือหนึ่งในคนไทยที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองลอสแองเจลิส หรือ LAPD-Los Angeles Police Department ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าทั้งสองงานมีความเหมือนกันอย่างประหลาด

พันต่อ บอกว่า หลังจากทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว เขาจะกลับมาเมืองไทยปีละ 1 เดือน ซึ่งนี่คือวันหยุดที่กัปตันของเขาอนุญาต แต่การมาเมืองไทยของเขาในคราวนี้ยาวนานกว่า เพราะเขาขออนุญาตลามานานถึง 8 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หนุ่มวัย 33 ปีคนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะเดินทางในสายตำรวจที่กำลังไปได้สวยต่อไป หรือจะกลับเมืองไทยเพื่อมาสานต่อธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นกับพี่ชาย (ฟาน ศรีไตรรัตน์)

พันต่อ ศรีไตรรัตน์ ชีวิตสองเส้นทาง

“ผมไปอยู่อเมริกาตั้งแต่จบโรงเรียนอัสสัมชัญที่เมืองไทยตั้งแต่อายุ 12 ปี อยู่แบบไม่รู้ภาษาอังกฤษจนกระทั่งได้ร่วมทีมอเมริกันฟุตบอล ผมมีเพื่อน ได้ภาษา และเริ่มรู้จักการทำงานเป็นทีมจากวันนั้น แต่ผมก็ยังรักเมืองไทยและคิดว่าที่นี่คือบ้านของเราตลอด จึงเป็นเหตุผลของการกลับมาทำงานที่เมืองไทยในครั้งนี้คือการทำธุรกิจซึ่งเป็นโอกาสใหม่ที่ผมจะสามารถปูพื้นฐานของการสร้างอะไรเป็นของตัวเอง แต่ขณะเดียวกันผมก็ยังลังเลในอีกเส้นทางหนึ่งคือการเป็นตำรวจซึ่งเป็นความฝันของคุณพ่อและเป็นงานที่ผมรักอีกงานหนึ่งด้วย”

คำถามต่อมาคือ การลางานมาเกือบหนึ่งปีเพื่อค้นหาคำตอบของตัวเองครั้งนี้เขาเจออะไรบ้าง “อย่างแรกสิ่งที่ผมเจอคือ ผมพบว่ามุมมองตำรวจของผมนำมาใช้ในงานต่างๆ ได้ และใช้ได้ดีด้วย ทั้งในเรื่องของการวางแผนการทำงาน การทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย รวมทั้งการตัดสินใจอันรวดเร็วภายใต้ความกดดันให้ผิดพลาดน้อยที่สุด

อธิบายง่ายๆ คือ งานของเราคือการทำให้กลุ่มเป้าหมายมาใช้บริการของเรา ในงานของตำรวจคนกลุ่มนี้คือผู้ร้ายที่เราจะจับ เราต้องรู้จักว่าคนร้ายเป็นใคร ทำงานอะไร มีที่มาอย่างไร ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร เมื่อเรารู้ข้อมูลเหล่านี้ก็นำไปสู่การติดตามจับกุม ซึ่งการชักชวนคนมาออกกำลังกายที่ ACTIV PARC ก็ไม่ต่างกัน

พันต่อ ศรีไตรรัตน์ ชีวิตสองเส้นทาง

 

ระยะแรกที่ผมมาทำงาน ทีมที่นี่จะมีข้อสงสัยกับวิธีการทำงานของผมเพราะเขาไม่ชิน เพราะผมทำงานเชิงรุกและเด็ดขาดสไตล์ตำรวจ แต่พอเข้าที่เข้าทางเป็นทีมเดียวกัน เราก็ทำงานด้วยกันง่ายขึ้น เขาเข้าใจสไตล์การทำงานที่คิดเร็ว และเทคแอ็กชั่นทันทีก็เบาใจขึ้น”

ในสายงานของเจ้าหน้าที่ LAPD พันต่ออยู่ในระดับ Police Officer II เป็นตำแหน่งที่ได้ทำงานหลากหลาย ได้จับผู้ร้าย จับกุมยาเสพติด ไปกระทั่งปฏิบัติภารกิจพิเศษต่างๆ แล้วแต่วาระโอกาส เขาถูกทาบทามให้ไปสอบเพื่อเลื่อนเป็น Police Officer III ซึ่งเทียบเท่ากับครูผู้สอนนักเรียนตำรวจใหม่ แต่เขายังอยากท้าทายในตำแหน่งปัจจุบันให้ถึงที่สุดก่อน

“ครูฝึกชักชวนและทวงมาทางข้อความที่คุยกันตลอดที่ผมอยู่เมืองไทย ซึ่งนี่คือหนึ่งในความลำบากใจของผมว่าจะเลือกอะไรต่อจากนี้ แต่สำหรับวันนี้ผมสนุกกับงานที่ทำมากๆ คือผมได้ออกไปบอกกับลูกค้าว่าความสำคัญของสุขภาพที่ดีคืออะไร และที่ ACTIV PARC จะมอบทัศนคติและร่างกายที่แข็งแรงกลับให้คุณอย่างไร ถ้างานตำรวจคือการได้ช่วยคนให้พ้นจากอันตราย หรือความทุกข์ทรมานที่เขากำลังเผชิญอยู่ งานที่เมืองไทยของผมตอนนี้ก็คือการช่วยคนให้เข้าใจถึงความสำคัญของสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรงเหมือนกัน”

พันต่อ ศรีไตรรัตน์ ชีวิตสองเส้นทาง

 

เมื่อเอ่ยถึงการช่วยเหลือคน นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งของการได้ก้าวมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของหนุ่มคนนี้ “ผมทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนระดับมหาวิทยาลัย ตอนนั้นจึงคิดทำโครงการช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการพาเขาออกจากบ้านไปสู่สถานที่ปลอดภัย ซึ่งการทำงานนี้ทำให้ผมมีทุนการศึกษาจนจบ 4 ปี และงานนี้เองปูพื้นฐานและเปิดทางสำหรับงานช่วยเหลือคนที่กว้างขึ้นคือในอาชีพตำรวจให้กับผม”

นอกจากความเด็ดเดี่ยวและความเป็นผู้นำในตัวเขาคนนี้ที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจมอบหมายงานสำคัญให้สม่ำเสมอ ชายหนุ่มบอกว่าเลือดคนไทยในตัวเขาก็ส่งผลต่อการยอมรับและเป็นที่รักของเพื่อนฝูง จน “เวลากลับมาที่บ้านคุณพ่อคุณแม่จะให้พูดภาษาไทย และปลูกฝังความเคารพผู้ใหญ่ให้ผมเสมอ งานตำรวจเป็นงานที่ต้องมีสติ และต้องใช้วาทศิลป์อยู่บ่อยๆ ผมว่าจุดนี้ความเป็นคนไทยช่วยได้มาก ตำรวจบางคนไม่พูดอะไรซ้อมคนร้ายก่อน โมโหก็ทำร้ายร่างกาย ซึ่งอันนี้ไม่ดี แต่สติช่วยผมได้มาก” หนุ่มบอมบ์ อธิบายถึงตัวตนอีกด้านของเขา

พันต่อ ศรีไตรรัตน์ ชีวิตสองเส้นทาง

 

แม้วันนี้เวลาที่เขาขอลางานมาหาคำตอบที่บ้านที่เมืองไทยจะเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว แต่พันต่อก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาจะเลือกเส้นทางใดที่แน่ชัด “วันที่ผมบอกคุณพ่อว่าจะเป็นตำรวจท่านดีใจมาก ขณะที่คนอื่นๆ ในบ้านทั้งคุณแม่ พี่สาว และพี่ชายทุกคนบอกว่าอาชีพนี้อันตราย มาถึงวันนี้ถ้าผมตัดสินใจว่าจะเป็นตำรวจต่อไปเชื่อว่าทุกคนก็คงเคารพในการตัดสินใจของผมเหมือนที่ผ่านมา และงานที่ทำในเมืองไทยตอนนี้ก็คงต้องวางระบบให้รัดกุมเพื่อให้เขาสามารถเดินต่อไปได้หากผมไม่อยู่บริหารในส่วนนี้

“แต่ถ้าหากผมตัดสินใจวางมือจาก LAPD แล้ว สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปคือการสร้างอะไรบางอย่างด้วยตัวเองเพื่อความยั่งยืนของตัวเองต่อไป แต่ผมเชื่อว่าความเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิชาที่ร่ำเรียนมาในโรงเรียนตำรวจของผมจะใช้ได้กับทุกงานที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้อง” พันต่อ ทิ้งท้ายให้รอติดตาม

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง