posttoday

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์

19 มีนาคม 2559

บริบูรณ์ไม่ใช่ตอนจบ เพราะจุดเริ่มต้นอยู่ ณ บ้านบริบูรณ์ หนังสือกาดกองต้า ย่านเก่าเล่าเรื่องเมืองลำปาง

โดย...กาญจน์ อายุ

บริบูรณ์ไม่ใช่ตอนจบ เพราะจุดเริ่มต้นอยู่ ณ บ้านบริบูรณ์

หนังสือกาดกองต้า ย่านเก่าเล่าเรื่องเมืองลำปาง โดย กิติศักดิ์ เฮงษฎีกุล (เจ้าของอาคารฟองหลี) กล่าวถึง บ้านบริบูรณ์ ไว้ว่า เก่าคร่ำ แต่งามงด

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ บ้านเก่ากลับมามีชีวิต

 

“เลี้ยวขวาขึ้นไปจนเกือบจะสุดหลิ่งจันหมัน (บ้านไม้หัวมุมถนน) ขวามือคือบ้านบริบูรณ์ที่ทรุดโทรมปิดร้าง ทว่าก็ยังคงเค้าความงดงามในอดีตอยู่มาก เรือนไม้ฉลุลวดลายในทุกรายละเอียดเป็นเรือนขนมปังขิงหลังคาทรงปั้นหยาเพียงหลังเดียวในย่านตลาดจีน”

ผู้เขียนบันทึกไว้เมื่อ 7 ปีก่อน ทว่าปัจจุบันมีบางอย่างเปลี่ยนไป จากบ้านทรุดโทรมปิดร้างกลายเป็น หอศิลป์การแสดง ต้อนรับผู้คน จากเค้าความงดงามในอดีตกลายเป็นความเก่าเฉิดฉายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามรายละเอียดของเรือนขนมปังขิงยังคงอยู่ เพียงถูกบูรณะให้แข็งแรงและสวยใหม่ประหนึ่งอดีตเมื่อ 88 ปีที่แล้ว

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ กาดมั่ว

 

ณรงค์ ปัทมะเสวี ประธานมูลนิธิปัทมะเสวีและเจ้าของบ้านบริบูรณ์คนปัจจุบัน เล่าว่า ความน่ากลัวของบ้านร้างที่มีประวัติมายาวนาน ทำให้ไม่มีใครกล้าเดินผ่านหน้าบ้าน พ่อค้าแม่ขายก็เว้นพื้นที่ไว้ไม่กล้าวางขาย แต่ในสายตาของเขากลับมองเห็นความสำคัญของสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ที่อธิบายความเป็น “กาดกองต้า” ได้ดี ณรงค์จึงตามหาเจ้าของบ้าน สืบได้ว่ามีเจ้าของ 21 คน ใช้เวลานานถึง 2 ปีกว่าจะซื้อได้ จากนั้นก็เริ่มการอนุรักษ์บ้านทั้งหลังโดยรักษาโครงสร้างเดิมไว้ทั้งหมด ปัจจุบันเปิดเป็นหอศิลป์การแสดงให้ศิลปินใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงาน รวมถึงการแสดงต่างๆ

“เราพยายามสร้างความภูมิใจให้บ้านเกิดโดยการอนุรักษ์รากฐานของลำปาง จากนั้นก็ให้การศึกษาโดยการเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปะ การแสดง วัฒนธรรม จากศิลปินในท้องถิ่น” ณรงค์ กล่าว

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ ถนนคนเดินกาดกองต้า

 

ความเป็นมาของบ้านบริบูรณ์บอกเล่าผ่านภาพวาดขนาด 4 เมตร ที่ติดอยู่บนผนังชั้นล่าง ตรงกลางภาพเป็นบ้านบริบูรณ์ล้อมรอบด้วยผู้คนหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวตะวันตก จีน ขมุ (ลาว) ไทย แขก และเมียนมา แต่มีคนสำคัญ 3 ท่าน คนแรกคือ หม่องยี เจ้าของบ้านบริบูรณ์ หรือนายใหญ่ บริบูรณ์ เขาเป็นพ่อเลี้ยงค้าไม้ ทำงานเป็นเฮดแมนให้หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์ รวมถึงเป็นผู้จัดการแบงก์สยามกัมมาจลคนแรกของลำปาง และเป็นกัมปะโดทำงานให้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หม่องยีจึงเป็นพ่อเลี้ยงชาวเมียนมาที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และเป็นที่ยอมรับในสังคมลำปางสมัยนั้น (พ.ศ. 2411-2498)

หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์ คนสำคัญในยุคการค้าไม้รุ่งเรือง เขาเป็นผู้จัดการบริษัท บริติช บอร์เนียว ที่ได้รับสัมปทานป่าไม้จากรัฐบาลไทยราวปี 2432 ซึ่งช่วงที่ลำปางรุ่งเรืองที่สุดน่าจะเป็นปี 2461 เมื่อรางรถไฟมาถึงลำปาง ทำให้จังหวัดเป็นชุมทางรถไฟที่เชื่อมการคมนาคมจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวเมืองต่างๆ ในภาคเหนือ และกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ ต้นตำรับโคมศรีล้านนา แห่งเดียวในไทย

 

สุดท้ายคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเป็นผู้จัดการคนแรกของแบงก์สยามกัมมาจล สาขาลำปาง เหตุที่มีธนาคารมาเปิดสาขา นอกจากเหตุผลด้านความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแล้ว การค้าขายในจังหวัดยังไม่ใช้เงินไทย แต่ใช้สกุลต่างชาติตามพ่อค้าที่เข้ามาค้าขาย และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ยังได้สมญานามว่า เขยลำปาง เพราะใช้ชีวิตในลำปางนานถึง 8 ปี จนภรรยาคลอดลูกในดินแดนลำปางหลายคน

บ้านบริบูรณ์ยังมีคุณค่ายิ่งทางสถาปัตยกรรม ด้วยเป็นเรือนขนมปังขิงหลังคาปั้นหยาหลังเดียวในกาดกองต้า ลักษณะเป็นเรือนครึ่งปูนครึ่งไม้ มีไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาและลายประดิษฐ์ ด้านบนไม่มีระเบียง แต่เป็นหน้าต่างแบบบานเกล็ดไม้ตามอิทธิพลตะวันตก และจุดพิเศษคือ ลายฉลุช่องลมที่ตัวเรือนชั้นสองเพื่อระบายอากาศแตกต่างจากเรือนขนมปังขิงทั่วไป นอกจากนี้หากใครได้เข้าไปในตัวบ้านช่วงกลางวันจะสัมผัสถึงความเย็น อุณหภูมิต่ำกว่าด้านนอกประมาณ 5 องศาเซลเซียส เป็นผลมาจากการทำผนังหนา เพดานสูง และมีช่องระบายอากาศอย่างที่กล่าวไป

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ เรียนฉลุลายโคม

 

ก่อนหน้าที่จะเปิดบ้านบริบูรณ์ ทางมูลนิธิปัทมะเสวีเคยบูรณะบ้านหลังหนึ่งริมถนนตลาดเก่ามาก่อนแล้ว ตอนนี้คือหอศิลป์ลำปาง เป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม ประติมากรรม วาดเส้น ภาพถ่าย กราฟฟิกดีไซน์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ การแสดง ดนตรี คหกรรม หนังสือ และสื่อมัลติมีเดีย ซึ่งทุกวันจะมีนักเรียนมาเรียนการทำโคมศรีล้านนาจาก ป้าบัว-ทิวาพร ปินตาสี ทายาทผู้คิดค้นโคมศรีล้านนาที่มีวิธีการทำเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในประเทศไทย

โคมศรีล้านนาเป็นลักษณะ 8 เหลี่ยม (ตัวแทนมรรค 8) มีความซับซ้อน 3 ชั้น (ตัวแทนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์) ทุกขั้นตอนทำจากมือทั้งหมด ตั้งแต่การขึ้นโครงไม้ไผ่ ฉลุลาย และประกอบชิ้นส่วน ซึ่งไม่เหมือนกับโคมที่อื่น จึงพูดได้ว่ามีที่เดียวในไทยและในโลก

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ คุณยายทัดดอกไม้

 

“นี่คือแสงสว่างที่คลาสสิก โคมศรีล้านนาไม่เหมือนโคมที่ไหน วันนี้ป้ากำลังสานภูมิปัญญาของพ่อโดยถ่ายทอดต่อให้คนรุ่นใหม่ ให้เด็กๆ มีภูมิปัญญาท้องถิ่นติดตัว สร้างคุณค่าให้ จ.ลำปาง และสร้างรายได้ให้คนทำ” ป้าบัวยังกล่าวด้วยว่า มีคนออร์เดอร์ให้ทำตลอดปี โดยโคมหนึ่งมีราคาประมาณ 1,500 บาท และปัจจุบันคนลำปางยังนำโคมศรีล้านนาไปถวายวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล

ริมสองฝั่งถนนตลาดเก่ามีบ้านเก่าให้ชมอีกหลายหลัง ถ้าไล่เรียงจากหัวถนนไปสู่สะพานรัษฎาภิเศก เริ่มที่อาคารฟองหลี ที่ได้รับคำชื่นชมว่าเป็นอาคารที่มีศิลปะลายฉลุแบบขนมปังขิงที่ประณีตที่สุด บ้านคมสัน เป็นบ้านหลังใหญ่สีเหลืองทำจากปูนหลังแรกในย่าน อาคารเยียนซีไท้ลีกี อดีตห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดจีน บ้านทนายความอนันต์ พันธุ์พัฒน์ ตรงหน้าจั่วมีการประดับไม้เสากลึงที่เรียกว่าสะระไน ที่เป็นลักษณะพิเศษของเรือนมะนิลา อาคารหม่องโง่ยซิ่น เรือนขนมปังขิงหลังคาทรงมะนิลาที่มีลายฉลุไม้สวยที่สุด และอาคารกาญจนวงศ์ ที่มีความอ่อนหวานด้วยลายปูนปั้นฝีมือช่างมัณฑะเลย์และลายฉลุอันอ่อนช้อย

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ ตลาดเช้าเก๊าจาว อายุกว่า 100 ปี

 

วันเสาร์-อาทิตย์ ช่วง 4 โมงเย็น ถนนตลาดเก่าจะปิดเป็นถนนคนเดินเรียกว่า กาดกองต้า ขายอาหารพื้นเมือง เสื้อผ้าชาวเหนือ งานแฮนด์เมด ผักผลไม้ สินค้ามือสอง หรือทุกอย่างที่คิดออก แต่ถ้ามีความตั้งใจที่จะชมสถาปัตยกรรมไม่ควรเดินวันที่มีตลาด เพราะร้านค้าและแผงลอยจะปิดบังความสวยงามแทบสิ้น ส่วนตลาดแบบท้องถิ่นต้องไปที่ตลาดเช้า 100 ปีรัตน์ หรือตลาดเก๊าจาว ริมทางรถไฟใกล้กับสะพานดำ ชาวบ้านเรียกว่า กาดมั่ว เพราะขายของหลายชนิดมั่วกันไปทั้งอาหารสด พืชผัก โจ๊ก กาแฟ หมูปิ้ง ผึ้งปิ้ง ดอกไม้ เสื้อผ้า และถ้าไปช่วงนี้จะได้ไข่มดแดงเม็ดเป้งติดมือ สิ่งน่าสนใจไม่แพ้อาหารคือ เรือนแถวไม้ประตูบานเฟี้ยมที่ในอดีตใช้เป็นโกดังเก็บสินค้าจากรถไฟ และโครงสร้างตลาดยังทำจากไม้ขอนใหญ่ ซึ่งฉากที่คลาสสิกที่สุดคงเป็นจังหวะที่รถไฟวิ่งผ่านแล้วได้กลิ่นน้ำมันดีเซลลอยประกบกลิ่นหมูปิ้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากาลเวลาทำให้ลำปางเปลี่ยนไป “แต่ไม่ทั้งหมด” ตามสโลแกนของโครงการเมืองต้องห้าม...พลาด ที่นิยามลำปางว่าเป็นเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา นั่นเพราะบรรดาเจ้าของบ้านช่วยกันคืนชีวาให้สิ่งปลูกสร้างกลับมามีชีวิต ซึ่งน่าดีใจที่หลังอื่นๆ มีแนวโน้มจะอนุรักษ์มากขึ้น เพื่อหวังว่าบ้านเมืองจะกลับมารุ่งเรืองดังที่เคยเป็นในอดีตกาล

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ ณรงค์ ปัทมะเสวี ประธานมูลนิธิปัทมะเสวี

 

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ ทางลอดใต้รางรถไฟ

 

ลำปาง เริ่มต้นด้วยบริบูรณ์ ฤดูไข่มดแดง

 

ข่าวล่าสุด

"รมว.นฤมล" เปิดโครงการ อาชีวะ-ขนส่งอาสา 150 ศูนย์ ดูแล-ลดอุบัติเหตุทั่วไทย