เปิดใจแชมป์โลก กันพลาบิลเดอร์ วิชยุตม์ เอี่ยมอ่อง
ราว 2 ทุ่มของคืนวันอาทิตย์ปลายเดือน ธ.ค. เสียงปลายสายโทรศัพท์บอกกับผมด้วยความตื่นเต้นว่า คนไทยได้แชมป์โลกกันพลาบิลเดอร์ 2015
โดย...โยธิน อยู่จงดี ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
ราว 2 ทุ่มของคืนวันอาทิตย์ปลายเดือน ธ.ค. เสียงปลายสายโทรศัพท์บอกกับผมด้วยความตื่นเต้นว่า คนไทยได้แชมป์โลกกันพลาบิลเดอร์ 2015 ภาพโมเดลกันพลาลงสีเลียนแบบผิวไม้ บอกเล่าเรื่องราวของช่างไม้กำลังแกะสลักหุ่นกันดั้ม 2 ตัวกำลังต่อสู้กันอยู่ ลอยขึ้นมาในใจ ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศของไทย คว้าแชมป์โลกมาครองตามความคาดหมาย แน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะนัด วิน-วิชยุตม์ เอี่ยมอ่อง แชมป์โลก GBWC 2015 (Gunpla Builders World Cup 2015) คนล่าสุด
กันพลาบิลเดอร์ เป็นรายการแข่งขันการสร้างหุ่นกันพลาหรือโมเดลหุ่นยนต์จากแอนิเมชั่นเรื่องกันดั้ม รายการนี้เริ่มการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 2011 มีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 13 ประเทศ มุ่งเน้นการสร้างโมเดลให้มีความสวยงามตามจินตนาการของผู้สร้าง หรือประหนึ่งคืองานประกวดผลงานศิลปะผ่านโมเดลกันพลาก็ว่าได้ นี่จึงเป็นรายการแข่งขันการโมดิฟายโมเดลกันพลา รายการใหญ่ที่สุดของโลกในเวลานี้
เปิดใจแชมป์โลก กันพลา บิลเดอร์
วินเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ มีสไตล์การแต่งตัวที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ออกแนวร็อกผสมแร็ปเปอร์ แต่ถ้าได้พูดคุยกับเขาแล้วจะพบว่า วินเป็นคนที่เป็นมิตร น่าพูดคุย และถ่อมตัวอย่างมาก เขาเริ่มเล่าเส้นทางการเป็นโมเดลเลอร์ของเขาว่า “ผมเริ่มทำงานโมเดลเมื่อตอนอายุ 11 ขวบ (ปัจจุบันอายุ 32 ปี) เป็นโมเดลบอร์ดเกมวอร์แฮมเมอร์ขนาดเล็ก จนเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วผมได้มีโอกาสดูซีรี่ส์กันดั้มภาคบิลไฟเตอร์ ซึ่งจุดประกายให้ผมหันมาทำโมเดลกันพลาแล้วส่งเข้าประกวดในปี 2014 โมเดลตัวแรกที่ผมต่อก็เป็นหนึ่งในผลงานชนะเลิศของปีนั้น แต่อันที่จริงแล้วการที่ผมเข้าประกวดไม่ได้ต้องการที่จะชนะแล้วได้รางวัล เพียงแต่ผมต้องหาเพื่อนใหม่ๆ มิตรภาพใหม่ๆ ของคนที่รักในสิ่งเดียวกันมากกว่า
“ตอนปี 2014 ผมไม่ได้รางวัลกลับมาเพราะแพ้ในเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมทำประตูฟุตบอลได้แล้วแต่เวลาดันหมดก่อน เป็นความรู้สึกเจ็บใจและเป็นแรงผลักดันให้ปีนี้ผมต้องกลับมาเอาคืนให้ได้ ด้วยการคว้ารางวัลติดมือกลับบ้านสักครั้ง แต่ไม่ได้คาดหวังถึงขนาดได้แชมป์โลก เพราะผลงานแชมป์ของแต่ละประเทศนั้นถือว่าสวยและงานเนี้ยบจนไม่มีที่ติให้เห็นเลยในผลงานของพวกเขา ในขณะที่งานของผมจะเป็นอีกสไตล์หนึ่งดูผ่านการใช้งาน มีสีสนิมและเหล็กเป็นร่องรอยใช้งาน นี่คือสไตล์ที่ผมชอบ ซึ่งในปีนี้ผมนำเสนอผ่านรูปแบบของการทำสีโมเดลเลียนแบบผิวไม้
“พอถึงเวลาประกาศรางวัลที่ 3 ไม่ใช่เรา ก็มาลุ้นรางวัลที่ 2 พอตัดสินว่าไม่ใช่เรา ก็ตัดใจแล้วเพราะผมคิดว่ามีผลงานที่เขาน่าจะได้แชมป์ในความคิดของผม ไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไรถือว่าได้มาญี่ปุ่นประเทศที่เราชอบ แล้วเขาก็ประกาศชื่อผมออกมาแต่ผมฟังไม่ออก ฟังเป็นไต้หวัน ผมก็นั่งปรบมือรอให้ผู้ชนะเดินขึ้นเวที จนเพื่อนมาชกหลังผมบอกว่าแกนั่นล่ะๆ ผมก็เดินขึ้นเวทีแบบงงๆ สคริปต์ที่อยากจะพูดถ้าได้รางวัลทุกอย่างลืมไปหมดเลย” วิน เล่าพลางหัวเราะ
วิน เล่าเสริมว่า ผลงานของชาติอื่นที่เขาชื่นชอบมี 2 ผลงาน คือ ผลงานของตัวแทนทวีปอเมริกาเหนือ เป็นผลงานสไตล์แอบสแทรกต์ผสมกับสไตล์เผ่ามายา นำชิ้นส่วนหุ่นเก่ามาผสมกับหุ่นรุ่นใหม่ผสมผสานระหว่างหุ่น 2 ยุค นับเป็นผลงานที่น่าสนใจมาก อีกตัวหรือเป็นหุ่นซาซาบิสีเขียว ของประเทศอินโดนีเซีย เป็นงานสวยมาก ดูสะอาด เป็นงานที่เนี้ยบมาก
วินถ่อมตนว่า “ผมก็ทำงานเนี้ยบๆ ได้ แต่คงได้ไม่เท่าเขา เพราะผมชอบหุ่นรบสไตล์สนิมผ่านสมรภูมิมามากกว่าหุ่นรบที่เพิ่งออกจากโรงงาน”
อนาเตอร์ เลต ไนต์ เล่าโลกเหล่าโมเดลเลอร์
“ผลงานชิ้นนี้ผมตั้งใจนำเสนอเรื่องราวชีวิตของเหล่าโมเดลเลอร์ ผ่านผลงานนา อนาเตอร์ เลต ไนต์ (Another late night) ผมมองว่าโมเดลกันพลาเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง เพียงแต่ผลงานของเขาอยู่ในรูปแบบของโมเดลหุ่นยนต์ แทนที่จะเป็นผืนผ้าใบหรือปูนปั้นเหมือนงานศิลปะที่เรารู้จักกันทั่วไป นักสร้างโมเดลเลอร์ส่วนมากจะมีงานประจำกันทุกคน แต่มีใจรักในงานโมเดล
ผมเองก็ไม่ใช่โมเดลเลอร์มืออาชีพ (ถ่อมตัวอีกแล้ว) ผมทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านจิตเวช เป็นนักออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ และเจ้าของธุรกิจร้านบอร์ดเกมคาเฟ่ร่วมกับเพื่อนที่อาคารมหาทุน
พอถึงเวลากลางคืนก็เหมือนโมเดลเลอร์ที่ทำเป็นงานอดิเรกที่ต้องมานั่งขัดชิ้นงาน ลงสี ฝึกฝนฝีมือ นับพันชั่วโมง กว่าจะออกมาเป็นผลงานสู่สายตาทุกคน ผมจึงอยากเล่าเรื่องของพวกเขาให้ทุกคนทั้งที่เล่นกันพลาและไม่ได้เล่นหรือรู้จักโลกของพวกเราได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในฉากนี้ ผมสมมติฉากนี้เป็นโลกของกันดั้มภาคบิลไฟเตอร์ กันดั้มภาคนี้ก็เป็นเรื่องราวของนักสร้างกันพลา เป็นโลกที่หลงใหลกันดั้มเป็นที่สุด แต่แทนที่ผมจะทำเป็นคนกำลังประกอบหุ่นกันพลา ผมเลือกใช้ช่างไม้กำลังแกะสลักผลงานประติมากรรมไม้เป็นรูปหุ่นรบกันดั้ม 2 ตัวกำลังต่อสู้กัน
ช่างไม้คนนี้กำลังทำงานข้ามวันข้ามคืน เช่นเดียวกับโมเดลเลอร์ที่คอยมองนาฬิกาเวลาว่ากี่โมงแล้วบอกตัวเองว่าขอต่ออีกนิดให้เสร็จ จากนั้นรู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาตี 2 หรือมากกว่านั้น นี่คือชีวิตของเหล่าโมเดลเลอร์ที่อุทิศเวลาให้กับงานที่พวกเขารัก
กันพลาตัวหลักผมใช้เป็น กันดั้มวิง เวอร์คา (เวอร์ชั่นที่ออกแบบโดย อาจารย์คาโตกิ ฮาจิเมะ นักวาดออกแบบหุ่นกั้นดั้ม) สู้กับกันดั้มเอเปี้ยน ตัวร้ายในภาคกันดั้มวิง ผมดัดแปลงให้กันดั้มวิงใช้แขนของกันดั้มเอ็กเซียจากภาคกันดั้มดับเบิ้ลโอ และดาบเป็นของกันดั้มดาร์กเอ็กเซีย จากภาคบิลไฟเตอร์ ส่วนตัวหุ่นเอเปี้ยน ส่วนแขนและขามาจากกันดั้มดาร์กเอ็กเซีย
ในขณะที่ท่าทางการต่อสู้นั้นหลายคนเห็นแล้วคิดว่าผมนำมาจากฉากหนึ่งในกันดั้มวิงที่ทั้งสองตัวต่อสู้กัน ผมเคยดูกันดั้มวิงมานานมาก นานจนลืมไปแล้วว่าฉากต่อสู้ในเรื่องนั้นเป็นอย่างไร เพราะที่จริงแล้วท่าต่อสู้นี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ตอนที่บาร็อกสู้กับแกนดัล์ฟแล้วตกลงไปในเหวลึกด้วยกัน เป็นความบังเอิญอย่างพอเหมาะพอเจาะจริงๆ
ป้ายที่ติดอยู่ที่ใต้ฐานหุ่นเป็นชื่อตอนๆ หนึ่งในภาคบิลไฟเตอร์ มีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างในฉากที่เล่าเรื่องราวการทำงานของโมเดลเลอร์ เช่น ตัวฮาโร่ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ทรงกลมที่ปรากฏในกันดั้มแทบทุกภาคก็มาเป็นที่ใส่ยาจุดกันยุง มีโต๊ะทำงานและกระดาษร่างแบบ มีตัวละครที่นอนหลับอยู่ใกล้ๆ เป็นสิ่งที่บอกว่าช่างคนนี้กำลังทำงานตอนกลางคืนและกำลังจะข้ามคืนไปโดยไม่รู้ตัว”
อย่ากลัวความล้มเหลว
“สไตล์การทำโมเดลของผมจะใช้พู่กันมาโดยตลอด ผมชอบทำสีเลียนแบบของเก่า สีสนิมเขรอะ หุ่นรบของผมจะเป็นรูปแบบที่ผ่านการใช้งานดูแล้วสมกับเป็นหุ่นรบมากกว่าที่เพิ่งสร้างเสร็จ การทำงานของผม ผมจะคิดว่าผมอยากจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ผมไม่ได้กำหนดว่าผลงานนั้นจะมีรูปแบบอย่างไร มีทิศทางที่ชัดเจนว่าต้องการอะไร แต่เป้าหมายนั้นไม่ชัดเท่าพร้อมเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดภายใต้กรอบของทิศทางที่ตั้งใจไว้
คล้ายกับเวลาที่เราจะหาร้านกาแฟอร่อยๆ สักร้าน ผมรู้ว่ามีร้านหนึ่งตั้งอยู่แถวนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าตรงไหน ผมก็เดินหาไปเรื่อยจนเจอร้านกาแฟร้านหนึ่งก็ลองเข้าไปชิมดู ถ้าถูกใจก็ใช้เวลาอยู่กับร้านนี้อีกสักพัก แล้วค่อยออกไปหาร้านที่เคยตั้งใจไว้ หรือจะเรียกว่าลองผิดลองถูกก็ได้
ผมเป็นคนชอบลองผิดลองถูก ผมชอบการทดลองและการล้มเหลว ผมไม่กลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ผมรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร จนกว่าจะได้ผลที่ผมพอใจ แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความล้มเหลวผมอาจจะเอาไปใช้ได้กับงานอื่นๆ ได้ในอนาคต ถ้าผมทำครั้งแรกครั้งเดียวแล้วสำเร็จ ผมจะไม้รู้เลยว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผมจึงเป็นคนชอบลองผิดลองถูก เช่น งานพู่กันเลียนแบบลายไม้ที่ได้แชมป์กลับมาก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ผมกำลังทดลอง งานทำสีเลียนแบบไม้นี้ผมทดลองประมาณ 16 ครั้งถึงจนได้รูปแบบซึ่งได้ผลออกมาอย่างที่เห็น”
วินทิ้งท้ายให้กับทุกคนว่า งานศิลปะไม่มีผิดหรือถูก ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าเราทำแล้วมีความสุขกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นพู่กัน แอร์บรัช ฟองน้ำหรืออะไรก็แล้วแต่มันเป็นแค่อุปกรณ์ที่นำพาไปสู่สิ่งที่คุณต้องการจะสื่อถึงในงานศิลปะ ถ้าสิ่งนั้นสามารถสร้างผลงานที่คุณชื่นชอบ รัก และมีความสุขได้ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด


