เที่ยวตะนาวศรี มีแต่ยิ้ม
พอเกริ่นชื่อ “ตะนาวศรี” ก็จะมีหลายคนที่พลันนึกไปถึงการเสียดินแดนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศ
โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]
พอเกริ่นชื่อ “ตะนาวศรี” ก็จะมีหลายคนที่พลันนึกไปถึงการเสียดินแดนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศ (มะริด ทวาย ตะนาวศรี) ซึ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปกว่าสองร้อยปีแล้ว วันนี้เราไม่ได้มีการแย่งชิงดินแดนกันดังเช่นในอดีต จะคงเหลือก็แต่มิตรภาพและความร่วมมือของผู้คนทั้งสองประเทศ
ปัจจุบันประเทศเมียนมาได้เปิดเสรีให้กับการท่องเที่ยวมากขึ้น คนไทยเดินทางไปไหว้พระที่ย่างกุ้งและมัณฑะเลย์แทบจะไม่เว้นวัน ในขณะที่นักท่องเที่ยวขาลุยก็เดินทางไปค้นหาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ในเมียนมามากขึ้น ทำให้เรารู้จักเมียนมามากกว่าที่เราเคยรู้ และบางคนก็ได้เห็นเมียนมามากกว่าที่เคยเห็น และเราเชื่อว่าถ้าใครได้มีโอกาสไปเมียนมาตอนใต้ ก็จะยิ่งหลงรักเมียนมามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปยังเมียนมาตอนใต้ก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ทั้งเรื่องความสะดวกสบายของเส้นทาง ระยะเวลา และค่าใช้จ่าย แต่สำหรับนักเดินทางที่ชอบความท้าทายและอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เราก็ขอแนะนำให้ลองเดินทางด้วยรถยนต์ผ่านชายแดนไทยเข้าสู่เมียนมา รับรองว่าทั้งสนุก ทั้งเพลิดเพลิน
พื้นที่ที่น่าไปเที่ยวที่สุดของเมียนมาตอนนี้ ก็คงต้องยกให้ภูมิภาคตะนาวศรี (Tanintharyi Division) ซึ่งก็จะมีทั้งเมืองมะริด เมืองทวาย และเมืองตะนาวศรี ซึ่งการเดินทางไปยังภูมิภาคตะนาวศรีนั้น ก็สามารถเดินทางผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี หรือจะเดินทางผ่านจุดผ่อนปรนพิเศษ ด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทาง ใช้เพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น
ภูมิภาคตะนาวศรีนั้นกว้างใหญ่มาก ทอดตัวจากเหนือลงใต้ ขนานไปกับทิวเขาตะนาวศรี และภาคตะวันตกจนถึงภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย ซึ่งภูมิภาคนี้จะประกอบไปด้วย 10 เมือง มีทวาย (Dawei Township) เป็นเมืองเอก
เมืองตะนาวศรี (Tanintharyi Township) เป็นหนึ่งใน 10 เมืองของภูมิภาคตะนาวศรี แต่ด้วยความที่ชื่อเหมือนกัน คนส่วนใหญ่จึงมักจะสับสนระหว่างภูมิภาคตะนาวศรี และเมืองตะนาวศรี ซึ่งเมืองตะนาวศรีที่ว่านี้ ตั้งอยู่ห่างจากด่านสิงขรเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตรเท่านั้น แต่ด้วยสภาพถนนที่อยู่ในระหว่างปรับปรุง ก็จะต้องใช้เวลาเดินทางนานเป็นพิเศษ แต่ก็จะเป็นความยาวนานที่ยังหาความเพลิดเพลินได้จากบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งภาพสวนหมาก สวนปาล์ม ตลอดสองข้างทาง ก็พอจะให้เราเดาได้ในเบื้องต้นว่า วิถีชีวิตของคนที่นี่ มีความผูกพันกับอาชีพเพาะปลูกและเกษตรกรรมเป็นหลัก
ก่อนจะถึงเมืองตะนาวศรี เราจะผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งของเมียนมา แต่เมื่อจอดรถทักทายและพูดคุยกับผู้คนก็ทำให้เราเริ่มไม่มั่นใจว่าเราอยู่ประเทศไทยหรือเมียนมากันแน่ เพราะผู้คนที่นี่พูดไทยได้อย่างฉะฉาน สอบถามกันไปจึงได้ความว่า พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษคนไทยที่เข้าไปรบในเมียนมาและตกค้างอยู่ จนมีลูกหลานอย่างในปัจจุบัน
ชาวบ้านไทยสิงขร ยังคงสืบทอดภาษาพูด ภาษาเขียน ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมแบบไทยๆ แทบทุกอย่าง ยิ่งปัจจุบันนี้มีอินเทอร์เน็ต มีโทรศัพท์มือถือ และได้รับชมรายการโทรทัศน์จากประเทศไทย ก็ยิ่งมีความรู้จักมักคุ้นกันมากขึ้น ดังนั้น ถ้าจะเดินทางเข้ามาเที่ยวเมียนมาตอนใต้ ลองมาเริ่มต้นที่หมู่บ้านนี้ก่อน ก็จะทำให้คุณรู้สึกคุ้นเคยและอุ่นใจกับการเดินทางเที่ยวในเมียนมามากขึ้น
จากหมู่บ้านสิงขรอีก 100 กว่ากิโลเมตร ก็จะถึงเมืองตะนาวศรี ซึ่งวินาทีแรกที่เห็นก็อาจจะแปลกใจกับขนาดที่เล็ก และบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบของเมือง ที่เรานึกภาพเอาไว้ว่าจะเป็นเมืองท่าสำคัญที่มีกิจกรรมการค้าวุ่นวายเต็มไปหมด
ซึ่งอันที่จริงแล้ว บทบาทของเมืองตะนาวศรีลดลงตั้งแต่ครั้งอดีตที่มีการพัฒนาท่าเรือขึ้นในเมืองมะริด แต่ถ้าลองค้นข้อมูลในอดีตกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก็จะทราบว่าเมืองนี้เคยมีบทบาทสำคัญมากในการขนสินค้ามาทางเรือ จากยุโรปและอินเดีย เพื่อส่งไปยังสยามประเทศ
แม้ว่าปัจจุบันเมืองตะนาวศรี จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีบทบาทสำคัญทางการค้าเหมือนในอดีต แต่เมืองนี้ก็ยังคงมีเสน่ห์ และมีความน่าสนใจไปอีกแบบ เพราะวิถีชีวิตที่ดูสงบ เรียบง่าย และความเป็นมิตรของผู้คน ถ่ายทอดผ่านรอยยิ้มและความเป็นกันเอง จะคอยสร้างความจดจำอันน่าประทับใจให้กับทุกผู้มาเยือน
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองน่ารักเมืองนี้ คือทิวทัศน์ของแม่น้ำ ภูเขา และวัดวาอาราม ที่มีอยู่แทบทุกมุมของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ รวมทั้งสถานที่สำคัญอันเป็นแหล่งรวมความเชื่อและความศรัทธาของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เสาหลักเมือง หรือสระน้ำโบราณ
ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจของเมืองนี้ก็ไม่ได้ดีนัก ผู้คนอยู่กันแบบพออยู่พอกิน ไม่ได้มีอุตสาหกรรมใหญ่โต และไม่ได้มีการแก่งแย่งแข่งขันทางเศรษฐกิจมากนัก ทำให้วัดและโรงเรียนยังคงเป็นศูนย์กลางของชุมชนได้ดังเดิม ผู้คนยังคงเข้าวัดไหว้พระ และเด็กๆ ก็ยังไม่มีสิ่งยั่วเย้าจากโลกภายนอกมากนัก เราจึงยังมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มน่ารักของบรรดาเด็กน้อยไร้เดียงสาที่คอยแจกยิ้มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างจริงใจ
ที่นี่ไม่มีร้านสะดวกซื้อ หรือห้างร้านทันสมัย ดังนั้นร้านน้ำชาจึงยังคงเป็นแหล่งนัดพบเพื่อพูดคุยของทุกคน ในขณะที่รายได้จากการค้าขายก็ยังคงกระจายอยู่ในท้องถิ่น โดยปราศจากการเบียดเบียนจากทุนนิยม
ชาวบ้านที่นี่มีมิตรไมตรีต่อผู้มาเยือนเสมอ แม้จะไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรต่อกัน และมีประวัติศาสตร์ที่เคยสู้รบกันระหว่างคนสองชาติ แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือเป็นข้อจำกัดในการแสดงออกถึงมิตรภาพระหว่างกันเลย รอยยิ้มและแววตาที่เป็นมิตรสร้างสรรค์มิตรภาพระหว่างกันได้ แม้จะไม่สามารถสื่อสารถึงกันได้ด้วยภาษาพูด
หากใครอยากค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในเมียนมา ก็ต้องลองเปิดใจรับเมืองเล็กๆ น่ารักๆ อย่างตะนาวศรีไว้พิจารณาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก รับรองว่าคุณจะหลงเสน่ห์ของเมืองที่ชื่อ “ตะนาวศรี” อย่างแน่นอน แต่ถ้าอยากจะเห็นภาพจริงก่อนละก็ ต้องติดตามทางรายการสารคดีโทรทัศน์ โลก 360 องศา ช่อง 5 วันเสาร์นี้ เวลา 21.20 น. โดยประมาณ


