พ่อลูกฟลายนาว

โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์

ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นธรรมชาติที่ผู้เป็นพ่ออยากเห็นผู้เป็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน และการมีชีวิตคู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อที่มีธุรกิจที่รอให้ผู้เป็นลูกมาสืบทอดเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าและเติบโตต่อไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

เช่นเดียวกับ “ปรีชา ส่งวัฒนา” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเสื้อผ้า เครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านแบรนด์ FLYNOW (ฟลายนาว) ที่ได้รับการยอมรับมากว่า 15 ปี และมีศูนย์จำหน่ายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศกว่า 7 สาขา ในจังหวัดท่องเที่ยว เขาในฐานะผู้ก่อตั้ง ที่วันนี้วัย 64 ปีแล้ว จึงคาดหวังที่จะให้ผู้เป็นลูกชายคือ “เบญจ์เยี่ยม ส่งวัฒนา” เข้ามารับช่วงและบริหารงานใน FN ต่อไป

 

พ่อเป็นพี่เลี้ยง

เบญจ์เยี่ยม : การเข้ามาเริ่มทำธุรกิจของครอบครัว เกิดจากการส่งเสริมของคุณพ่อ โดยในช่วงที่เรียนปริญญาตรีท่านให้งบมาก้อนหนึ่ง คือเพื่อให้ลูกได้ฝึกทำธุรกิจ ผมเริ่มธุรกิจแรกคือการเข้าบริหารที่ร้านขนมจีนบางกอก ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนในการทำธุรกิจและเป็นปฐมบทในการทำธุรกิจของผม  ซึ่งในร้านขนมจีนบางกอก คุณพ่อให้สิทธิและให้โอกาสทุกอย่างในการทำธุรกิจ ซึ่งถือว่าผมและพี่สามารถทำได้ประสบความสำเร็จ

“คุณพ่อก็จะใช้วิธีการในการตั้งโจทย์ในแต่ละเรื่องที่คิดว่าสำคัญและจำเป็น เมื่อตั้งโจทย์ก็จะให้คิดและถามว่าในโจทย์ที่ตั้งมานั้นเห็นอะไร ยังไง รู้สึกอย่างไร และนี่คือวิธีสอนของพ่อ เพราะถ้าหากคิดและแยกแยะได้ เมื่อวันหนึ่งมาถึงผมก็สามารถที่จะนำไปสอนหรือบริหารต่อได้ และนี่คือข้อที่ดีมากที่ผมได้จากการเรียนรู้และการสอนของพ่อ และถือว่าเป็นการเรียนที่ไม่ต้องเสียเงิน”

พ่อให้ผมทุกอย่าง วางแผนในทุกขั้นตอน เพราะผมจะต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด วันนี้ผมเข้ามาบริหารธุรกิจ ผมจะต้องสามารถนำมาพัฒนาและนำมาใช้ได้จริง

เบญจ์เยี่ยม กล่าวว่า ผมกับพ่อเราสนิทกันมาก และบางทีผมกับพ่อก็คือคู่กัดกัน เพราะในทุกเรื่องครั้งแรกนั้นไม่ได้มีความคิดเห็นเหมือนกัน แต่ทุกครั้งก็ต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมถือว่าผมโชคดีที่มีพ่อคอยเป็นพี่เลี้ยง ผมถามพ่อทุกเรื่อง เพราะถามพ่อผมได้ความรู้แบบเต็มแบบไม่มีกั๊ก พ่อคือผู้ชี้ทางและแนะนำทุกอย่างตั้งแต่การให้อ่านหนังสือ บทความดีๆ ที่สามารถนำมาใช้และวิเคราะห์เพื่อทำให้การเข้ามาทำงานและการบริหารได้ในมุมลึกและกว้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าพ่อมีอิทธิพลกับผมในทุกเรื่อง เป็นหมือนกับครู เป็นหัวหน้า เป็นพ่อซึ่งผมถือว่าผมโชคดีมาก 

อย่างไรก็ตาม ในบางเวลาก็มีช่วงจังหวะที่ขัดแย้งกัน แต่ไม่ได้แยกจากกัน ไปนั่งคิดและทบทวนว่าเราผิดอะไร ผิดอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นครรลองปกติที่ความคิดเห็นจะต้องขัดแย้งกันบ้าง แต่เมื่อได้เรียนรู้ได้ทำความเข้าใจก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ทุกอย่างไปข้างหน้าและไม่ให้กระทบกับงานหลัก

เบญจ์เยี่ยม กล่าวว่า FN ในยุคที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ในปัจจุบันทุกอย่างจะต้องก้าวไปข้างหน้าและสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต และระบบต่างๆ ก็จะต้องปรับเพื่อให้มีความพร้อม และเมื่อวันหนึ่งที่บริษัทจะต้องเติบโตและขยายกิจการ การนำ FN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก็อยู่ในแผน สามารถนำมาใช้และวิเคราะห์เพื่อทำให้การเข้ามาทำงานและการบริหารได้ในมุมลึกและกว้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าพ่อมีอิทธิพลอย่างมาก

 

อยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ

ปรีชา : ผมให้เงินทุนลูกก้อนหนึ่งเพื่อไปทำธุรกิจร้านขนมจีนบางกอก เนื่องเพราะอยากให้ลูกได้เริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจังและให้รู้จักในการบริหาร ให้เขาเริ่มที่ธุรกิจเล็กก่อน เพราะสามารถที่จะรับความเสี่ยงได้ หากการเข้าไปสู่ถนนธุรกิจของลูกไม่ประสบความเร็จ และการที่จะอยู่ดีๆ แล้วให้เข้ามาใน FN ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่กว่า มีความซับซ้อนกว่า จึงไม่ใช่สถานที่ที่จะให้ลูกเข้ามาลองถูกลองผิดได้ ผมพอใจผลงานและธุรกิจที่ให้ได้เริ่มต้น ทุกวันนี้ร้านขนมจีนบางกอกยังคงดำเนินการอยู่ และลูกผมเขาก็สามารถทำได้ดี

ปรีชา บอกว่า ในตอนนี้เบญจ์เยี่ยมเข้ามาร่วมบริหารใน FN และกว่าที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผมได้ให้เขาได้เข้ามาเรียนรู้งานตั้งแต่ระดับข้างล่างเลย ให้รู้ในทุกอย่าง ทั้งบัญชี จัดซื้อ เพราะคิดเสมอว่าการจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้จะต้องทำอะไรเล็กมาก่อน เพราะจะได้มีโอกาสในการเข้าใจและก้าวขึ้นมาบริหารได้  และผมให้เขาเรียนรู้งานและทำทุกอย่างจนผมไว้ใจและมั่นใจ จึงได้ให้เขาเข้ามานั่งในตำแหน่งซีอีโอ

“ธรรมชาตินะ ผมว่าคนเป็นพ่ออยากเห็นความสำเร็จของลูก อยากเห็นลูกเก่ง และเป็นหน้าที่ของพ่อที่จะต้องเฝ้ามองและต้องดูว่าลูกทำผิดพลาดตรงไหนอย่างไร เพื่อที่จะให้เขาสามารถทำทุกอย่างได้เต็มที่ ซึ่งบางครั้งผมก็หนักนะทั้งที่ในบางเรื่องเขาทำสำเร็จถึง 90% และมีเพียง 10% ที่ยังไม่ได้ แต่ด้วยความที่อยากเห็นเขาทั้ง 100% จึงไม่ได้ชื่นชมในสิ่งที่เขาทำมา ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ลูกน้อยใจ ซึ่งที่จริงแล้วผมก็ชื่นชมและภูมิใจ ด้วยความเป็นลูกเขาก็อยากได้รับคำชมจากพ่อ และพ่อเองก็อยากให้ลูกเก่ง

“ผมกับลูกถือว่าโอเคกันมาก เข้าใจกัน เพราะผมเชื่อว่าในชีวิตจริงไม่มีใครหรอกที่จะปรารถนาดีต่อลูกเท่ากับพ่อ และไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่อยากเห็นลูกตัวเองเก่ง ดังนั้นมาถึงตอนนี้อันไหนที่ต้องปรับเพื่อให้ได้เข้าใจกันและไปด้วยกันอย่างดีก็ต้องทำ เพราะตอนนี้ผม 64 ปีแล้ว เวลาของพ่อมีน้อยลงไปทุกที ดังนั้นผมอยากสอนอยากให้เขาได้เรียนรู้ทุกอย่างที่ผมได้ทำมา เพื่อที่จะให้เขาเก่งและเข้ามาบริหาร FN ได้อย่างประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

“ลูกผมเขานิ่งและเหตุผลดีมาก เข้าใจสถานการณ์ได้ดีและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ผมพอใจ และผมกับลูกสนิทกัน ทำอะไรเหมือนกัน และผมรู้นิสัยลูกผมทุกคนเป็นอย่างดีว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ดังนั้นการที่เบญจ์เยี่ยม ซึ่งเป็นลูกชาย การที่เขาเข้ามาบริหารใน FN จึงเป็นเรื่องที่สมควรและเหมาะสม

“วันนี้ FN มีสาขาที่ให้บริการทั้งหมด 7 สาขา ซึ่งอยู่ในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งในการทำธุรกิจนั้นจะเน้นในเรื่องของคุณภาพของสินค้าที่จะเข้ามาขาย และสำคัญจะต้องเข้าใจว่าลูกค้าคือใครอย่างไร ซึ่งผมจะคอยไปดูศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าที่ได้เข้ามาใน FN ว่าเป็นอย่างไร อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าพึงพอใจ และ FN นั้นไม่ได้ขายเฉพาะสินค้าของฟลายนาวเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าหลากหลายล้วนเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และขณะเดียวกันภายใน FN เราก็จะมีร้านอาหารซึ่งจะผ่านการคัดเลือกอย่างดีมาเปิดเพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาสามารถใช้ชีวิตใน FN ได้แบบครบวงจร และมีความสุขเมื่อได้แวะหรือเข้าไปในร้านค้าของเรา”

ปรีชา มีแนวคิดในการทำร้าน “ต้นกล้า” ที่ปัจจุบันมี 7 สาขา เพื่อนำสินค้าโครงการหลวงของทุกพระองค์และเป็นพี่เลี้ยงให้กับสินค้าชุมชนกว่าร้อยราย โดยร้านต้นกล้าก็จะเปิดคู่ไปกับ FN แต่จะคัดสรรสินค้าของชุมชนมาจำหน่ายเพื่อที่จะเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่เข้มแข็งให้กับชุมชน และการทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการช่วยให้ชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนมีรายได้และมีความยั่งยืน 

อนาคต FN นั้นจะต้องทำทุกอย่างให้พร้อมและมีมาตรฐานเมื่อมีโอกาสดีมาถึงก็พร้อม และในมุมคิดของปรีชา FN คือที่ช็อปปิ้งสำหรับครอบครัว