หญิงเอย... อยู่ตัวคนเดียวได้ไหม?
วันหนึ่งผมเข้าไปอ่านกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปในหมวดปัญหาชีวิต แล้วก็ได้พบเจอกระทู้หนึ่งที่มีหัวข้อกระทู้ ว่า “ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”
โดย...ตุลย์ จตุรภัทร-ณัฐดนัย คุณกมุท
วันหนึ่งผมเข้าไปอ่านกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปในหมวดปัญหาชีวิต แล้วก็ได้พบเจอกระทู้หนึ่งที่มีหัวข้อกระทู้ ว่า “ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”
เมื่อเข้าไปอ่านกระทู้ของเธอ เธอเขียนพร่ำรำพันไว้ว่าอยากรู้จังคนที่อยู่คนเดียวเป็นเหมือนหนูบ้างไหมคะ เหงา คิดถึงแต่เรื่องแย่ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หนูจะทำยังไงให้เรื่องเลวร้ายที่ผ่านมามันหมดไปจากสมอง หนูอยากหลับสนิท ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่น หนูไม่อยากร้องไห้
หากนี่คือตัวอย่างหนึ่งมันก็เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราได้เห็นอะไรบางอย่าง จนเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงเหงา อ่อนไหวและอ่อนแอต่อการอยู่ตัวคนเดียว กลัวการใช้ชีวิตตัวคนเดียว? ผู้หญิงสามารถอยู่คนเดียวได้ไหม เมื่อไม่มีแฟนหรือถูกแฟนทิ้ง หรือไม่มีใครมารัก? ผู้หญิงจะหาความแข็งแกร่งได้จากไหน? อะไรคือสิ่งที่จะช่วยทำให้ผู้หญิงสามารถใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เมื่อต้องอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข?
วันนี้...เรามีคำตอบ
อย่าปล่อยให้ความสุขของเราผูกติดอยู่กับคนอื่น
มีโอกาสได้พูดคุยกับ ผศ.ดร.วรรณ์ขวัญ พลจันทร์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาสื่อและการสื่อสาร วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เธอเป็นนักการละครที่สะท้อนแง่มุมของการทำความเข้าใจมนุษย์ผู้หญิงได้อย่างถึงใจ เธอเผยว่า กับคำถามที่ว่า ทำไมผู้หญิงถึงกลัวการอยู่ตัวคนเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงในสังคมไทยมักถูกสอนสั่งผ่านทางวัฒนธรรม ครอบครัว สังคม และสื่อต่างๆ ว่า การจะเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบได้นั้นต้องเป็นเมียและเป็นแม่
“นอกจากนี้ การที่ผู้หญิงชอบฝากชีวิตไว้กับผู้ชายเป็นเพราะความอบอุ่นและความปลอดภัยล้วนๆ พอเขาไม่อยู่หรือทิ้งเราไป ความอบอุ่นและความปลอดภัยก็หายตามไปด้วย เราเลยอยู่คนเดียวไม่ได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ดังนั้นเราต้องระวังไว้เสมอ ไม่ใช่ระแวงนะ ระวังกับภาวะที่ความไม่แน่นอนใดๆ ก็เกิดขึ้นได้ ท้ายสุดแล้วคนเราเกิดมาคนเดียวก็ตายคนเดียว นอกจากจะไปตายในสึนามิหรือแผ่นดินไหวอะไรแบบนั้น อีกทั้งตายไปเราก็เอาร่างของเราไปไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจและตระหนักในสัจธรรมความจริงข้อนี้ เราจะทำใจได้ เวลาที่ความจริงอันโหดร้ายมันเกิดขึ้นมา”
ผศ.ดร.วรรณ์ขวัญ ยังเผยอีกว่า ผู้หญิงยุคนี้ต้องรู้ว่าเป้าหมายในชีวิตของตัวเองคืออะไร ต้องการทำอะไร เราทำอะไรแล้วมีความสุขแล้วมีคุณค่าต่อโลกนี้ เมื่อรู้แล้วก็จงทำมัน “โชคร้ายคือ เราไม่เคยถูกสอนให้เรียนรู้ในสิ่งนี้กันมากเท่าไรนัก เราถูกสอนให้แบมือ รอความหวัง รอความรัก แม้กระทั่งเราใช้ชีวิตอยู่กับแฟน เรายังเรียกร้องต้องการจากเขาตลอดเวลา แทนที่จะให้อิสระและเติบโตไปด้วยกัน ไม่มีผู้ชายคนไหนทนไหวหรอก แรกๆ ก็รู้สึกดี รับได้ นานไปผู้ชายก็จะเห็นเราเป็นไม้เบื่อ ไม้ตาย ไม่รู้จะคบไปทำไมอีก แต่หากเขารู้ว่าเรามีเป้าหมายและลงมือทำ ในขณะที่ก็ดูแลตัวเองได้ แถมยังสามารถทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือจะไป เราก็สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างแข็งแรง”
สิ่งที่ ผศ.ดร.วรรณ์ขวัญ อยากบอกผู้หญิงทุกคนนั่นก็คือเราคือคนที่มีคุณค่า แต่หลายๆ ครั้ง เรามองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง จนกว่าคนอื่นจะมองเห็น เราถึงมองเห็น พอคนอื่นไม่อยู่เพื่อมองเห็น เราก็ไม่สามารถมองเห็นคุณค่าตัวเองได้ด้วยตัวของเราเอง “หากเรามองเห็นคุณค่าของตัวเองอยู่ทุกขณะ คนอื่นจะอยู่หรือไป จะเห็นหรือไม่เห็นเราก็จะไม่อ่อนไหวอ่อนแอ”
ท้ายสุด ผศ.ดร.วรรณ์ขวัญ กล่าวว่า การสามารถใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวได้ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด “มันคือความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ เพราะเราเกิดมาคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว และตายไปคนเดียว แม้เราจะมีความสัมพันธ์กับใครก็ตาม แต่เราไม่สามารถควบคุมให้เขาอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าเขาจะตายไปก่อนหรือเขาจะเลิกกับเราไป อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่หัดที่จะมีความสุขในการอยู่คนเดียวให้ได้โดยที่ไม่เหงา มันจะทำให้เกิดภาวะที่ความสุขของเราไม่ผูกติดไว้กับคนอื่น อย่าปล่อยให้ความสุขของเราผูกติดอยู่กับคนอื่น จงสร้างความสุขให้ตัวเองให้ได้ เราต้องหาวิธี”
จงอนุญาตให้ตัวเราไม่รู้สึกกลัวการอยู่ตัวคนเดียว
มาที่ผู้หญิงยุคใหม่ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง มาจนถึงอายุ 28 ปีโดยไม่มีแฟน เธอคือเจ้าของหนังสือที่มีชื่อว่า จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย เธอใช้นามปากกาว่า Archira นั่นเอง และเธอก็มีคติประจำใจว่า “ไร้คู่ ไม่ได้ไร้ค่า นอกจากเราจะคิดว่าเป็นเช่นนั้น”
ผมถามคำถามแรกกับเธอว่า ในมุมมองของเธอการอยู่ตัวคนเดียวมันสวยงามมั้ย? เธอบอกผมอย่างตรงไปตรงมาว่า ณ จุดๆ นี้ เธอรู้สึกสบายใจกับการอยู่ตัวคนเดียวมากถึงมากที่สุด “เราคิดว่าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เป็นเพราะสังคมเรามักบอกเราอยู่เสมอว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย เราจึงเชื่อว่าการอยู่คนเดียวไม่ทำให้เราอุ่นใจมากกว่าการอยู่กับคนอื่น ยิ่งผู้หญิงเราเป็นเพศที่มีความอ่อนไหวสูง เมื่อรวมกับความเชื่อนี้ ยิ่งทำให้ผู้หญิงเรารู้สึกว่าการอยู่คนเดียวมันไม่มั่นคง อยากจะหาใครสักคนมาเป็นที่พึ่งพิง มาคอยดูแล แบ่งปันความสุข แบ่งเบาความทุกข์”
นอกจากนี้ Archira ยังแสดงทัศนะไว้ว่า ความกลัวโดยเฉพาะกลัวว่าแก่ตัวไปใครจะดูแล ก็เป็นสาเหตุทำให้เรารู้สึกกับคำว่าอยู่ตัวคนเดียวมากเป็นพิเศษ “บางคนมักเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนรอบข้าง ว่าคนอื่นมีแฟน แต่ทำไมเราไม่มี ซึ่งหากมองให้ดีการจะมีแฟน หรือไม่มีนั้นเราก็มีความสุขได้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่รู้สึกกลัวการอยู่ตัวคนเดียวหรืออยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ มักชอบตั้งเงื่อนไขให้ว่าเราต้องมีแฟนก่อน เราถึงจะมีความสุข ทำไมเราไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขซะตั้งแต่ตอนนี้ ทำไมเราต้องรอให้คนอื่นเอาความสุขมามอบให้ เราถึงจะมีความสุขได้ หากเราสามารถอนุญาตให้ตัวเองไม่รู้สึกกลัวการอยู่ตัวคนเดียวหรือรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ ความรู้สึกกลัวเหล่านี้ก็จะทำร้ายเราไม่ได้”
Archira ยืนยันกับผมว่า ตรรกะที่ว่าการมีคนอื่นเท่ากับการมีความสุข มันไม่ใช่เลย “นอกจากนี้การอนุญาตให้เรามองตัวเราเองมีคุณค่าก็เป็นสิ่งสำคัญ มันทำให้เราสามารถสร้างเป้าหมายให้กับชีวิต และลงมือทำ และมันก็ช่วยทำให้เรามีเรื่องให้โฟกัส แทนที่จะไปโฟกัสอยู่ที่ความกลัว ความอ่อนไหวอ่อนแอกับการไม่มีใคร”
ท้ายสุด Archira ได้ฝากบอกถึงผู้หญิงทั้งโลกที่กำลังกลัวกังวลกับการอยู่ตัวคนเดียว ถึงหน้าที่บางอย่างที่เราต้องทำไว้ว่า “เราต้องจัดการกับความรู้สึกกลัวกังวลนี้ไปให้จงได้ หากคุณยังดำเนินชีวิตในรูปแบบเดิมที่กลัวกังวลต่อไป ผลลัพธ์ก็จะออกมาเป็นแบบเดิมหรือคล้ายเดิม แต่หากเราเปลี่ยนแปลงความคิดและรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ไม่มีความกลัวกังวลนี้ โอกาสที่ผลลัพธ์จะเปลี่ยนแปลงไป ก็ย่อมมีมากขึ้น นอกจากนี้ หากเราหมั่นฝึกฝนทักษะการอยู่ตัวคนเดียวให้ได้ เราก็สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ ถึงเวลามีแฟน เราก็สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต เราก็อยู่ตัวคนเดียวได้ หรือใช้เวลาฟื้นตัวจากความโศกเศร้าได้เร็วขึ้น”
การอยู่ตัวคนเดียวมีผลดีนะเออ
ผมมีโอกาสได้อ่านบทความที่มีชื่อว่า ศิลปะของการอยู่คนเดียว จากคอลัมน์ คูล ไลฟ์ วีกลี่ บาย แอล เมน (ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 15 ก.ย. สามารถตามอ่านได้ที่ http://www.posttoday.com/life/life/388095) เขียนโดย เอกศาสตร์ สรรพช่าง เอ็กเซ็กคิวทีฟเอดิเตอร์ นิตยสาร แอล เมน ไทยแลนด์ โดยบทความชิ้นนั้นมีข้อความสำคัญที่น่าคิดตามอยู่ไม่ใช่น้อยว่า
“ปัจจุบันเริ่มมีการนำเอาข้อดีของการอยู่คนเดียวมาปรับใช้เพื่อพัฒนาคน ในบริษัทใหญ่ๆ ในตะวันตกมีคอร์สให้พนักงานไปอบรมการ “อยู่คนเดียว” เป็นเวลา 2-3 วัน คอร์สแบบนี้มุ่งหวังให้คนที่มีชีวิตวุ่นวายอยู่กับตารางนัดหมายหรือสังคมที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน ได้มีเวลาพิจารณาถึงความต้องการของตัวเอง ซึ่งบางคนไม่เคยรู้ หาจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง และรวมไปถึงการหาเป้าหมายในชีวิต คอร์สเหล่านี้จะปล่อยให้เราอยู่คนเดียว ไม่พูดกับใคร ห้ามติดต่อสื่อสารไม่ว่าโดยวิธีใด แม้แต่การรับสื่อ แต่ให้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ในบ้านเราอาจไม่ใช่เรื่องแปลกนัก หลายคนที่เคยไปเข้าคอร์สวิปัสสนาอาจคุ้นเคยกับวิธีการแบบนี้ หรือในโรงแรมบางแห่งในเกาะสมุย ก็มีการทำคอร์สแบบนี้ขึ้นมา
มีผลการวิจัยชี้ว่าการที่เราอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้เราสามารถหายใจได้ลึกขึ้น ซึ่งทำให้ประสาททั้งสองส่วน คือ ตัวเร่ง (Sympathetic Nervous) และตัวยับยั้ง (Parasympathetic Nervous) ทำงานเป็นปกติ ทำให้ร่างกายสร้างนิวเทรียสออกไซด์ได้น้อยลง ซึ่งสารตัวนี้ช่วยในการขยายหลอดลม หลอดเลือดต่างๆ ในร่างกายเพื่อให้สามารถรับออกซิเจนได้มากขึ้น การพูดมากเกินไป ทำให้คนเราหายใจเร็วและถี่ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเข้าปอดในปริมาณมากพอ ใครที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีเวลาได้อยู่คนเดียวจริงๆ จังๆ การใช้เวลาอยู่ในรถยนต์เงียบๆ ระหว่างขับมาทำงาน หรือการได้ใช้เวลาก่อนนอนหายใจลึกๆ นั่งนิ่งๆ สักพัก ชีวิตคุณจะดีขึ้นมาก”
เอกศาสตร์บอกเล่าให้ผมฟังว่า จากบทความชิ้นนี้ต่อยอดให้คุณผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ที่มีความกลัวกังวลในเรื่องของการอยู่ตัวคนเดียว ได้เรียนรู้ว่าการได้ลองอยู่ตัวคนเดียว ใช้ชีวิต หรือทำอะไรคนเดียวแบบจริงๆ จังๆ เช่น กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว หรือเดินทางคนเดียวแบบทริปสั้นๆ มันเป็นประโยชน์มาก มันจะทำให้เราได้รู้ตัวว่าเราพึ่งพาตัวเองได้ดีหรือเปล่า
“คนที่กลัวการอยู่ตัวคนเดียวเขาอาจจะไม่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตคนเดียวลำพัง เป็นเพราะเขาอาจเติบโตมาในสังคมที่มีครอบครัวใหญ่หรือเกี่ยวพันกับผู้คนมากมาย ทำให้เขาไม่คุ้นชินกับภาวะการอยู่คนเดียวอย่างนี้ แต่การอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ จนต้องฝากชีวิตไว้กับคนอื่น พึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาว หากเราสามารถปรับกระบวนคิดของตัวเอง ปรับความแข็งแกร่งจากภายในด้วยตัวของตัวเองได้ เวลาที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เราจะมีความคิดบวกผุดขึ้นมาทันทีว่า การต้องทำอะไรคนเดียวหรืออยู่ตัวคนเดียวมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา มันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือน่าหดหู่ใจ”
การอยู่ตัวคนเดียวในความหมายของเอกศาสตร์ไม่ได้หมายความว่าเราถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว มันเป็นแค่การทำให้เราได้รู้จักตัวเอง ชีวิตเราต้องมีสักช่วงเวลาหนึ่งที่เราได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างจริงๆ จังๆ บ้างสักครั้ง เพื่อฝึกความเข้มแข็งจากภายใน หากเราไม่ฝึกความเข้มแข็งจากภายใน เราอาจอ่อนไหว อ่อนแอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เราป่วยไข้ได้
“สำหรับคนที่กำลังพยายามเรียนรู้การอยู่ตัวคนเดียว ลองอยู่เงียบๆ ให้ได้ก่อน ปิดคอมพิวเตอร์ ปิดโทรศัพท์มือถือ ปิดหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วลองได้พูดคุยหรือถามใจตัวเองว่าเราเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร ไหวไหม ไปต่อได้หรือเปล่า นี่คือการทดสอบใจที่ทำให้เราได้รู้ตัวว่า เราสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ เราจะแก้ไขอย่างไร เพื่อทำให้เราอยู่ตัวคนเดียวได้ อันจะนำไปสู่การมีความแข็งแกร่งจากภายในที่เป็นผลดีต่อการดำเนินชีวิตในระยะยาว”


