หมอดูคู่ใจ กลุ่มหลากหลายทางเพศ
ท่านโชคดีทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนอย่างลึกลับและเปิดเผย
โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์
ท่านโชคดีทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนอย่างลึกลับและเปิดเผย ได้รับแต่งตั้งให้มีตำแหน่งใหญ่ขึ้นทั้งโดยวาจาและโดยลายลักษณ์อักษร ถ้ามีเงินสดมากๆ จะทำเงินหายก้อนหนึ่ง!!! โอ้ ว้าว สำหรับบางคนเรื่องทำนายทายทักแบบนี้เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ถือเป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มชาวสีม่วงที่ “นีด” (need) มาก ยิ่งบางคนเป็นชาวสีม่วงด้วยกัน หมอดูคู่ใจของพวกเขามองเรื่องนี้อย่างไร
พีระวัฒน์ อริยทรัพย์กมล หรือริชชี เซเลบคนดังแห่งเมืองเชียงใหม่ ริชชีเรียกตัวเองว่า ผู้ใช้หลักสมาธิในการแก้กรรม (www.superrichy.org) เกี่ยวกับกรณีของเพศทางเลือก ริชชีบอกว่า บางคนอธิบายในแนวทางของกรรมที่ระบุว่า การที่อยู่ในเพศที่ไม่ใช่ชายจริงหญิงแท้ ก็เพราะเคยทำกรรมมาก่อน แต่เขาไม่มองอย่างนั้น หากอยากอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ว่า เป็นเพราะฮอร์โมน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เกี่ยวเนื่องถึงความสนใจในเรื่องโหราศาสตร์ของกลุ่มเพศที่ 3 ทั้งฝ่ายหมอดูและฝ่าย (คน) ดูหมอ
“ผู้ชายจริงๆ แท้ๆ ก็เพราะฮอร์โมนของพวกเขา ทำให้ไม่เซนซิทีฟ ไม่อ่อนไหว ไม่รุนแรง เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายแท้ๆ จึงไม่ค่อยดูหมอ จะพึ่งพิงหมอดูก็ต่อเมื่อเจอวิกฤตจริงๆ ส่วนผู้หญิงแท้ ที่มีความอ่อนไหวทางสภาพจิตใจ เป็นกลุ่มชอบอ่านหนังสือดูหมอ ดูดวง พึ่งหมอดู พึ่งทางออกจากคนอื่นในกรณีนี้คือโหราศาสตร์” ริชชีเล่า
กรณีของเพศที่สาม ซึ่งมีทั้งสองเพศอยู่ในตัวคนเดียวกัน จึงมัก “เยอะไปเลย” แบบสุดโต่งหรือสุดขั้วทางใดทางหนึ่ง ถ้าคนคนนั้นมีเพศชายอยู่ในตัวสูง ก็มั่นใจมากกว่าคนอื่น แต่ในทางตรงกันข้ามถ้ามีเพศหญิงอยู่ในตัวสูง ก็อธิบายว่าเพราะเหตุใดเขาจึงมีความตุ้งติ้ง หรือมีจริตของหญิง รวมทั้งความอ่อนไหวทางจิตใจสูง มีความสนใจด้านโหราศาสตร์สูง ถ้าไม่สนใจแบบต้องการดูหมอหรือพึ่งพิงหมอดูบ่อยๆ ก็เป็นความสนใจที่ต้องการเรียนรู้ เป็นหมอดูด้วยตนเอง
“พวกนี้มีเซนส์ หรือมีความสนใจใคร่รู้ในศาสตร์ด้านนี้มากกว่าปกติ และจะค่อนข้างเยอะกว่าปกติ คาแรกเตอร์ของหมอดูในกลุ่มสีม่วงคือความเยอะ ซึ่งเป็นธรรมชาติของพวกเขา” ริชชีเล่า
ด้านญาณหยั่งรู้หรือความสามารถในการทำนายทายทักของกลุ่มหมอดูชาวสีม่วง ริชชีกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน การมีเซนส์หรือญาณหยั่งรู้ ไม่ใช่โผล่มามีปุ๊บปั๊บในชาติใดชาติหนึ่ง และไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ แต่ขึ้นอยู่กับการที่ได้สะสมมาจากชาติอดีต เกิดจากจิตดวงเดิมที่เคยฝึกหรือเคยสั่งสมในเรื่องเดียวกันนี้ในอดีตกาล และก็อยู่ที่ว่าจะใช่เป็นด้วยหรือไม่ บางคนชาตินี้ “จูน” หรือต่อติดความสามารถในอดีต แต่ใช้ไม่เป็น มีฌานแต่ใช้ไปในทางเบียดเบียน หาเงินทองเข้ากระเป๋า ฌานก็เสื่อมได้
“ช่วงแรกฌานยังบริสุทธิ์อยู่ ทายอะไรก็แม่น แต่เพราะโลภไหลไปกับชื่อเสียงเงินทอง ฌานก็เสื่อมถอย เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่เฉพาะเพศที่สาม”
ปัจจุบันกลุ่มหมอดูเกย์มีมากขึ้น หมอดูเป็นเพศที่สามและให้บริการเฉพาะกลุ่มเพศเดียวกัน ริชชีกล่าวว่า ไม่ผิดอะไร เขามองเป็นเรื่องการตลาดที่ขายพวกเดียวกัน แต่สำคัญกว่านั้นคือความไม่เบียดเบียน หมอดูจะเกย์หรือไม่เกย์ ไม่สำคัญเท่าการตั้งตนอยู่ในความไม่เบียดเบียน เพราะผลเสียที่ตามมาหมายถึงการสร้างกรรมใหม่ ที่หมอดูนั่นแหละต้องชดใช้
“คนเขามาเพราะเขาเชื่อศรัทธา แต่ถ้าไปหลอกเขานำผลประโยชน์เข้าตัว ไปหลอกให้เขาเสียเงินเสียทอง หลอกใช้คนจากความเชื่อ นี่คือการสร้างกรรมใหม่ที่ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ ไม่นับรวมกับที่คุณต้องไปแชร์กรรมร่วมกับเขาด้วย” ริชชีเล่า
อรรถพล น้อยวงศ์ หรือหมอมีนตีสิบ นักพยากรณ์ไพ่ทาโรต์เกย์คนแรกในประเทศไทย (www.MasterMeen.com) เล่าว่า กลุ่มเพศทางเลือกหลายๆ คนที่เข้ามาดูดวงจะมีพื้นฐานดวงที่คล้ายกัน สะท้อนถึงบุคลิกภาพ ความสามารถในการหยั่งรู้ การคาดคะเน และการพยากรณ์ที่เด่นชัด
อย่างกรณีของไพ่ทาโรต์ แปลกแต่จริงที่เกย์มักหยิบได้ไพ่นักบวชหญิง (The High Priestess) ซึ่งเป็นไพ่ที่แสดงถึงความหยั่งรู้และอำนาจในการพยากรณ์เสมอ นอกจากนี้คือเลขศาสตร์ที่หากการพยากรณ์ใช้หลักเลขศาสตร์สากล (Numerology) แล้ว คนที่เป็นเกย์จะปรากฏดาวเนปจูน หรือเลข 7 อยู่ในฐานดวงเสมอเช่นเดียวกัน โดยเลข 7 นี้เป็นเลขที่แสดงถึงการหยั่งรู้และอิทธิพลของการพยากรณ์นั่นเอง
“สำหรับผมที่ดูดวงเกย์เป็นหลักหลายพันคนมาแล้ว ไม่แปลกใจที่จะพบว่าเกย์มักมีความสามารถในการหยั่งรู้ หยิบได้ไพ่ด้านนี้หรือในพื้นดวงมีดาวเนปจูนอยู่ด้วยเสมอ หลายคนพัฒนาความสามารถเป็นหมอดูได้ นี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงเห็นหมอดูเกย์หลายคนที่พัฒนาตัวเองขึ้นมาในช่วงนี้”
หมอมีนแนะนำว่า การจะเป็นหมอดูใครหรือพยากรณ์ดวงใครเป็นเรื่องสำคัญ จะทำเล่นหรือทำโดยไม่รับผิดชอบไม่ได้ ในช่วงแรกควรมีผู้แนะนำ เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ลางสังหรณ์ให้ไปในทางที่ถูกควร อีกทั้งความถูกต้องที่ต้องหมั่นเพียรในการเก็บสถิติของตัวเอง นอกจากนี้คือการบูชาครูอาจารย์ ที่ต้องบูชาให้ถูกจริตและอานิสงส์ของแต่ละคน
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ นักอ่านไพ่ผู้มีความหลากหลายทางเพศ เล่าจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงโหราศาสตร์มากว่า 20 ปีว่า กลุ่มเพศทางเลือกไม่มีความสามารถเหนือคนอื่น และก็เหมือนกับคนเพศปกติที่ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งอย่างใด ย่อมเกิดจากความรู้ความสนใจ หรือการฝึกปรือทักษะนั้นๆ ในเวลาที่เนิ่นนานพอ
อย่างไรก็ตาม การดูดวงกลุ่มเพศทางเลือกด้วยหมอดูที่เป็นเพศที่สามเหมือนกัน มีข้อได้เปรียบที่จะไม่ถูกมองอย่างอคติ การทำนายดวงชะตาเป็นไปตามหลักวิชาที่แท้จริง โดยไม่ได้
ถูกตัดสินว่าผิดเวรผิดกรรม ชาติที่แล้วทำกรรมไว้ชาตินี้จึงต้องมารับใช้กรรม ต้องผิดเพศผิดตัว
“ในทางโหราศาสตร์ก็มีเหมือนกัน ที่บ่งบอกในเรื่องของวิบากกรรมแต่ชาติอดีต เช่น ดาวเสาร์ ที่ใช้ดูบาปกรรมแต่เก่ามา ในทางโหราศาสตร์ดาวยังมีเพศที่ระบุไว้ เช่น ดาวเสาร์เป็นเพศชาย ดาวจันทร์เป็นเพศหญิง หรือดาวพุธ ที่มีทั้งสองเพศ ส่วนราหูคือชายหญิงที่อยู่ในตัวของคนคนเดียว” การะเกต์เล่า
ชายและหญิง หรือเพศที่สาม ไม่มีอะไรที่ไม่ปกติ เพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้คือความปกติ มีเหตุมีผลที่ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน ความเป็นชายหรือหญิงของคนทุกคน มองในมุมหนึ่งก็คือความเป็นหยินหยางที่เป็นความพอดีของคนคนนั้น ศาสตร์ของโหรช่วยบอกทางที่ถูกต้องได้ ถ้าคนดูหรือหมอดูไม่อคติ
นักอ่านไพ่คนดังเล่าว่า สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่ส่งผ่านถึงกันคือ “สาร” ซึ่งไม่อาจพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ความ “แม่น - ไม่แม่น” นั้น เป็นสิ่งที่ผู้ขอคำทำนายจะพบคำตอบด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามในฐานะนักส่งสารและความรู้ที่ยากจะหยั่ง การะเกต์หวังว่า หมอดูจะไม่ตั้งต้นด้วยอคติ จัดรวมกลุ่มเพศที่สามไว้ด้วยเรื่องของเคราะห์ ด้วยเรื่องของกรรมหรือเป็นตัวต้องห้าม
“หมอดูบางคนเอากรรมไปโยงกับสถานภาพทางเพศ มองว่าเป็นบาป เลิกรักเพศเดียวกันเถอะหนู ต้องแก้กรรมอย่างนั้นอย่างนี้ ดิฉันมองว่ามันคือการใช้ทัศนคติส่วนตัว ที่นำมาตีความ นำมาตัดสินกลุ่มเพศทางเลือก แม้กระทั่งตำราโหราศาสตร์บางเล่ม ที่ก็ดูดวงหญิงขายบริการ ดวงกะเทย และดวงหญิงโสเภณีเป็นกลุ่มเดียวกัน เป็นพินทุบาทว์ที่ให้โทษให้ทุกข์”
การะเกต์ในปัจจุบัน นอกจากจะทำงานด้านโหราศาสตร์ เขียนหนังสือและอีกมากที่เกี่ยวกับเพศทางเลือกแล้ว เธอยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มสะพาน สร้างสื่อและความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ การทำงานโหราศาสตร์ของเธอเป็นบางส่วนของงานที่หวังว่าจะช่วยลดอคติต่อคนกลุ่มเพศทางเลือกในสังคม
จะเป็นอย่างนั้นได้หรือไม่ คงต้องดู (หมอ) กันต่อไป...


