ประสบการณ์ ที่หาซื้อไม่ได้ ของ ‘เทรกกิ้งไกด์วัยเก๋า’
คมรัฐ พิชิตเดช หรือ “ป๋าคมรัฐ” เทรกกิ้งไกด์ วัยเก๋าที่หนุ่มสาวนักท่องป่าเดินเขารู้จักกันดี เล่าว่า
โดย...ภาดนุ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน/คมรัฐ
คมรัฐ พิชิตเดช หรือ “ป๋าคมรัฐ” เทรกกิ้งไกด์ วัยเก๋าที่หนุ่มสาวนักท่องป่าเดินเขารู้จักกันดี เล่าว่า ก่อนจะมายึดอาชีพนี้เขาก็เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนทั่วไป แต่พออายุได้ 50 กว่าๆ ก็รู้สึกเบื่อ จึงได้เกษียณตัวเองออกมาเพื่อทำสิ่งใหม่ๆ ที่อยากทำ นั่นคือการออกเที่ยวป่าเดินเขา เพราะได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘พี่กัณฑ์ คนแปกเป้’ เทรกกิ้งไกด์อาวุโสที่มีชื่อเสียง
แต่ก่อนจะมาเป็นเทรกกิ้งไกด์วัย 65 ปี ที่ยังไฟแรงอย่างวันนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไร คมรัฐจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ลุยป่าเดินเขาที่คนวัยนี้น้อยคนนักจะทำได้ พร้อมเรื่องราวการเป็นเทรกกิ้งไกด์ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตลูกทีมให้อยู่รอดปลอดภัยทั้งไปและกลับ
“การเดินป่าครั้งแรกที่ผมไปถือว่าเป็นทริปที่หนักตั้งแต่เริ่มต้น ครั้งนั้นเป็นการเดินป่าที่เขาใหญ่ซึ่งลัดเลาะไปตามน้ำตก รองเท้าที่ผมใช้จะเป็นรองเท้าแบบทหารซึ่งทำจากผ้าใบ แต่พอลุยน้ำตก ลุยฝน ลุยน้ำท่วมไปตลอดคืน รองเท้าที่ใส่ก็ถึงกับหัวรองเท้าเปิด แต่ก็ต้องใส่อยู่แบบนั้นหลายวัน ทริปนี้ไปด้วยกันทั้งหมด 11 คน ปรากฏว่ามีคนป่วยเกิดอาการหนาวสั่นคล้ายไข้ป่าถึง 5 คน แต่โชคดีที่ผมไม่เป็นอะไร การที่ผมตัดสินใจไปเดินป่าครั้งแรกนี้ เพราะอยากรู้ว่ามันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน”
หลังจากทริปแรกแล้ว คมรัฐก็ไปเดินป่าทางตอนใต้ของเมืองไทย จนมีเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกันมาชวนไปทำเว็บไซต์ ที่ชื่อว่า Trekkerhut.com (บ้านพักนักเดินทาง) ซึ่งให้ข้อมูลเรื่องการเที่ยวเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยคมรัฐรับหน้าที่สำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการท่องป่าเดินเขาเพื่อนำมาลงในเว็บไซต์ พร้อมกับรับหน้าที่เป็นไกด์ไปด้วยในตัว
“จากการที่ผมเคยเดินป่ามาไม่กี่ครั้ง แต่ด้วยใจรักที่จะเป็นเทรกกิ้งไกด์ ผมจึงต้องศึกษาข้อมูลโดยละเอียดว่า การเดินป่านั้นต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ต้องเตรียมอาหารอย่างไร หรือบางครั้งถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นควรจะแก้ไขอย่างไร ผมเริ่มอาชีพนี้ตอนอายุ 56 ปี ตอนนี้ทำมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงเพราะออกกำลังกายด้วยการวิ่งทุกวัน
ผมว่าการเป็นไกด์เดินป่ามันน่าสนุก ท้าทาย ได้ออกกำลัง แถมเรายังเป็นคนกำหนดตารางออกทริปเองได้ว่าจะไปเที่ยวป่าเดินเขาที่ไหน แล้วจึงอัพข้อมูลลงไปในเว็บไซต์ ใครอยากไปกับเราก็แค่มาลงชื่อไว้ จะมาร่วมแค่ 1 หรือ 2-3 คนก็ได้ พอคนครบตามจำนวนก็จะนัดหมายวันและเวลาเดินทางกันอีกครั้ง”
ประสบการณ์นำลูกทีมเดินป่าในเมืองไทย
คมรัฐ บอกว่า สถานที่ที่เคยพาลูกทีมไปมาแล้ว ก็คือ ภูสอยดาว เขาหลวง ป่าภูหลวง เทือกเขาสอยดาว ดอยลังกาหลวง ภูเมี่ยง ดอยเชียงดาว ดอยอินทนนท์ และอีกมากมาย เรียกว่าไปมาเกือบทั่วประเทศแล้ว
“ทริปที่โหดสุดสำหรับผมเป็นการเดินสำรวจป่าที่เขาช่างเผือก (กาญจนบุรี) และเดินต่อไปยัง ปิล็อกคี่ ด้วยความที่ไม่เคยไป ทำให้กะเวลาไม่ถูก เดินๆ ไปพอ 6 โมงเย็น น้ำดื่มที่นำติดไปด้วยก็เริ่มหมด ทุกคนในทีมจึงต้องมุดลงไปในร่องเขาเพื่อหาแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่กว่าจะพบแอ่งน้ำที่พอจะหุงข้าวได้ก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มแล้ว เราจึงพากันตั้งแคมป์นอนตรงนั้น จนเช้าจึงค่อยเดินทางสำรวจต่อไป
วันรุ่งขึ้นเราก็ตัดไผ่เพื่อผูกแพล่องไปตามแก่ง แต่เราไม่รู้ว่าข้างหน้ามีน้ำตกดักอยู่ จึงต้องปล่อยแพให้ไหลลงน้ำตกไป แล้วเดินลงไปซ่อมแพและลากไปตามแก่ง แต่เดินไปไม่นานก็มีน้ำตกอีกชั้นรออยู่อีก ก็ต้องปล่อยแพลงน้ำตกไปแล้วค่อยไปซ่อมแพอีกที เรียกว่าเป็นทริปที่ต้องฝ่าทั้งป่า ทั้งน้ำตก ถ่อแพ กระทั่งเริ่มมืดมองไม่เห็นแก่งแล้ว เราจึงต้องทิ้งแพแล้วเดินต่อไปจนเที่ยงคืน เมื่อถึงหมู่บ้านเราก็จ้างเรือไปส่งที่หน้าเขื่อนศรีนครินทร์ตอนตี 5 แล้วจึงขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ 9 โมงเช้า ทริปนี้ใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน แต่ทุกคนก็ผ่านความลำบากมาได้ด้วยความภูมิใจ”
อีกทริปที่หนักก็คือการเดินป่าเป็นเวลา 6 วัน โดยเดินจาก อ.สังขละบุรี (กาญจนบุรี) ไป อ.อุ้มฝาง (ตาก) เส้นทาง 110 กม. เลียบชายแดนไทย-เมียนมา
“ทริปนี้ผมไปเดินหลังจากเดินป่าได้หนึ่งปี แต่เท้ายังไม่ค่อยแข็ง พอเดินวันที่สองเท้าก็เริ่มพอง แถมเส้นทางที่เดินยังเปียกน้ำตลอดเวลา พอวันที่สามตุ่มพองที่เท้าก็เริ่มแตกออกทรมานมาก ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องเดินไปเรื่อยๆ ให้เท้ามันชา จะได้ไม่รู้สึกเจ็บแผล ตอนพักกลางวันถึงจะหยุดเดิน ตอนนั้นผมก็ใส่รองเท้าเดินป่านะ แต่เพราะเดินระยะทางไกล เท้าก็เลยพองและแตกออกเป็นแผล เรียกว่าทริปนี้โหดเอาการ แต่ก็ผ่านมาได้”
การเดินเขาครั้งแรกในต่างประเทศ
“ครั้งแรกเลยผมไปเดินเขาที่เนปาลในปี 2549 กับเพื่อนรุ่นน้อง 4 คน แต่บังเอิญมีน้องคนหนึ่งในทีมเกิดอาการแพ้ความสูงระดับ 4,000 กว่าเมตรที่อากาศเบาบาง ขนาดนั่งเฉยๆ ก็ยังเกิดอาการหอบ โชคดีที่เราเจอหมอสวีเดน แต่เคยมาเรียนอายุรศาสตร์เขตร้อนที่ไทย เลยคุยและอธิบายอาการเป็นภาษาไทยได้
หมอบอกว่า ต้องนำตัวน้องคนนี้ไปเข้า Chamber อัดอากาศ 4 รอบ และต้องพาลงจากเขาโดยเร็ว แต่ปัญหาคือน้องไม่ได้ทำประกันไว้ เราจึงไม่สามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับได้ เพราะต้องจ่ายเงินถึง 1.4 แสนบาท เราจึงต้องจ้างลูกหาบ 3 คน คนละ 4,000 รูปี ให้ช่วยกันรีบแบกน้องลงมาที่ Namche Bazaar ผมก็ตามมาส่งด้วย พออาการดีขึ้นน้องก็บินกลับไปกาฐมัณฑุ ก่อนบินกลับเมืองไทย ส่วนผมก็เดินทางต่อโดยอ้อมไปดักเพื่อนสองคนอีกทางเพื่อไปยังเอเวอเรสต์เบสแคมป์”
ประสบการณ์นำลูกทีมเดินเขาในต่างประเทศ
“ยอดเขาคินาบาลู ที่มาเลเซีย สูง 4,095 เมตร เป็นยอดเขาที่ผมพาลูกทีมไปมาแล้วทั้งหมด 15 ครั้ง แต่การไปครั้งที่ 12 นั้นมีอุปสรรค คือ ฝนตกหนักและมีน้ำป่าไหลลงมาอย่างแรง ไกด์ห้ามทุกคนขึ้นยอดเขา จึงไม่มีใครได้ขึ้นเลยสักคน ส่วนครั้งที่ 15 ล่าสุดเมื่อเดือน พ.ค.ก็เรียบร้อยดี แต่พอทีมเรากลับมาถึงเมืองไทย 12 วัน ก็เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเกือบ 6 ริกเตอร์ที่ยอดคินาบาลู มีคนตายไป 17 คน โชคดีว่าไม่ได้เป็นช่วงที่ทีมเรากำลังขึ้นไป ไม่งั้นคงแย่แน่”
ที่เนปาล เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา คมรัฐ ก็พาลูกทริป 30 คน ไปเดิน EBC และ Island Peak มีลูกทริปที่แพ้ความสูงต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์กลับลงมาถึง 3 คน แล้วพอกลับถึงไทยได้ 5 วัน ก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่เนปาล มีคนตายเป็นหมื่นคนตามข่าว
ยอดเขาคิลิมานจาโร ทวีปแอฟริกา สูง 5,895 เมตร… “ทริปนี้เราไปเดินขึ้นยอดคิลิมานจาโรที่ประเทศแทนซาเนียเป็นครั้งแรก มีลูกทริปไปด้วยกันหลายคน แต่ด้วยความที่ทางเดินเป็นฝุ่นเถ้าภูเขาไฟ เลยต้องเดินช้าๆ ทีนี้เวลาเดินผงฝุ่นเถ้าภูเขาไฟมันก็ปลิวมาเข้าตาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ตาแห้ง และมองอะไรก็เห็นเป็นสีขาวไปหมด เรียกอาการนี้ว่าตาบอดชั่วคราว ซึ่งลูกทีมในครั้งนี้มีถึง 3 คนที่เกิดอาการนี้ พวกเขาจึงต้องใช้วิธีเดินเกาะบ่าไกด์กลับลงมา พอมาถึงแคมป์ก็ต้องนอนพักหยอดน้ำตาเทียมสักพักใหญ่ จึงมองเห็นได้ตามปกติ ดังนั้นพอไปคิลิมานจาโรครั้งที่ 2 ผมจึงต้องแจกน้ำตาเทียมให้กับลูกทีมทุกคนเพื่อป้องกันปัญหานี้”
ยอดเขารินจานี ที่อินโดนีเซีย สูง 3,726 เมตร… “ผมเคยนำลูกทีมไปมาแล้ว 3 ครั้ง ที่นี่เดินขึ้นยากมาก เพราะเป็นเถ้าหินภูเขาไฟที่พอเหยียบลงไปก็ต้องถอยลงมา 1 ก้าว เพราะมันจะยุบลงไป เทคนิคคือต้องใช้ไม้เท้ายาวๆ ที่เป็นเสมือนไม้ถ่อช่วยดันตัวเราให้ขึ้นไป เราออกเดินกันตั้งแต่ตี 2 แต่ไปถึงยอดเขาจริงๆ ประมาณ 7-8 โมงเช้า การเดินที่รินจานีครั้งแรกนี้ผมพาลูกทีมไปทั้งหมด 24 คน แต่มีคนที่สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้แค่ 6 คนเท่านั้น พอมาทริปหลังๆ รู้ว่าควรใช้ไม้เท้ายาว 2 เมตร ดังนั้นก่อนจะไปเราจึงต้องสั่งตัดไม้เท้ายาวไว้ล่วงหน้าเสมอ ซึ่งหลังๆ ลูกทีมที่ไปก็สามารถเดินขึ้นยอดเขาได้มากขึ้นถึง 90% โดยใช้เวลาน้อยกว่า”
ยอดเขากุนุงอากุง ที่บาหลี สูง 3,000 กว่าเมตร… “ทริปนี้ผมไปเที่ยวเองส่วนตัว โดยมีไกด์ท้องถิ่นของที่นั่นคนเดียวนำขึ้นไป ทีมเรามี 8-9 คน โดยผมเป็นคนไทยคนเดียว นอกนั้นเป็นฝรั่ง ผมจึงช่วยเดินคุมท้ายขบวนให้ ตอนขึ้นเขาก็ไม่มีเรื่องอะไร แต่ตอนขาลงนี่สิ ขณะที่ไกด์เดินนำลงไปก่อน ก็มีผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งซึ่งเป็นแพทย์ชาวเยอรมันเกิดลื่นล้มจนกระดูกข้อเท้าแตก ผมเลยต้องแบกเธอ (น้ำหนัก 60 กว่า กก.) โดยกอดคอขี่หลัง แล้วค่อยๆ เดินลงเขามาเรื่อยๆ ไกด์ท้องถิ่นก็ช่วยกันแบกสลับกับผมจนมาถึงตีนเขาด้านล่าง ที่จริงแฟนเธอก็มาด้วยนะ แต่เขาก็แบกไม่ไหว เพราะแค่ลำพังจะเดินลงก็ยังยากเลย (ยิ้ม) พอกลับไปแพทย์หญิงฝรั่งคนนี้ก็ไปผ่าตัดจนหายดี ปัจจุบันนี้เราก็ยังติดต่อพูดคุยเป็นเพื่อนกันอยู่ครับ”
ยอดเขาเอลบรูส ที่รัสเซีย สูง 5,642 เมตร เป็นยอดเขาสูงที่สุดของทวีปยุโรป… “ครั้งนี้ผมพาลูกทีมคนไทยไป 9 คน เมื่อเดือน ส.ค. 2557 ที่นี่ข้างล่างอากาศร้อน แต่บนยอดเขาหนาวมาก มีพายุหิมะและลมแรง พอเราเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ามีลูกทีมตามผมมาได้แค่ 6 คน ลงไปแล้ว 1 คน แต่อีก 2 คนเจอพายุหิมะแบบฉับพลัน เดินตามขึ้นมาไม่ได้ เลยต้องนั่งหลบมุมจนหิมะท่วมตัวอยู่แบบนั้นเพราะมองอะไรไม่เห็น จนพายุหิมะสงบทั้งสองคนจึงเดินลงเขาไปได้ สรุปว่าทริปนี้มีแค่ 3 คน คือ ผมและลูกทีมอีก 2 คน ที่สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้”
คมรัฐ เล่าว่า เมื่อปี 2011 เขาได้ไปเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โตเกียว หลังจากนำลูกทีมเดินเขาที่คินาบาลูเสร็จ เขาก็ไปเที่ยวมะละกา จากนั้นก็ไปที่ญี่ปุ่นโดยเที่ยวจากเหนือสุดคือฮอกไกโด ลงใต้ไปที่ เกียวโต ฮิโรชิมา แล้วย้อนขึ้นมาที่ภูเขาไฟฟูจิ
“แต่วันที่เข้าโตเกียว ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินไปที่โรงแรม บังเอิญเดินออกผิดประตูจึงย้อนเข้าไปใหม่และเดินออกมาที่ถนน ผมก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! ทำไมเสาไฟฟ้ามันสั่นๆ รถจอดกันเต็มถนนไปหมด เลยรู้ว่าแผ่นดินไหว จากนั้นก็เห็นตึกสูงแกว่งโยกไปมาจนเกือบกระทบกัน ผมก็ยืนดู คิดว่าถ้าตึกมันชนกันพังผมจะได้หาที่หลบ แต่ปรากฏว่ามันไม่ชน แผ่นดินไหวอยู่อย่างนั้น 3-4 นาที มารู้ตอนข่าวออกว่าครั้งนั้นแผ่นดินไหวถึง 9.1 ริกเตอร์ จนเกิดสึนามิพัดเข้าใส่ชายฝั่งเมืองเซนไดตามที่เป็นข่าว
หลังจากนั้นก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก ตึกก็แกว่งเหมือนเดิม แต่น้อยกว่า วันนั้นกว่าผมจะเข้าพักในโรงแรมได้ ผมต้องยืนบนถนนนานถึง 4 ชั่วโมง มีคนญี่ปุ่นเยอะมากที่กลับบ้านไม่ได้เพราะรถไฟหยุดวิ่ง พวกเขาต้องนอนตามพื้นสถานีรถไฟใต้ดิน หลังจากนี้ผมไปเที่ยวที่ไหนก็ปิดหมด ผมต้องเดินเตร่อยู่ 4 วันถึงบินกลับไทย ยังนึกเล่นๆ ว่า แผ่นดินไหวเพราะผมผิดความตั้งใจที่จะไม่เปลี่ยนกางเกงตลอด 1 เดือนรึเปล่านะ พอเปลี่ยนกางเกงเช้าวันที่ 11 มี.ค. 2011 ก็เกิดแผ่นดินไหวเลย” (หัวเราะ)
คมรัฐ ทิ้งท้ายว่า ทริปสำรวจยาวที่เขาได้ไปมา คือ อินเดีย-เนปาล 3 เดือน อเมริกาใต้ 2 เดือน และญี่ปุ่น 1 เดือน และมีแพลนว่าในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2559 นี้ เขาและ ทพญ.นภัสพร ชำนาญสิทธิ์ มีแผนจะไปพิชิตยอดเอเวอเรสต์ซึ่งสูง 8,850 เมตรด้วยกัน แต่ยังต้องการทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เงินคนละถึง 1 ล้านบาท ผู้สนใจสนับสนุนติดต่อได้ที่ Line ID : 682112
หน้าที่ของเทรกกิ้งไกด์
ก่อนพาลูกทีมออกทัวร์ ไกด์ต้องศึกษาพื้นที่ คาดเดาสภาพอากาศของสถานที่ที่จะไป ว่าเป็นฤดูไหน ต้องนำ อุปกรณ์อะไรไปบ้าง
ต้องเตรียมอาหาร อุปกรณ์ครัว ชามช้อน แม้แต่พลั่วเพื่อขุดหลุมทำธุระส่วนตัวเข็มเย็บรองเท้า เพราะมักมีคนเอารองเท้าเก่าสภาพไม่ดีไป ซึ่งจะพังเป็นประจำ แนะนำให้นำไปเย็บด้วยเอ็นก่อนเข้าป่า
ไกด์มีสิทธิขาดในการพิจารณาว่าจะให้ลูกทีมคนไหนไปต่อ หรือหยุดพักรอ หรือเดินกลับ โดยดูจากสภาพร่างกาย การเดินของสมาชิกว่าจะไหวหรือไม่ เพราะฝืนต่อไปก็ไม่คุ้ม ไกด์ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของลูกทริปทุกคน
ข้อแนะนำ
เดินทางต่างประเทศ ควรทำประกันการเดินทางทุกครั้ง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา ประกันจะช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้
ใครอยากเดินป่า มาคนเดียวก็ได้ แล้วจะมีเพื่อนใหม่กลุ่มเดินป่าที่ชอบเหมือนกันแต่อย่าลากเพื่อนที่ไม่ชอบมาด้วยเด็ดขาด
ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เดินป่า เพราะมีให้ยืมใช้ มาทดลองเดินป่าดูก่อน ถ้าชอบจริงๆ ค่อยหาซื้อภายหลัง
ปัจจุบันผู้หญิงเดินป่ามากกว่าผู้ชายและมาคนเดียวได้ไม่ต้องกลัว เพราะไปกันอย่างน้อย 10 คน


