Great Britain เนื้อดีๆ จากอังกฤษ

โดย...ปณิฏา สุวรรณปาล

อังกฤษมีอะไรให้ภาคภูมิใจในความเป็น “Great” Britain มากมาย ตั้งแต่ลีกฟุตบอลที่มีแฟนๆ มากที่สุดในโลก กีฬาคริกเก็ตอันสนุกและงดงาม หรือจะเป็นธงเซนต์จอร์จรูปกากบาทสีแดงบนพื้นขาว หากเหนือสิ่งอื่นใด ที่สุดของที่สุดสำหรับคนอังกฤษก็คือ เนื้อวัวที่พวกเขาคุยว่า ดีที่สุดในโลก

ภูมิใจขนาดไหน ก็ถึงขนาดมีบทเพลง The Roast Beef of Old England ที่แต่งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1731 นั่นทีเดียว จนทุกวันนี้ นาวิกโยธินอังกฤษยังร้องกันก่อนมื้ออาหาร (ที่จะได้กินเนื้ออบ หรือ Roast Beef สไตล์อังกฤษ)

When mighty Roast Beef was the Englishman’s food,It ennobled our brains and enriched our blood. Our soldiers were brave and our courtiers were good Oh! the Roast Beef of old England,And old English Roast Beef!

เรียกว่า เนื้อวัวของอังกฤษนั้นเป็นเอกลักษณ์และความภาคภูมิใจของอังกฤษมาหลายศตวรรษแล้ว เนื้อวัวเป็นชีวิตและวิญญาณของชาวเมืองผู้ดี เป็นเมนูที่ไม่เคยขาดหายไปจากคุกบุ๊กของคนอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อสำคัญๆ อย่างวันคริสต์มาส ที่โรสต์บีฟขนาดมหึมาจะต้องมีเสิร์ฟ (ไก่งวงเป็นของอิมพอร์ตจากสหรัฐ)

 

เนื่องจากทุกๆ สิ้นปีมักจะมีการล้มวัวครั้งใหญ่ นอกจากเมนูโรสต์บีฟแล้ว จึงเป็นที่มาของการถนอมรักษาเนื้อวัวให้รับประทานได้นานๆ โดยอาศัยเกลือเป็นตัวช่วย ซึ่งทุกวันนี้กลายมาเป็นเนื้อที่นิยมนำมาเป็นไส้ของแซนด์วิช รวมถึงคอร์นบีฟ (corns ในที่นี้ไม่ใช่ข้าวโพด แต่หมายถึงเม็ดเกลือที่ใช้ในการหมักเนื้อ)

นอกจากเมนูเด็ดแล้ว การตัดแบ่งเนื้อวัวเป็นคัตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทนเดอร์ลอยน์ เซอร์ลอยน์ ฯลฯ ก็มีต้นตำรับมาจากอังกฤษ ซึ่งทุกวันนี้ยิ่งพัฒนาวิธีการตัดชิ้นเนื้อภายใต้อุณหภูมิต่ำ เช่นเดียวกับอุณหภูมิที่ใช้เก็บรักษา ซึ่งทำให้เนื้อวัวยืดอายุการรับประทานออกไปได้นานกว่าเก่า

เหนือกว่าอื่นใดทั้งสิ้น คนอังกฤษภาคภูมิใจมากในพ่อพันธุ์วัวเนื้อของพวกเขา ซึ่งมีการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อที่จะให้เป็นวัวพันธุ์เนื้อมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยสายพันธุ์ดั้งเดิมมีตั้งแต่เฮียร์ฟอร์ด, กัลโลเวย์, เซาท์เดวอน แล้วก็อเบอร์ดีนแองกัส

คนอังกฤษรักเนื้อวัวของเขา และปักใจเชื่อว่าเนื้อวัวอังกฤษนั้นดีที่หนึ่ง ไม่ใช่เพราะว่าเนื้อวัวที่นำเข้ามาจากสถานที่เลี้ยงที่มีอากาศอบอุ่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลียหรืออเมริกาใต้จะรสชาติไม่อร่อยเท่านั้นในความคิดของพวกเขาทว่า นอกเหนือจากรสชาติแล้ว บรรดาผู้ดีทั้งหลายเชื่อว่าเนื้อวัวของอังกฤษนั้นยังมีคุณภาพดีที่สุดอีกด้วย ถึงขั้นที่ไปทำวิจัยมาเพื่อสนับสนุนแนวคิดนี้กันเลยทีเดียว

ผลของงานวิจัยออกมาว่า ที่เนื้อวัวของอังกฤษมีคุณภาพดี ก็เพราะว่าอังกฤษเลี้ยงวัวในทุ่งหญ้า มีอาหารทางธรรมชาติให้กินได้เยอะ ทำให้วัวแข็งแรง ให้ผลผลิตเป็นเนื้อวัวที่มีวิตามินสูง ทั้งมีไขมันเลวน้อย และอุดมไปด้วยไขมันดี อย่างโอเมกา 3 นอกจากนี้อังกฤษยังมีกฎหมายออกมาควบคุมการเลี้ยงวัวเนื้อให้เกษตรกรทำผลผลิตออกมาเป็นออร์แกนิก ด้วยการออกกฎให้ป้อนอาหารออร์แกนิกอย่างน้อย 60% และปล่อยให้วัวกินหญ้าสดๆ ในทุ่ง ซึ่งอาจการันตีได้ยากว่าจะมีสารเคมีเจือปนหรือไม่

 

เนื้อวัวจากอังกฤษห่างหายไปจากเชลฟ์ของเมืองไทยราว 20 ปีแล้ว ล่าสุด เพิ่งมีการเปิดตัวประกาศการนำเข้าเนื้อวัวชนิดไร้กระดูก หรือตัดมาสำเร็จแล้วในคัตต่างๆ มาจำหน่ายในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยงานนี้เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ฯพณฯ มาร์ค เคนท์ เป็นผู้นำทัพการเปิดตัวครั้งใหม่นี้ด้วยตัวเอง

ในงานยังมี มาร์คัส วินสลีย์ ผู้อำนวยการทบวงการค้าและการลงทุน สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ที่มาสาธยายความอลังการของเนื้อวัวอังกฤษ “เนื้อวัวและเนื้อแกะจากสหราชอาณาจักร ให้รสชาติที่เป็นพิเศษและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากเนื้อแหล่งอื่น

สำหรับเนื้อวัวโดดเด่นด้วยคุณภาพระดับพรีเมียมและได้มาตรฐานสากล ซึ่งมีประวัติศาสตร์การเลี้ยงและพัฒนามานานกว่า 4 ศตวรรษ โดยใช้วัวสายพันธุ์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงอย่าง เฮียร์ฟอร์ด, ชอร์ตฮอร์น และอเบอร์ดีน แองกัส เรามีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมยากจะหาใครเลียนแบบได้ ส่วนเนื้อแกะมีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในประเทศไทย เพราะพันธุกรรมที่มีลักษณะเฉพาะและการเลี้ยงดูบนทุ่งหญ้า ท่ามกลางธรรมชาติในสภาพอากาศที่เหมาะสม ทำให้เนื้อแกะมีลักษณะที่นุ่ม หวาน และชุ่มฉ่ำ

สิ่งสำคัญที่สุดของเนื้อวัวและเนื้อแกะจากสหราชอาณาจักร คือ การควบคุมคุณภาพมาตรฐานการผลิต การรักษาสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยด้านอาหาร”

มาร์คัส ยังเสริมว่า ด้วยความที่ 75% ของอังกฤษเป็นผืนหญ้า อากาศส่วนใหญ่ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป แถมยังมีฝนตกบ่อยๆ ทำให้หญ้าเจริญงอกงามดี เป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ของวัวและแกะ จึงมีส่วนช่วยให้เนื้อวัวเนื้อแกะอร่อย “สัตว์ทั้งสองมีลักษณะทางกายภาพที่แข็งแรง นอกจากนี้กฎหมายด้านความปลอดภัยด้านอาหารยังแข็งแกร่ง ทำให้สามารถเรียกได้ว่าเป็น healthy meat ได้แน่นอนครับ”

 

ฯพณฯ มาร์ค เคนท์ เสริมด้วยว่า ตัวท่านเองก็มีพื้นเพมาจากชนบท ที่บ้านก็เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศอังกฤษ

“เกษตรกรรมมีความสำคัญมากในประเทศอังกฤษ สิ่งที่ทำให้มีชื่อเสียงคือ หนึ่ง - คุณภาพ เรามีการพัฒนาร่วมกับภาพวิชาการอย่างสม่ำเสมอ สอง - คือเรื่องของความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม ทำให้ควบคุมคุณภาพทุ่งหญ้าซึ่งเป็นอาหารของวัวและแกะได้ นอกจากนี้ลดการใช้ปุ๋ยซึ่งอาจเป็นสารเคมีได้มากทีเดียว แล้วก็สาม - เรื่องความปลอดภัย ที่อังกฤษมีการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมีคุณภาพ มีมาตรฐานด้านอนามัยที่เข้มแข็ง เช่น ไม่อนุญาตให้นำโปรตีนสัตว์มาเลี้ยงสัตว์อื่นๆ ไม่ใช้ฮอร์โมน เป็นต้น”

ในงานยังได้เชิญเชฟชื่อดังจากอังกฤษ มาร์ค เฟรดเดริค แบร์รี่ ซึ่งเป็นเพียงท่านเดียวของประเทศอังกฤษที่ได้รับการรับรอง Boucher Charcutier Traiteur จากประเทศฝรั่งเศส และได้นำประสบการณ์จากการทำอาหารในหลายรูปแบบและมีระดับมารังสรรค์เป็นเมนูพิเศษ ในวันเปิดตัวครั้งใหม่ของเนื้อวัวจากประเทศอังกฤษ

เชฟมาร์ค เฟรดเดริค ได้รังสรรค์เมนูจากแรงบันดาลใจ แนะนำผู้บริโภคชาวไทยให้ลองนำไปปรุงที่บ้าน ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารแบบตะวันตกและตะวันออก โดยใช้ส่วนผสมหลัก เนื้อวัวไม่ติดกระดูกจากอังกฤษ และเครื่องปรุงประกอบจากไทย ทำให้มีรสชาติที่แตกต่าง นั่นคือ เนื้อจะมีความหวาน นุ่ม ชุ่มฉ่ำ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบไทยที่มีความเผ็ดและเปรี้ยวเมื่อสัมผัสปลายลิ้น

ไม่ว่าจะเป็น เมนูลาบเนื้ออีสานแบบฟิวชั่น ซึ่งประกอบด้วย เนื้อวัวไม่ติดกระดูกจากอังกฤษ 500 กรัม พริกหยวกแดงบด 1 ผล หัวหอมแดงบด 1 หัว  ตะไคร้บด 2 ต้น น้ำมะนาว 2 ผล น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูบด 3 เม็ด ใบสะระแหน่ 12 ใบ (บางส่วนสับและบางส่วนเก็บไว้ตกแต่งจาน) ข้าวคั่ว 50 กรัม เกลือและน้ำตาลไว้ปรุงรสเพิ่มเติมตามใจชอบ

ขั้นตอนการปรุง ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้ในอุณหภูมิห้องก่อนตกแต่ง และนำไปเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว โดยเชฟได้ไปเยี่ยมบ้านหนองตับเต่า จ.ขอนแก่น จึงได้แรงบันดาลใจมาสร้างสรรค์เมนูนี้

อีกเมนูคือ เนื้อคาร์ปาโช่ ที่เชฟปรุงเสิร์ฟแบบออริจินัลในรสชาติคาร์ปาโช่ ซึ่งการจะปรุงทั้งสองเมนูแบบใช้เนื้อดิบๆ เสิร์ฟได้นั้น คนที่คุ้นเคยในด้านอาหารล้วนรู้กันว่า จะต้องเป็นเนื้อที่คุณภาพดีเท่านั้นจึงจะปรุงเป็นอาหารทั้งสองจานนี้ได้อร่อย

ในงานยังเสิร์ฟซี่โครงแกะย่างสุดแสนนุ่ม ทว่าเป็นเนื้อแกะที่นำเข้ามาจากอังกฤษเพื่อการรับประทานเฉพาะงานดังกล่าวเท่านั้น ยังไม่มีขายในประเทศไทย เนื่องเพราะต้องรอขั้นตอนการอนุมัติออกใบรับประกันสุขภาพด้านการนำเข้าเนื้อแกะมายังบ้านเราก่อน

ทว่า ใครอยากลองรสชาติของเนื้อวัวที่อังกฤษคุยว่าสุดนุ่ม ชุ่มฉ่ำ สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำมาลองทำรับประทานเองได้ที่บ้านกันแล้ว