posttoday

รชยา นพการุณ ผีเสื้อที่พร้อมสยายปีก

26 มีนาคม 2558

ช่างภาพเสียงชัตเตอร์ลั่นเร็ว รัว ขณะที่ร่างบางในชุดขาวขยับเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่นานก็ได้ยินคำถามของคนที่เดินผ่านไปมาว่า “นั่นใคร?”

โดย...กองทรัพย์ ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

ช่างภาพเสียงชัตเตอร์ลั่นเร็ว รัว ขณะที่ร่างบางในชุดขาวขยับเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่นานก็ได้ยินคำถามของคนที่เดินผ่านไปมาว่า “นั่นใคร?” คำตอบของเราทำเอาคนฟังคำตอบอึ้ง และอุทานออกมาเบาๆ ว่า “สวยจัง”

แบบของเราหนนี้คือ “รชยา นพการุณ” หรือ มิก เธอพ่วงตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส ปี 2014 ผู้กำลังจะหมดวาระในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่ผ่านมาสาวสวยคนนี้ก็ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในตัวแทนสาวประเภทสองชาวไทย เผยแพร่ให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศเรา โดยเฉพาะนาฏศิลป์ไทย ที่เธอมีความสามารถไม่เป็นรองใคร และอาจกล่าวได้ว่าเธอคว้าตำแหน่งนี้มาครองได้เพราะความสามารถด้านนี้ล้วนๆ

รชยา นพการุณ ผีเสื้อที่พร้อมสยายปีก

 

เข้าฝักดักแด้

มิก เล่าว่า เธอเติบโตมาในแถบฝั่งธนฯ ในบ้านที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง ชุดทำผม และหัวหุ่น เพราะแม่มีอาชีพเป็นช่างเสริมสวย ตั้งแต่จำความได้เธอก็ชอบหยิบจับของเหล่านี้อยู่เป็นนิสัย จนเธอไม่รู้สึกว่าเป็นความผิดปกติ แต่สิ่งที่ทำให้กิจกรรมของเธอกลายเป็นสิ่งแปลกคือ เพื่อนที่ชอบล้อเลียน

“ตอนเด็กๆ มิกชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง โดนล้อจากเพื่อนผู้ชายว่า อีตุ๊ด อีตุ๊ด ตอนนั้นเราโกรธนะคะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตุ๊ดคืออะไร เรารู้แค่ว่าเราชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง เราโดนล้อมาเรื่อยๆ ก็ด่ากลับ ตอบโต้ไปบ้างตามประสาเด็ก แต่ขณะเดียวกันก็เก็บคำล้อพวกนั้นมากดดันตัวเองหลายๆ อย่าง เหมือนคำล้อพวกนั้นเป็นแรงผลักดันทำให้เราต้องพิสูจน์ตัวเอง”

เหนือคำล้อใดๆ ครอบครัวของมิกเป็นที่พักพิงด้านจิตใจที่ดีที่สุด เพราะแม่ไม่เคยเอ่ยปากห้าม ฝ่ายพ่อที่ดูเหมือนจะไม่ชอบใจในการเปลี่ยนแปลงของลูกชายตัวน้อย ก็ค่อยๆ ยอมรับ เมื่อเธอมีรางวัลด้านนาฏศิลป์มาฝากประจำ

“พ่อมิกท่านเคยเปรยกับแม่ว่า ถ้าลูกเป็นกะเทยจะจับฝังใต้ต้นมะม่วง แกล้งขู่ให้กลัว แต่เราก็ไม่รู้เรื่อง ยังทำตัวเหมือนเดิมจนท่านก็ยอมรับได้ในที่สุด แต่น่าเสียดายที่ท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่มิกอายุได้ 7 ขวบ ก็เลยไม่มีโอกาสเห็นมิกในวันนี้”

รชยา นพการุณ ผีเสื้อที่พร้อมสยายปีก

 

หนอนกลายเป็นผีเสื้อ

มิก บอกว่า เธอเก็บคำล้อคำด่าจากเพื่อนผู้ชายมาเป็นแรงผลักดันและพัฒนาตัวเอง มิกชัดเจนว่าอยากเล่นอยากรำ และถนัดการแสดง ดังนั้น แม่จึงพาเธอไปเรียนนาฏศิลป์ไทยทุกปิดเทอม ขณะที่เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ไปบวชเรียนภาคฤดูร้อน ดักแด้อย่างมิกก็ไปฟูมฟักและขัดเกลาตัวเองด้วยนาฏศิลป์

“วันที่เราโดนล้อ เราทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บ แต่เหมือนกับว่าเราเป็นดักแด้ที่รอวันสยายปีกเป็นผีเสื้อ และนาฏศิลป์ไทยก็ทำให้มิกพร้อมในหลายๆ ด้าน แต่ขณะเดียวกันก็มีเรื่องจะต้องแลก มิกเรียนระดับมัธยมที่วิทยาลัยนาฏศิลป กรุงเทพฯ เมื่อจบก็เรียนต่อที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งตอนมัธยมห้ามไว้ผมยาว และระดับมหาวิทยาลัยเขาก็ห้ามไม่ให้นักเรียนที่เป็นสาวประเภทสองแต่งหญิงไปเรียน ซึ่งเพื่อนหลายคนทนไม่ได้ลาออกไปก่อนก็มี”

เมื่อถามว่า เธอจำทนกับข้อปฏิบัติเหล่านั้นได้อย่างไร มิกตอบอย่างคนคิดบวกว่า มีโอกาสแต่งเป็นผู้หญิงอยู่แล้วในการแสดง และแม้จะแต่งชายไปเรียนก็จริง แต่เมื่อถึงโรงเรียนไม่ว่าหญิงหรือชายก็ต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นโจงกระเบนอยู่ดี "มิกเลยไม่รู้สึกว่าอึดอัดอะไร เพราะได้ทำในสิ่งที่เรารัก อีกอย่างเราก็ยังคิดว่าตอนนั้นเรายังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์”

สิ่งที่ทำให้มิกเปลี่ยนแปลงตัวเอง คือ เวทีการประกวดมิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส “มิกรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองไม่สวยพอ ไม่สูงพอสำหรับเวทีการประกวด แต่เวทีนางงามจะมีข้อจำกัดเรื่องอายุแค่ 25 ปี ดังนั้นเมื่อมิกเรียนจบก็ 22 ปีแล้ว เราคิดว่าจะเสียเวลาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจไปทำศัลยกรรมหน้าอก จากที่เคยคิดมาตลอดว่าเราไม่ทำก็ได้ จากนั้นก็สมัครเข้าประกวด

“เมื่อตัดสินใจลงแข่ง ก็เหมือนว่าเราพร้อมที่จะสยายปีกแล้ว แม้ว่าถ้าเปรียบกับคนอื่นแล้วเราตัวเล็กมาก แต่เมื่อคณะกรรมการถามว่าเรามีดีอะไร มิกตอบและแสดงให้เห็นเลยว่ามิกมีจุดแข็งด้านนาฏศิลป์ แสดงและตอบคำถามจนผ่านรอบต่างๆ มาได้รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง”

รชยา นพการุณ ผีเสื้อที่พร้อมสยายปีก

 

เป็นหญิงสาวโดยสมบูรณ์

แม้ความคิดเดิมของรองมิสทิฟฟานี่ ปี 2014 จะบอกว่า เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ ได้โดยไม่ทำศัลยกรรมหน้าอก แต่ด้วยภารกิจทำให้เธอตัดสินใจเช่นนั้น ทว่าการศัลยกรรมแปลงเพศของมิกเกิดขึ้นตั้งแต่เธอเรียนอยู่ปี 2

“ที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมแปลงเพศก่อน เพราะว่ามันอยู่ในที่ลับ ไม่มีใครเห็น ซึ่งก่อนจะแปลงเพศมิกไปปรึกษาแม่ ซึ่งท่านไม่เคยคัดค้านเราเลย ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร ท่านขอแค่ให้เป็นคนดีก็พอ ตอนนั้นท่านพาไปพบคุณหมอ ไปรับคำปรึกษา พบจิตแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจ ว่าเราพร้อมจะเป็นผู้หญิงจริงหรือเปล่า ดูกิริยาท่าทาง ให้คำวินิจฉัยยืนยันว่าเราพร้อม จากนั้นก็ทำการผ่าตัด

“ช่วงเวลานั้นมิกได้เห็นความเป็นซูเปอร์มัมของแม่ เพราะในวันที่เรานอนติดเตียงอยู่นั้น แม่จะคอยมาเช็ดตัว มาพลิกตัว มาทำความสะอาดเวลาเราถ่ายหนักถ่ายเบา สำหรับมิกภาพนั้นเป็นภาพความทรงจำชิ้นใหญ่ที่งดงามมากๆ เป็นช่วงเวลาที่มิกมีความสุขและเป็นภาพเตือนใจว่า มิกจะต้องเป็นคนดีให้มากๆ และจะต้องดูแลผู้หญิงคนนี้ให้มากๆ ให้ได้เหมือนที่เขาดูแลเรา” รชยา ย้อนเล่าด้วยน้ำเสียงเครือ

มิก บอกว่า เธอได้รับความรักจากผู้เป็นแม่อย่างท่วมท้นล้นใจ จนความรักแบบหนุ่มสาวเป็นเรื่องที่เธออยากให้สมบูรณ์แบบที่สุด ถ้าเป็นอย่างที่ฝันไม่ได้ก็จะอยู่คนเดียวและเลี้ยงดูแม่ไปเรื่อยๆ

“ความรักของมิกถ้าเรารักกันอย่างเดียวไม่พอ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง จะต้องรักเราด้วย  ซึ่งอาจจะยากสำหรับสาวประเภทสอง แต่มิกเชื่อว่ามันมีอยู่จริงและยั่งยืนได้ ซึ่งเราจะเจอหรือเปล่านั้นก็ต้องรอพิสูจน์อีกครั้ง”

ประตูแห่งโอกาสของมิกได้เปิดออก และเธอใบเบิกทางชิ้นสำคัญคือความสามารถด้านการแสดง เธอมองว่ามิสทิฟฟานี่ทำให้นักแสดงนาฏศิลป์ตัวเล็กๆ มีที่ยืนมากขึ้น เธอได้ทำงานที่หลากหลายมากขึ้น

ที่สำคัญ การได้เผยแพร่นาฏศิลป์ไทยในต่างแดนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา สร้างความภูมิใจให้เธอมากมาย

รชยา นพการุณ ผีเสื้อที่พร้อมสยายปีก

 

ข่าวล่าสุด

BOJ ยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย! SET แกว่งตัว เน้นย่อสะสมหุ้นกำไรเด่น