posttoday

โยธิน-วิวรรณ รักนี้เกิดที่ 'ซีมะโด่ง'

08 พฤศจิกายน 2557

ความรักคือสิ่งสวยงาม จุดเริ่มต้นความรักของแต่ละคู่ย่อมแตกต่างกัน แล้วแต่บุพเพสันนิวาสหรือพรหมลิขิต

ความรักคือสิ่งสวยงาม จุดเริ่มต้นความรักของแต่ละคู่ย่อมแตกต่างกัน แล้วแต่บุพเพสันนิวาสหรือพรหมลิขิตที่กำหนดมา ทว่าคู่ของ “โยธิน ธาราหิรัญโชติ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอสวายกรุ๊ป และ “วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ” กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ก็เป็นอีกคู่รักหนึ่งที่มีสัญลักษณ์ซึ่งเป็นบ่อเกิดความรักทำให้ทั้งคู่มาเจอกัน นั่นคือ “ซีมะโด่ง”

หอพักของนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ให้นิสิตที่เป็นคนต่างจังหวัดและมีทุนน้อยได้มาอยู่ ทำกิจกรรม เล่นกีฬาด้วยกัน จนหล่อหลอมกลายเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ไม่มีการแบ่งคณะหรือชนชั้นทางสังคมใดๆ ยกเว้นเพียงแต่การเลื่อนสถานภาพจากที่เคยเป็นพี่โย นิสิตหนุ่มจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ กับน้องก้อย สาวเหนือเรียนเก่งจากคณะอักษรศาสตร์ ได้กลายเป็นสามีและภรรยาที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเกือบจะ 30 ปีแล้ว

‘โยธิน : ซีมะโด่งคือดินแดนมหัศจรรย์ที่ทำให้เจอก้อย’

“ผมกับก้อยเป็นเด็กหอเหมือนกัน ผมอยู่ที่ซีมะโด่งมาก่อน 3 ปี และมาเจอกันครั้งแรกที่นี่ เพราะตอนนั้นได้รับการเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้นปี 4 ของเด็กหอ และก้อยเขาก็ได้เป็นหัวหน้าชั้นปี 1 แต่เป็นปกติของเด็กหอที่จะมีความสนิทสนมกันมาก เพราะเป็นการอยู่รวมกันของเด็กต่างจังหวัดทั่วไทยและไม่ได้มีฐานะที่ร่ำรวย ได้ทำกิจกรรมด้วยกันตลอดตามประสาเด็กหอ โดยไม่มีแบ่งชายหญิง ทุกคนคือพี่น้องกันหมด ทั้งช่วยกันหารายได้เข้าหอ มีอะไรคอยช่วยเหลือกัน คนที่เรียนดีก็ติวหนังสือให้คนอื่น มีของกินที่ทางบ้านต่างจังหวัดส่งมาก็แบ่งปันกัน ถึงเวลาปิดเทอมก็ออกก๊วนไปต่างจังหวัดด้วยกัน จึงไม่แปลกที่เราทั้งสองคนผูกพันที่ซีมะโด่งมาก

โยธิน-วิวรรณ รักนี้เกิดที่ 'ซีมะโด่ง'

 

“เจอก้อยครั้งแรกไปแซวเขาว่าก้อยมาทำอะไรเพื่อนพี่จนมึนหัวไปหมด เพราะรูมเมทผมเรียนคณะรัฐศาสตร์ แต่ต้องไปเรียนวิชาโทซึ่งเป็นวิชาเรียนปี 1 ของก้อย และก้อยมาช่วยติวให้ แต่เริ่มรู้สึกพิเศษกับเขาก็ตอนที่เด็กหอตกลงไปเที่ยวเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านก้อยกัน

“ที่ชอบก้อยเพราะเขาเป็นคนสดใสน่ารัก อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสดชื่น ตอนไปเชียงใหม่นั่งรถขึ้นดอยกันเขาก็ร้องเพลงได้อยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่าก้อยเขาเป็นคนที่แคร์คนอื่นมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่น ดังนั้นผมจึงมองว่าซีมะโด่งคือดินแดนมหัศจรรย์ สิ่งแรกคือนอกจากทำให้ได้เจอก้อยแล้ว ยังเป็นที่หล่อหลอมผมทุกอย่าง ตั้งแต่สอนให้รู้จักดูแลตัวเอง การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การเคารพในกติกา การได้เรียนรู้การทำงานก่อนจะไปเริ่มใช้ชีวิตจริง และที่สำคัญคือสอนให้เป็นคนที่มีความอดทนสูง” โยธิน เล่า

แต่ความผูกพันไม่ได้จบไปพร้อมกับที่จบการศึกษาไป เพราะเขายังพักในหอซีมะโด่งต่อไปอีกปี เนื่องจากเพื่อนรูมเมทยังเรียนต่ออีกปี ก็ทำให้ได้อยู่กับพี่ๆ น้องๆ ต่อไป รวมถึงยังได้มาดูแลก้อยต่อด้วย ถึงตอนนี้ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว เรื่องราวความผูกพัน วีรกรรมต่างๆ ที่เฮี้ยว เฟี้ยวกัน แต่มันก็มาทำให้ได้เรียนรู้ความรัก ความผูกพันระหว่างเพื่อนพี่น้อง

จะเห็นได้ว่าพี่น้องที่เคยพักกันที่นี่เมื่อออกไปสู่โลกการทำงานก็มักมีการเติบโตก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ดี หลายคนมักไม่มีฟอร์ม มีแต่ความติดดินเหมือนที่เคยเป็นมา และชาวหอก็ยังมีความผูกพันต่อเนื่อง เพราะจะมีโอกาสเจอกันในงานคืนสู่เหย้าที่จะจัดขึ้นทุก 2 ปี และในฐานะนายกสมาคมนิสิตเก่าหอพันิสิตจุฬาฯ และประธานกรรมการจัดงานคืนสู่เหย้าปีนี้ก็จะจัดขึ้นวันที่ 15 พ.ย.

โยธิน-วิวรรณ รักนี้เกิดที่ 'ซีมะโด่ง'

 

‘ก้อย : ซีมะโด่งเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต’

“จริงๆ พี่โยกับก้อยอาจจะเป็นกันคนละด้านที่มีความแตกต่างกันมาก เพราะเขาจะมีวีรกรรมกับเพื่อนพี่น้องที่หลากหลาย แต่ก้อยจะไม่ใช่อย่างเขา การเรียนต้องมาอันดับแรก ต้องมีเป้าหมายพยายามทำให้ได้เกียรตินิยม เรื่องเรียนเราจะจริงจัง แต่กิจกรรมเราจะไม่ยอมทิ้งเด็ดขาด และชอบหารายได้ขายของตลอดเพื่อหาเงินให้กับทางหอ

“ซีมะโด่งมีความสำคัญกับก้อยมากในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเป็นจุดที่เปลี่ยนชีวิตหลายอย่าง อย่างแรกคือทำให้รู้จักพี่โย ซึ่งกลายมาเป็นคู่ชีวิต เพื่อน และพี่จนถึงปัจจุบัน แต่สิ่งสำคัญคือเป็นการเปลี่ยนชีวิตของเด็กที่เรียนเอกอักษรศาสตร์ ได้ก้าวเข้าไปสู่โลกการทำงานวงการการเงินและตลาดทุน เพราะได้เพื่อนรูมเมทที่เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ช่วยติวแนะนำและอ่านหนังสือเกี่ยวกับการตลาดเพื่อไปสอบชิงทุนของกสิกรไทยไปเรียนต่อต่างประเทศด้านการเงิน

“ตอนนั้นการจบอักษรฯ แล้วจะหาทุนไปเรียนต่อปริญญาโทเป็นเรื่องยาก จึงต้องมุ่งไปด้านนี้แทน ประกอบกับก็ได้พี่โยช่วยติวเรื่องคณิตศาสตร์ให้หลังจากที่ห่างหายเลขมานาน และเราก็ช่วยติวภาษาอังกฤษให้ เพราะพี่โยมีโครงการไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ

“การที่เราได้มาใช้ชีวิตในนี้ทำให้รู้จักการรับผิดชอบชีวิตที่ดี ชอบทำกิจกรรม จนทำกิจกรรมของชาวหอมากกว่าของคณะเสียอีก ตลอดที่อยู่ที่ซีมะโด่งก้อยไม่เป็นหัวหน้าชั้นปีก็จะอยู่ในคณะกรรมการของชาวหอตลอดเวลา อย่างก้อยจะชอบทำกิจกรรมหารายได้เข้าหอไว้เป็นทุนสำหรับทำกิจกรรมต่อๆ ไป การได้ทำงานร่วมกันกับอาจารย์และชาวหอ
ที่ทำให้เราเห็นคนหลากประเภทที่มาจากหลากจังหวัด

“แต่สุดท้ายทุกคนมีวัฒนธรรมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การดูแลของอนุสาสก ซึ่งก็คืออาจารย์ประจำหอที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ครู แต่ยังเป็นผู้ปกครองที่คอยดูแลสอดส่องความประพฤติของคนในบ้านให้อยู่ในกรอบเป็นอย่างดีและที่สำคัญที่นี่สอนให้เราเป็นคนที่ต้องแคร์คนอื่นหรือแคร์สังคม ซึ่งเป็นพื้นฐานของการมีจิตอาสาเพื่อสาธารณะที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมด้วย ไม่ได้นึกถึงแต่ประโยชน์แต่เรื่องของตัวเอง

“ถึงวันนี้ในฐานะที่เป็นชาวหอที่เปิดมาพร้อมกับมหาวิทยาลัย 97 ปี ก็พร้อมที่จะสานต่ออีกหลายโครงการที่จะทำให้ซีมะโด่ง เช่น ปรับปรุงอาคารของอนุสาสกที่อยู่ด้านหน้าของตึกที่พักของชาวหอ รวมถึงโครงการรินน้ำใจให้จุฬา เพื่อช่วยสานต่อส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องหนึ่งในนั้นก็เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว นั่นคือการสร้างหอพักใหม่ที่เพิ่มขนาดพื้นที่และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า ทั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากนิสิตที่พักหอใหม่ไปสนับสนุนแก่นิสิตที่พักหอแบบเก่าที่ส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายจำกัด”

ความรักของเขาทั้งสองคนเกิดขึ้นที่นี่ แต่ทั้งคู่ก็ยังมีความผูกพันและช่วยสานต่อสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักทั้งคู่ให้คงอยู่ต่อไป ก็เพราะซีมะโด่งเป็นสิ่งที่ผูกพันและสำคัญกับคนทั้งคู่มาก

ข่าวล่าสุด

เปิดภาพคุมตัว "น.ส.ลัก" สอบเข้ม ปมบังคับลูกสาววัย 12 ค้ากามญี่ปุ่น