ณวัฒน์ อิสรไกรศีล บ้านคืออาณาจักรส่วนตัว

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

เมื่อผมได้ย่างเท้าเข้าไปในบ้านหลังใหญ่สีขาวของ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานและผู้ก่อตั้งการประกวด มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล สิ่งที่สะดุดตาสะสุดใจผมมากที่สุดคือ สีทองอร่ามงามตา ส่องแสงวิบวับอยู่เต็มทั่วบ้าน ทั้งแสงไฟ เฟอร์นิเจอร์ รูปภาพ การออกแบบ การตกแต่ง เมื่อรวมตัวกันทำให้แสงสีทองโดดเด่นงามตาอย่างที่ผมกล่าวมา 

“บ้านหลังนี้ผมสร้างและอยู่อาศัยมาสิบปีแล้ว เหตุที่ผมเลือกใช้สีทองเป็นสีนำ ผมคิดว่าสีทองเป็นสีแห่งความรุ่งเรือง ประกอบกับผมอยากให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านแนวนีโอ-คลาสสิก ที่ผสมผสานความใหม่กับความคลาสสิก ภาพเขียนที่นำมาตกแต่งภายในบ้าน มักเป็นภาพที่สะท้อนเรื่องราวทางอารยธรรม มีขนาดใหญ่โตเพื่อให้ดูแข็งแรง มั่นคง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ในบ้านไม่ได้สั่งทำหรอกนะครับ ส่วนใหญ่เป็นของเก่า ซื้อมาจากฝรั่งเศส ของใหม่ก็มีมาผสมผสาน พอซื้อมาแล้วมันเข้ากันดี ก็ซื้อมาตกแต่งเรื่อยๆ จนออกมาเป็นแบบนี้ครับ”

 

ณวัฒน์ บอกเล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นคนชอบของเก่าที่มาจากปี 1800 เป็นต้นมา บังเอิญว่าเขาไปท่องเที่ยวที่ประเทศฝรั่งเศสอยู่บ่อยครั้ง เวลาไปทีก็จะแวะไปที่ตลาดขายของเก่าที ซึ่งจะมีของเก่าละลานตาเต็มไปหมด 

“คนฝรั่งเศสเขามีของเก่าเยอะ เขาเอามาขายในตลาดวันอาทิตย์ เห็นอันไหนชิ้นไหนถูกใจก็ซื้อมา บางชิ้นเปิดไม่ได้ เพราะมีกุญแจล็อก แต่ก็ซื้อมา บางอันเก่ามาก ต้องซ่อมแซม ก็ซื้อมา เมื่อซื้อมาแล้วก็โหลดลงเรือนำเข้ามาในไทย เมื่อมาถึงก็นำมาซ่อมแซมให้ดูใหม่สวยงาม” 

ด้วยความเป็นคนที่เคยทำงานโรงแรมและเป็นคนเดินทางท่องเที่ยวและทำงานอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขาได้เห็นสถานที่สวยงามมากมาย ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ นำมาซึ่งการนำมาประยุกต์ใช้กับบ้านหลังนี้ 

“เวลาคนมาที่บ้านมักบอกว่าชอบห้องน้ำที่แบ่งห้องน้ำเป็นชายและหญิง ผมติดมาจากการทำงานในโรงแรมเมื่อครั้งเรียนจบใหม่ๆ และการได้เดินทางไปทำงานยังต่างประเทศบ่อยครั้ง เห็นที่ไหนประทับใจก็เก็บเอาไว้ใช้กับบ้านตัวเอง ผมคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่การได้เห็น การได้เรียนรู้ และการได้คิดต่อยอดเพื่อพัฒนา” 

กับบ้านหลังนี้ นอกจากมีห้องรับแขก ห้องกินข้าว ห้องพระ ที่ดูโดดเด่น ยังมีห้องสำหรับน้องแมวที่เขาเผยว่า เริ่มต้น เขาเลี้ยงแมวอยู่สี่ตัว แล้วได้มาอีกสี่ตัวแบบบังเอิญจากข้างถนน ซึ่งมีทั้งคนทิ้ง ทั้งโดนสุนัขกัด โดยณวัฒน์ได้จัดทำห้องสำหรับน้องแมวโดยเฉพาะสอง ห้อง โดยแต่ละห้องจัดทำเป็นคอนโดแมว ซึ่งมีอยู่ห้องละสี่ตัว

“การเลี้ยงแมวให้ความสบายใจ ให้ความใจเย็น และให้เราอารมณ์ดี ผมว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำให้เราสดชื่นได้นะ เวลาเราปวดหัวจากงาน กลับบ้านมาเล่นกับแมว เราก็ลืมสิ่งนั้นไป ไม่นึกถึง แมวทำให้เราไม่เครียด มีความสุข ผมเลี้ยงแมวมาตั้งแต่ห้าหกขวบ ก็เลี้ยงมาเรื่อยๆ ตอนที่ยังไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ก็เว้นระยะเลี้ยงแมวไป พอมีบ้านหลังนี้ก็เลยกลับมาเลี้ยงอีกครั้ง 

ณวัฒน์ เผยว่า แมวมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง “หากเราเลี้ยงสุนัข เราเป็นเจ้าของเขา แต่เลี้ยงแมว เขาเป็นเจ้าของเรา เนื่องจากแมวจะไม่ฟังเราสักเท่าไหร่ เขาจะคิดเอง สุขุม ฟังเราทุกอย่าง แต่คิดเอง จะไปจะมาก็คิดเอง กับสุนัข แค่เราลงจากรถ จะวิ่งมาหาเราหมด แต่ถ้าเป็นแมว อยากมาก็มา เรียกให้มาก็ไม่มา แมวเป็นตัวของตัวเองสูง โลกส่วนตัวสูง และมีความสร้างสรรค์แบบประหลาดๆ วิธีการนั่งเดินยืนมองแบบประหลาดๆ ผมคิดว่านี่คือตัวของเขา อยากทำก็ทำ อยากไปก็ไป เลี้ยงแมวจึงดูเป็นอะไรที่วาไรตี้ดี (หัวเราะ)” 

กับนิยามของคำว่าบ้าน ในความคิดของเขา บ้านคือสถานที่ที่อยู่แล้วรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องเอาอะไรมาเกี่ยวข้องให้ปวดหัว 

“เมื่อเข้ามาในบ้าน เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ อยากใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ๆ ขาดๆ ก็ทำได้ อยากจะผัดกับข้าว อยากจะล้างจาน อยากจะยกอาหารเสิร์ฟเพื่อน อยากจะวิ่งไล่จับแมว อยากจะนั่งกับพื้น มันคืออาณาจักรส่วนตัว เป็นสถานที่ที่เป็นส่วนตัวจริงๆ เราจึงทำอะไรได้หมด โดยที่เราไม่ต้องระวังใคร กับการอยู่ในสถานที่อื่น เรามักต้องทำหรือต้องเป็นตามความต้องการของคนอื่น เขาอยากให้เราเป็นอะไร ทำอะไร เราทำได้ เป็นได้ เพราะมันคืองาน และเขาจ้างเราไป แต่เรายินดีทำให้นะ ไม่ใช่ฝืนทำ แต่การอยู่บ้าน มันไม่มีธุรกิจ ไม่มีการจ้าง บ้านคือบ้าน อยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองมากนัก เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่”