“โลกียทรัพย์” เป็นเครื่องถ่ายท้อง “อริยทรัพย์” เป็นเครื่องถ่ายเวรถ่ายกรรม
การที่เราพากันเสียค่ารถค่าราเดินทางมาครั้งนี้ อย่าได้คิดว่าเป็นความเหน็ดเหนื่อย ให้คิดว่าเป็นการบุญการกุศลอย่างหนึ่ง “โลกียทรัพย์” นั้นเป็นเพียงเครื่องถ่ายท้อง “อริยทรัพย์” นั้นเป็นเครื่องถ่ายเวรถ่ายกรรม เราแสวงหาอริยทรัพย์ไว้ ก็เพื่อจะได้เป็นเครื่องสำหรับถ่ายทุกข์ ถ่ายโทษของตัวเราเอง ถ้าเราไม่มีอะไรชำระล้างมลทินโทษเหล่านี้ เราก็จะต้องได้แต่ความทุกข์ทับทวีมากขึ้น เช่นเดียวกับคนที่กินๆ เข้าไปท่าเดียวแล้วไม่ได้ถ่ายออกมา มันจะเป็นความทุกข์เพียงไร มลทินโทษของเราก็เช่นเดียวกัน เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายจงพากันสร้างบุญกุศลไว้เพื่อเป็นอริยทรัพย์ สำหรับถ่ายโทษของเราให้หมดสิ้นไป “อริยทรัพย์” เหล่านี้คืออะไร? พูดโดยส่วนรวมแล้ว ก็คือ กาย วาจา ใจ ของเรานี้แหละ ทำให้มันเป็นบุญเป็นกุศลขึ้น กายของเราก็ต้องหล่อหลอมให้เป็นเงางาม ขัดถูด้วยศีลให้สะอาดสดใส, วาจาของเราก็ทำให้เป็นวาจาที่ดี สิ่งใดที่ควรพูดก็พูด สิ่งใดที่ไม่ควรพูดก็อย่าพูด เรื่องราวบางอย่างเป็นเรื่องที่ผู้ฟังชอบ แต่เป็นเรื่องไม่ควรพูด เราอย่าพูด
การที่เราพากันเสียค่ารถค่าราเดินทางมาครั้งนี้ อย่าได้คิดว่าเป็นความเหน็ดเหนื่อย ให้คิดว่าเป็นการบุญการกุศลอย่างหนึ่ง “โลกียทรัพย์” นั้นเป็นเพียงเครื่องถ่ายท้อง “อริยทรัพย์” นั้นเป็นเครื่องถ่ายเวรถ่ายกรรม เราแสวงหาอริยทรัพย์ไว้ ก็เพื่อจะได้เป็นเครื่องสำหรับถ่ายทุกข์ ถ่ายโทษของตัวเราเอง ถ้าเราไม่มีอะไรชำระล้างมลทินโทษเหล่านี้ เราก็จะต้องได้แต่ความทุกข์ทับทวีมากขึ้น เช่นเดียวกับคนที่กินๆ เข้าไปท่าเดียวแล้วไม่ได้ถ่ายออกมา มันจะเป็นความทุกข์เพียงไร มลทินโทษของเราก็เช่นเดียวกัน เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายจงพากันสร้างบุญกุศลไว้เพื่อเป็นอริยทรัพย์ สำหรับถ่ายโทษของเราให้หมดสิ้นไป “อริยทรัพย์” เหล่านี้คืออะไร? พูดโดยส่วนรวมแล้ว ก็คือ กาย วาจา ใจ ของเรานี้แหละ ทำให้มันเป็นบุญเป็นกุศลขึ้น กายของเราก็ต้องหล่อหลอมให้เป็นเงางาม ขัดถูด้วยศีลให้สะอาดสดใส, วาจาของเราก็ทำให้เป็นวาจาที่ดี สิ่งใดที่ควรพูดก็พูด สิ่งใดที่ไม่ควรพูดก็อย่าพูด เรื่องราวบางอย่างเป็นเรื่องที่ผู้ฟังชอบ แต่เป็นเรื่องไม่ควรพูด เราอย่าพูด
เรื่องบางอย่างผู้ฟังไม่ชอบ แต่ควรพูดเราก็ต้องพูด
คนเรามีทั้งส่วนดีและส่วนชั่ว คนที่มีชั่วก็มีดีอยู่บ้าง มิได้ชั่วไปเสียทั้งหมด ต้องมองดูเขาในแง่ดีบ้าง เหมือนลูกไม้บนต้นย่อมมีผลไม่เสมอกัน คนก็ไม่เสมอกัน แต่ต้องทำใจของเราให้เสมอไว้ ใจเราบางครั้งก็ดี บางครั้งก็ไม่ดี ฉะนั้นจงทำใจของเราอย่าให้มีโกรธ โลภ หลง ใครทำได้ก็จะบรรลุผลตามสมควรแก่การปฏิบัติ ต้องขัดใจของเราให้แจ่มใส อย่าให้มีราคะ โทสะ โมหะ อย่าโกรธ เกลียด พยาบาทปองร้ายเขา ปรารถนาดีให้แก่เขาบ้าง แผ่เมตตาอารีให้เขาบ้าง เมื่อกาย วาจา ใจ ของเราเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์หมดจดแล้ว นี้ก็จะเกิดเป็น “อริยทรัพย์” ขึ้นในตัวของเรา บุญทั้งหลายก็จะไหลมาทำความเย็นกายเย็นใจให้แก่ตัวเราเป็นการถ่ายโทษทุกข์ออกไปจากตัวได้
“อริยทรัพย์” นี้ ก็คือที่เรียกว่า “มนุษยสมบัติ” คนที่ไม่มีอริยทรัพย์ ก็เรียกว่า “มนุษยวิบัติ” คือ มนุษย์ที่ไม่เต็มบาท ไม่เต็ม 4 สลึง
การสละทรัพย์นี้แบ่งออกเป็น 2 ก้อน คือ วัตถุภายนอกก้อนหนึ่ง วัตถุภายในก้อนหนึ่ง การสละวัตถุภายนอกที่มีอยู่ เท่ากับผู้นั้นได้ทรัพย์สลึงหนึ่ง การสละวัตถุภายในที่เราควรได้ควรถึง นั่นจัดเป็นทรัพย์อีกสลึงหนึ่ง รวมเป็น 2 สลึง และผลที่ได้รับอันเกิดจากการสละวัตถุทั้ง 2 ก้อนนี้อีก 2 อย่าง ก็เท่ากับได้ทรัพย์อีก 2 สลึง รวมทั้งหมดเป็น 4 สลึง อย่างนี้เรียกว่า เป็น “คนเต็มบาท” ส่วนคนนอกจากที่กล่าวนี้ ก็มักจะเกินบาทบ้าง ไม่ถึงบาทบ้าง ที่ “เกินบาท” นั้น ก็คือพวกที่สละมากเกินไป เช่น คนที่สุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักมัธยัสถ์จับจ่าย บางสิ่งที่ควรจะเก็บรักษาไว้ได้ถึง 3 วัน ก็ใช้เสียหมดภายใน 3 ชั่วโมง ในด้านจิตใจก็เป็นผู้เสียสละมากเกินไป “คนไม่เต็มบาท” ก็คือคนที่กินแล้วนอน ทานวัตถุสิ่งของอะไรก็ไม่อยากบริจาค เวลาที่ควรจะทำความดีก็ไม่ทำ ปล่อยให้ล่วงไปเปล่า เช่นนี้เป็นบุคคลไม่เต็ม 4 สลึง เพราะบุญกุศลที่ควรจะได้เต็มที่ก็ได้ไม่เต็ม บุคคล 2 จำพวกนี้ ไม่จัดเป็นบุคคลที่สมบูรณ์
รวมความแล้ว “อริยทรัพย์” ก็คือ “การเสียสละ” ทรัพย์ที่เรายังไม่ได้เสียสละนั้น นับว่าไม่ใช่ทรัพย์ของเรา เพราะเงินที่มีอยู่กับตัวนั้น บางทีคนร้ายอาจมาปล้นมาฆ่าแย่งชิงเอาไปก็มี อยู่ในมือตัวเองยังตกหายไปจากมือก็มี หรืออยู่ในกระเป๋าเสื้อกางเกง แต่เสื้อมันขาดกระเป๋ามันรั่วก็ตกหายไปเสียก็มี
นี่จึงเรียกว่ามันยังไม่ใช่เป็นทรัพย์ของเราแท้จริง เพราะเป็นทรัพย์ที่ไม่แน่นอน เป็นทรัพย์ที่วิบัติได้
“ศาสนา” เป็นของๆ โลก ไม่ใช่ของโดยเฉพาะสำหรับประเทศใด เมืองใด หรือบุคคลใด พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติศาสนาไว้ครอบโลกทั่วถึงกันหมด ฉะนั้นเราอย่านึกประมาทว่า ตัวของเราคนเดียวนี้ จะช่วยพระศาสนาได้อย่างไร ต้องเข้าใจว่า ตัวเราคนเดียวนี้แหละ เมื่อทำความดีแล้ว ย่อมเป็นการช่วยคนได้ทั้งหมู่ ฉะนั้นให้พากันตั้งหน้าทำความดีไว้ให้มากๆ เพื่อจะได้เป็นการช่วยตนเองและพระศาสนา ทุกคนจงพากันเป็นผู้เสียสละ เราสละเวลามาอยู่วัด 3 เดือนนี้ เราอาจจะหาเงินได้หลายร้อย เรายอมสละเสีย ไม่เอา ตั้งหน้ามาเก็บบุญกุศลทางจิตใจ อย่างนี้เราก็จะเป็นผู้มีอริยทรัพย์แล้ว
อนึ่ง การอยู่ร่วมกันต้องมีการให้อภัยกัน ทุกคนมีทั้งดีทั้งชั่ว ถ้าเรามองไปพบความชั่วของเขา ก็จงพลิกตากลับไปมองทางดีของเขาเสียบ้าง ผลไม้ทั้งต้นยังมีส่วนดีไม่เท่ากัน กาย วาจา ใจ ของคนเราก็มีส่วนดีชั่วไม่เสมอกัน แต่เราอย่าไปยึดถือเสียงภายนอก ใครจะว่าดีหรือไม่ดี หรือเขาจะด่าให้ก็ไม่รับเอา ส่งคืนให้เขาไป “หมาที่เห่ากลางทาง” เตะมันทิ้งเลย.
ความเจ็บไข้นั้นเป็นของดี เป็นเครื่องค้ำจุนพระศาสนา
ถ้าคนเราไม่เจ็บไม่ป่วย ก็คงไม่มีใครนึกถึงพระพุทธเจ้า ไม่นึกถึงวัดถึงวากัน


