หญิงญี่ปุ่นยุคใหม่ โฮริคิตะ มากิ

โดย...รอยนวล

ค่ำคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ ช่องไทยพีบีเอสมีแม่เหล็กไว้คอยดึงดูดคอละครญี่ปุ่นไม่ให้กดรีโมทไปไหน นั่นก็คือ ซีรีส์เรื่อง “Doctor Ume : คุณหมอหน้าใส หัวใจนักสู้”

Doctor Ume หรือ Umechan Sensei ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NHK เมื่อ 2 ปีที่แล้วก่อนนำมาฉายให้คนไทยได้ดูกัน ซีรีส์น้ำดีชุดนี้นำเสนอเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในโตเกียวช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 สาวน้อย ชิโมะมุระ อุเมะโกะ ดำเนินรอยตามผู้เป็นพ่อด้วยการเรียนหมอ แม้จะไม่มั่นใจในตัวเองนัก แต่เธอก็มุ่งมั่นทำหน้าที่หมอให้ดีที่สุด ระหว่างออกอากาศที่ญี่ปุ่น Umechan Sensei เป็นละครเช้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากมีเรื่องราวน่าติดตามแล้ว นักแสดงหลายคนก็โดดเด่นมากๆ รวมทั้งดาราสาวหน้าหวาน “โฮริคิตะ มากิ” ซึ่งรับบทบาท อุเมะโกะ

โฮริคิตะ มากิ เป็นสาวโตเกียวที่ตอนเป็นเด็กๆ ใครก็คิดว่า เธอเป็นทอมบอย เพราะว่า มากิ ชอบเล่นเหมือนเด็กผู้ชาย เธอชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอลและเบสบอล มากิ เป็นถึงรองประธานชมรมบาสเกตบอลของโรงเรียน ภายหลังเธอเปิดใจผ่านทางรายการโทรทัศน์ว่า ท่าทีแมนๆ ของ มากิ นั้นมาจากการลอกเลียนแบบแม่ของเธอตอนยังเป็นเด็กๆ

สาววัย 25 ปีคนนี้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เริ่มต้นจากงานถ่ายแบบก่อนจะกระโดดเข้าสู่วงการแสดง เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากละคร เรื่อง Nobuta wo Produce หรือ ปฏิบัติการโนบุตะ เปลี่ยนเธอให้สวยปิ๊ง ซึ่งเธอรับบทเป็นเด็กนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ แล้วถูกนักเรียนห้องเดียวกันกลั่นแกล้ง เพื่อนนักเรียนชาย 2 คนก็เข้ามาช่วยเปลี่ยนเธอเป็นคนดังของโรงเรียนเพื่อที่จะได้ไม่ถูกแกล้งอีกต่อไป บทบาทจากเรื่องนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงหญิงสมทบยอดเยี่ยมจากเทเลวิชั่น อะคาเดมี อะวอร์ดส นอกจากนั้นยังมีหนัง เรื่อง Always: Sunset on Third Street ซึ่งเธอได้รับรางวัลหน้าใหม่จากเจแปน อะคาเดมี่ บทนักเรียนกฎหมายใน Kurosagi และบทสาวที่ปลอมตัวเป็นหนุ่มใน Hanazakari no Kimitachi e ก็ทำให้เธอโด่งดังยิ่งขึ้น ฝีไม้ลายมือทางด้านการแสดงของเธอเป็นที่ยอมรับโดยมีรางวัลต่างๆ มากมายการันตี เธอถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Women of the Year ของญี่ปุ่นเมื่อปี 2007 มากิ ยังมีประสบการณ์ทำงานกับทีมจากต่างประเทศ “ฉันอยากจะไปทำงานที่ต่างประเทศนะ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่า งานในอนาคตของฉันจะเป็นอย่างไรบ้าง”

ผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุดของ โฮริคิตะ มากิ คือ การกลับมารับบทนำในซีรีส์เช้ายอดนิยมและมีเรตติ้งสูง เรื่อง Miss Pilot เธอแสดงเป็นนักบิน ละครเรื่องนี้ยังนำเสนอภาพของผู้หญิงญี่ปุ่นยุคใหม่ซึ่งต้องรับมือกับความไม่เท่าเทียมทางเพศในหลายมุม ทั้ง Doctor Ume และ Miss Pilot ทำให้ โฮริคิตะ มากิ กลายเป็นไอดอลของผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย

“ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีถ้ามีสภาพแวดล้อมที่เราสามารถทำในสิ่งซึ่งเราต้องการโดยไม่คำนึงถึงเพศ ส่วนตัวฉันมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับผู้หญิงหลายคน ฉันรู้สึกว่า ตอนนี้มีผู้หญิงมากกว่าเมื่อก่อนที่ทำงานโดยใช้แรงกาย เช่น ช่างภาพและฝ่ายแสง”

สำหรับ มากิ ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องของความคิด “ถ้าเรามีความคิดอย่าง คุณเป็นผู้หญิง หรือคุณเป็นผู้ชาย มันก็ยากที่จะรู้สึกสบายใจ” ปัจจุบันดาราสาวทำงานอยู่ภายใต้เอเยนซี่ซึ่งมีผู้บริหารเป็นผู้หญิงและพนักงานเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง “มีความแตกต่างชัดเจนระหว่างชายและหญิง ฉันคิดว่ามันคงจะดี ถ้าเราสามารถเคารพซึ่งกันและกัน”

งานชิ้นต่อไปที่จะออกมาช่วงปลายปีนี้คือหนัง เรื่อง With Mugiko งานกำกับของ เคอิสุเกะ โยชิดะ “หนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแม่และลูกสาว คือ แม่หนีไปตอนที่ลูกสาวยังเด็กมาก ทิ้งให้ลูกอยู่กับพ่อและพี่ชาย เธอจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่มากนัก เมื่อลูกสาวโตขึ้นและพ่อเสียไป แม่ก็กลับมา เธอจึงไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับแม่ ต่อมาแม่ก็เสีย ลูกสาวก็กลับไปยังบ้านเกิดของแม่เพื่อนำเถ้ากระดูกไปฝังจึงได้รู้จักว่า จริงๆ แล้วแม่ของเธอเป็นคนยังไง”

เชื่อว่าหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำภาพของ โฮริคิตะ มากิ ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่ของญี่ปุ่นอีกครั้ง

โฮริคิตะ มากิ ได้ชื่อว่าเป็นดาราที่มีภาพลักษณ์ใสๆ มาตลอด แต่เมื่อตอนอายุครบ 25 ปี เธอก็ออกอัลบั้มภาพซึ่งมีหลายช็อตแสดงความเซ็กซี่เล็กๆ ออกมาให้ปรากฏ “มันเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับฉัน เพราะปกติฉันจะไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่เปิดให้เห็นหน้าท้องหรือหลังเลย ฉันรู้สึกอึดอัดไม่สบายเวลาสวมใส่เสื้อผ้าแบบนั้น” จากรูปดังกล่าวทำให้เธอได้รับคำชมเรื่องการดูแลรักษาหุ่น “ฉันชอบวิ่งและบริหารกล้ามเนื้อนิดหน่อย แต่ไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ยิมนะ”

ในเรื่องชีวิตส่วนตัวมีข่าวว่า โฮริกิตะ มากิ คบหาอยู่กับ ซากุราอิ โช สมาชิกวง อาราชิ ไอดอลชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นหลังจากที่ได้แสดงละครด้วยกันเมื่อ 4 ปีก่อน เมาท์มอยกันว่า พวกเขามีแผนที่จะแต่งงานกันในเร็ววัน แต่จนถึงตอนนี้ดาราสาวและนักร้องหนุ่มต่างก็ปิดปากเงียบ แฟนคลับทั้งหลายจึงได้แต่ “จิ้น” กันไป