เนื้อวัว ฟุตบอล เทนนิส และ ฮวนมาร์ติน เดล โปโตร
โดย...ทีมข่าวกีฬา
โดย...ทีมข่าวกีฬา
“ผมเป็นหนี้บุญคุณตันดิล” ฮวนมาร์ติน เดล โปโตร กล่าวหลังพาร่างสูงชะลูดถึง 198 เซนติเมตร ก้าวลงจากหลังคารถเปิดประทุนสุดกิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร และก้าวขึ้นไปปรากฏตัวต่อหน้าชาวเมืองตันดิลราว 4 หมื่นชีวิตที่มารอต้อนรับฮีโร่ของพวกเขา
นั่นมันคือเศษ 1 ส่วน 3 ของประชากรเมืองตันดิลทั้งหมดเลยนะนั่น
“ผมไม่อยากจะร้องไห้ออกมาหรอกนะครับ แต่ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ตากอากาศหนาวรอผมอยู่ตามท้องถนนที่วิ่งตามผมมาตลอดเส้นทางเพื่อกล่าวทักทาย” เดล โปโตร กล่าวหลังเสร็จสิ้นขบวนแห่บนรถดับเพลิงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาห่างจากกรุงบัวโนสไอเรสออกไปราว 250 ไมล์ นอกจากตันดิลจะเป็นแหล่งเนื้อวัวชั้นดีแล้ว มีหินมหัศจรรย์ “มูฟวิง สโตน” เป็นเอกลักษณ์แล้ว เมืองนี้ยังเป็นแหล่งผลิตนักเทนนิสอาชีพป้อนเข้าสู่วงการลูกสักหลาดชายระดับโลกอย่างเอทีพีมาหลายราย ไม่ว่าจะเป็น มาริอาโน ซาบาเลตา, ดิเอโก ฮุนเกวรา, มักซิโม กอนซาเลซ, ฮวน โมนาโก และล่าสุดที่โด่งดังเปรี้ยงปร้าง เดล โปโตร
เดล โปโตร รูปหล่อ ผู้มีผมสีเข้มและคิ้วคมกริบ ที่จะฉลองวันเกิดปีที่ 21 กลางสัปดาห์นี้
เดล โปโตร ผู้เอาชนะ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในรอบชิงชนะเลิศเทนนิสยูเอส โอเพน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เอาชนะ ราฟาเอล นาดาลมาในรอบรองชนะเลิศก่อนหน้านั้น
เดล โปโตร ผู้บันทึกประวัติศาสตร์เป็นนักหวดตัวสูงที่สุดที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลม เป็นคนแรกที่เอาชนะได้ทั้งเฟเดอเรอร์และนาดาลในรายการเดียวกัน และ เดล โปโตร ผู้คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลเหมือนกับชาวเมืองตันดิลทั่วไป แปลว่าเขาจะต้องเป็นสักขีพยานความปราชัยครั้งแล้วครั้งเล่าของทีมชาติอาร์เจนตินาในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 รวมทั้งความพ่ายแพ้ให้กับบราซิล คู่แข่งสำคัญในแมตช์สำคัญแน่ๆ
“ดูครับ แต่ผมขอไม่พูดถึงนะ”
คุณพ่อของเดล โปโตร รับประทานมังสวิรัติ และเป็นนักรักบี้ระดับกึ่งอาชีพ ส่วนคุณแม่สอนวิชาวรรณคดี ด้วยความที่เดลโปโตร หลงใหลในกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และยังชอบเล่นรักบี้กับบาสเกตบอลด้วยนั้น เขาจึงกลายเป็นยอดนักหวดระดับโลกได้ในที่สุด
โค้ช มาร์เซโล โกเมซ ที่สอนวิธีจับแร็กเกตให้กับเดล โปโตร มาจนถึงเมื่อ2 ปีที่แล้ว เล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ของเขาจะต้องเดินผ่านคอร์ตเทนนิสที่คลับอินดีเพนเดนเต เด ตันดิล เพื่อที่จะไปเตะฟุตบอล
“สุดท้ายแล้วเขาก็ลองเล่นเทนนิสดูบ้าง” โกเมซ กล่าว
“ตอนนั้นก็บอกได้แล้วว่า เขาใจแข็งเหมือนเหล็ก มีพละกำลังยอดเยี่ยม แรงปรารถนา พลัง และสมาธิของเขาทำให้ผมคิดในใจว่า เด็กคนนี้จะต้องโดดเด่นในกีฬาเทนนิส เหมือนกับที่เขาทำได้ในฟุตบอล เขามักจะอยากแข่งกับเด็กที่โตกว่า 3-4 ปี และเขาก็จะชนะด้วย สภาพจิตใจเขาแข็งแกร่งมาก นั่นล่ะที่ทำให้เขาชนะเฟเดอเรอร์”
แม้กระทั่งครูสอนเทนนิสคนหนึ่งของคลับยังเล่าให้ฟังเลยว่า เขาแข่งกับ เดล โปโตร มาสักพันครั้งได้ และเอาชนะเจ้าเด็กนี่ได้เพียงหนเดียวเท่านั้น
ขณะที่ ฮอราซิโอ มอร์โรเน ประธานคลับแห่งนี้ บอกว่า แม้เดล โปโตรจะรูปร่างสูงโย่งกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก แต่เขาก็เล่นฟุตบอลได้เก่งไม่เบา เป็นดาวซัลโวตัวเอ้
“ถ้าฮวน มาร์ติน ยังเล่นฟุตบอลต่อไปละก็ เขาจะเป็นอย่างมาราโดนา หรือไม่ก็เปเล่ได้เลย” มอร์โรเน กล่าว
ขณะที่เดล โปโตร กล่าวถึงความสามารถในกีฬาลูกหนังของตัวเองว่าเขาทำได้ดีกว่าเล่นเทนนิสเสียอีก
“ไม่รู้ว่าผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ยไม่รู้สิ พ่อบอกว่าแกไปเล่นเทนนิสเลยผมก็เลยมาอยู่ที่นี่ ล้อเล่นน่ะครับ”
อ้าว...แล้วเรื่องจริงล่ะ
“ก็งั้นๆ ตอนนี้ผมขยับแข้งขาเตะบอลไม่ได้แล้ว” แม้ระหว่างแข่งขันเขาจะเป็นนักหวดที่ดุดัน แต่ยามให้สัมภาษณ์ เดล โปโตร จะพูดภาษาสเปนอย่างนุ่มนวล จนผู้สื่อข่าวอดถามไม่ได้ว่า ในชีวิตจริงเนี่ยตะโกนหรือว่าโกรธเป็นกับเขาบ้างไหม
“อ้อ แหงสิครับ ตอนที่ผมอยู่ในห้องแต่งตัว...ผมทำเรื่องแย่ๆ แต่บอกไม่ได้หรอก”
เราจะย้อนไปถึงชัยชนะเหนือเฟเดอเรอร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากันสักหน่อย แน่นอน หลายคนจำได้ดีว่าเดล โปโตร ทิ้งตัวลงนอนกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้
สำหรับผู้ที่ผ่านประสบการณ์สำลักความสุข เมื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นจริงขึ้นมา ย่อมรู้ดีว่าน้ำตาในอารมณ์นี้มันช่างแสนดีแค่ไหน
“คือตอนที่ผมนอนอยู่กับพื้น หลายสิ่งหลายอย่างวิ่งเข้ามาในหัว อันดับแรกคือครอบครัว เพื่อนๆ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไงดี เพราะว่ามันคือความฝันของผม ความฝันของผมที่เป็นจริง ผมจะได้กลับบ้านพร้อมถ้วยรางวัล และมันก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดในชีวิต”
นอกจากได้โทรฟีกลับบ้านแล้วเดล โปโตร ยังรับเงินรางวัลเข้ากระเป๋าไปอีก 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 54.4 ล้านบาท ซึ่งเขาบอกว่าจะเอาไปซื้อชีสเค้กฉลองวันเกิดในวันพุธนี้ ส่วนที่เหลือยังไม่มีแผนการใดๆ
ณ วันนี้ เดล โปโตร ได้ปรุงแต่งภาพลักษณ์จากเมืองตันดิลเล็กๆ แหล่งเนื้อวัวชั้นเลิศให้กลายเป็น “เมืองแห่งเดลโปโตร” (อย่างที่ชาวเมืองคนหนึ่งบอก) ด้วยอีกอย่าง และเพิ่ม “หอคอยตันดิล” (ฉายาที่ชาวเมืองตั้งให้ เดล โปโตร) เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเคียงข้างก้อนหินมูฟวิง สโตน
แล้วชีวิตหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ของเดล โปโตร เป็นอย่างไรบ้าง
“ตอนนี้เร็วเกินกว่าจะอธิบายได้ครับ อาจจะต้องเป็นพรุ่งนี้ อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า ผมถึงจะเชื่อเรื่องนี้ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ครับ ผมไม่เข้าใจอะไรเลย”


