posttoday

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

03 สิงหาคม 2557

มีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้ไปเยือน จ.อุดรธานี ในโครงการ “มายามอุดรฯหนองคาย สบายดีเวียงจันทน์”

โดย...มีนา

มีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้ไปเยือน จ.อุดรธานี ในโครงการ “มายามอุดรฯหนองคาย สบายดีเวียงจันทน์” ที่จัดโดย ธนกร วีรชาติยานุกูล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี ทำให้พบเห็นความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวของ จ.อุดรธานี ที่มีหลายแหล่งน่าท่องเที่ยว และได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับ 5,000 ปีทีเดียว โดยเฉพาะ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง” อันเป็นแหล่งรวมวัตถุโบราณที่ขุดค้นพบในบริเวณ เช่น มรดกโลกบ้านเชียง แหล่งที่ขุดค้นทางโบราณคดีชิ้นสำคัญสะท้อนถึงอารยธรรมของคนในถิ่นนั้นมีอยู่หลายแหล่งด้วยกัน อาทิ บ้านไทยพรวน ร่วมทั้งวัดโพธิ์ศรีใน อ.หนองหนาน จ.อุดรธานี ที่กรมศิลปากรได้ทำการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียงหลายครั้ง แล้วค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์ที่ฝังรวมกับสิ่งของเครื่องใช้มากกว่า 400 หลุม กรมศิลปากรจึงอนุรักษ์ไว้และจัดแสดงหลุมขุดค้นในลักษณะพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง มีการขุดค้นเพิ่มเติมและสร้างอาคารคลุมเมื่อปี 2535 แต่อยู่ได้เพียง 5 ปี ต่อเมื่อเกิดอุทกภัยจึงถูกน้ำซึมเข้าหลุมขุดค้นจนโบราณวัตถุที่จัดแสดงไว้ได้รับความเสียหาย กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการเก็บโบราณวัตถุขึ้นมาทำการอนุรักษ์ตั้งแต่ปี 2546 โดยเก็บรวบรวมและจัดแสดงไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ถ้าหากใครสนใจศึกษาเรื่องชาติพันธุ์จะพบว่า โบราณวัตถุต่างๆ เป็นของคนในยุคอดีตที่ย้อนกลับไปนานถึง 5,000 ปีก่อน ซึ่งมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่บนเนินดินที่เป็นสถานที่ตั้งของบ้านเชียงในปัจจุบัน ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ หาของป่า ทำการเกษตร เช่น เลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าว การหัตถกรรม เช่น ทำเครื่องปั้นดินเผา ทอผ้า และจักสาน เป็นต้น

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง” จึงเป็นแหล่งจัดแสดงหลักฐานที่ได้จากการสำรวจขุดค้นพบ ณ บ้านเชียง และแหล่งโบราณคดีใกล้เคียง อันประกอบด้วยกลุ่มภาชนะดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย จุดเริ่มต้นของการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง มาจากการพบภาชนะลายเขียนสี เมื่อปี 2503 โดยชาวบ้านเชียง ต่อมาปี 2509 ชาวอเมริกันได้พบภาชนะดินเผาที่บ้านเชียงโดยบังเอิญ จึงนำไปแจ้งที่กรมศิลปากร ปี 2510 จึงได้มีการขุดค้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกปี 2515 ได้ขุดค้นเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จทอดพระเนตรแหล่งขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน พร้อมกับแหล่งอื่นในบ้านเชียง และครั้งสุดท้ายปี 2517-2518 กรมศิลปากรร่วมกับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ร่วมมือขุดค้นและหาข้อมูลใหม่เพิ่มเติม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จึงได้เริ่มจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมา

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ปัจจุบันมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 25 ไร่ คือ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง หลุมขุดค้นทางโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน และบ้านไทพวน ด้วยเหตุผลที่คนบ้านเชียงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้มีหลักฐานและชีวิตความเป็นอยู่ที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมของคนยุคนั้น ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้เป็นอย่างดี คณะกรรมการมรดกโลกได้ร่วมกันตกลงยอมรับให้ขึ้นบัญชี “แหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง” ไว้เป็นแหล่งหนึ่งในบรรดามรดกโลก เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 359 ของโลก เมื่อปี 2535 เฉพาะที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง มีส่วนจัดแสดงภายในอาคารต่างๆ มากมาย เช่น อาคารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อาคารกัลยาณิวัฒนา นับเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการชิ้นสำคัญๆ ของบ้านเชียง 9 หัวข้อ ด้วยกัน ได้แก่ ส่วนที่ 1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับบ้านเชียง เป็นที่จัดแสดงเรื่องราวเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านเชียง เมื่อปี 2515 และทรงเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรอย่างใกล้ชิด ส่วนจัดแสดงที่ 2 การดำเนินงานทางโบราณคดีที่บ้านเชียง บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของการทำงานด้านโบราณคดีที่บ้านเชียง ส่วนจัดแสดงที่ 3 การปฏิบัติทางโบราณคดีที่บ้านเชียง จัดแสดงบรรยากาศการทำงาน ณ หลุมขุดค้นที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อาทิ การคัดแยก การวิเคราะห์โบราณวัตถุ เป็นต้น

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

สำหรับส่วนจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจ คือ ส่วนที่ 5 โบราณวัตถุจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดโพธิ์ศรีใน เป็นการจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากการขุดเรียงลำดับตามอายุสมัยทั้งภาชนะดินเผา เครื่องมือและเครื่องประดับที่ทำจากหิน เครื่องประดับสำริด และเครื่องมือเหล็ก ฯลฯ ซึ่งที่วัดโพธิ์ศรีในนับเป็นแหล่งที่ขุดค้นพบหลุมฝังศพมากที่สุด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ฝังศพ ป่าช้าหรือสุสานของมนุษย์เมื่อ 5,000 ปีก่อน คือ เมื่อสมาชิกในครองครัวเสียชีวิตลงก็จะนำมาฝัง บางครั้งพบว่ามีการนำเศษภาชนะชิ้นใหญ่มาวางเรียงตั้งเป็นแนวขอบหลุมปูรองหรือคลุมศพ บางศพมีการนำเอาเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ และอาหารฝังรวมเป็นของอุทิศ ได้แก่ เครื่องมือทำอาชีพต่างๆ ภาชนะดินเผา กำไลและปลอกคอสำริด กรามหมู กะโหลกหมู และข้าว

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

การไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง แห่งนี้ทำให้เราได้ความรู้ว่า สมัยปลายราว 2,000-1,800 ปีก่อน ประเพณีการฝังศพในสมัยปลายนิยมฝังแบบนอนหงายเหยียดยาว แล้วนำภาชนะดินเผาทับไว้บนร่าง ในช่วงต้นของสมัยปลายนิยมผลิตภาชนะดินเผาที่เขียนลวดลายสีแดงบนพื้นขาวนวล แต่ช่วงกลางของสมัยปลายเป็นต้นมานิยมผลิตภาชนะดินเผาที่ตกแต่งด้วยลายเขียนสีแดงบนพื้นสีแดง นอกจากนี้ยังพบว่าการฝังศพเด็กในสมัยปลายของวัฒนธรรมบ้านเชียงนั้น มีการนำเอาลูกกลิ้งดินเผาสลักลวดลายต่างๆ มาฝังรวมด้วย

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

‘พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง’ แหล่งเรียนรู้อารยธรรมยุค 5,000 ปี

 

ข่าวล่าสุด

นาวิกโยธินเจ็บเหยียบกับระเบิด บ้านหนองรี หลังเคลียร์พื้นที่คืนจากกัมพูชา