posttoday

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

24 กรกฎาคม 2557

ปี 2556 มีกองถ่ายต่างประเทศเข้ามาใช้โลเกชั่นในประเทศไทยประมาณ 700 เรื่อง

โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย 

ปี 2556 มีกองถ่ายต่างประเทศเข้ามาใช้โลเกชั่นในประเทศไทยประมาณ 700 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์ สารคดี โฆษณา มิวสิกวิดีโอ และซีรีส์ แล้วตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?

การถ่ายทำภาพยนตร์และวีดิทัศน์ทุกชนิดจากต่างประเทศ (ยกเว้นการทำข่าว) ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 2551 โดยกองกิจการภาพยนตร์ในกรมการท่องเที่ยว จะทำหน้าที่เป็นเลขานุการรับเรื่องมาแล้วส่งต่อให้คณะกรรมการอีกที ทั้งนี้การขออนุญาตในขั้นแรกกองถ่ายต่างประเทศไม่สามารถขอเองได้ ต้องผ่านบริษัทหรือบุคคลที่จดทะเบียนกับกองกิจการภาพยนตร์เท่านั้น และบริษัทที่ขออนุญาตให้ต้องทำหน้าที่ประสานงานและรับผิดชอบในการถ่ายทำทั้งหมด

อุบลวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์ เผยว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีการลงทุนจากการถ่ายทำต่างประเทศสูงสุดในรอบ 10 ปี คือมีรายได้ถึง 2,173 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 700 เรื่อง ส่วนในครึ่งปีแรกนี้ทำรายได้ไปแล้วประมาณ 800 ล้านบาท หมายความว่าแต่ละเดือนมีการถ่ายทำในไทยเกือบ 60 เรื่อง ซึ่งโลเกชั่นยอดฮิต 5 อันดับแรกก็หนีไม่พ้นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

 

อันดับ 1 กรุงเทพฯ และปริมณฑล

กรุงเทพฯ เล็กนิดเดียว แล้วกองถ่ายหนังนอก (หมายถึงกองถ่ายต่างประเทศทุกชนิด) หลุดพ้นสายตาคนกรุงไปได้อย่างไร อุบลวรรณ คลายฉงนว่า เพราะการเข้ามาใช้สตูดิโอในกรุงเทพฯ และลงพื้นที่รอบๆ เมืองอย่างนนทบุรีและสมุทรปราการ การถ่ายทำในสตูดิโอต้องอาศัยแผนกศิลป์ แผนกก่อสร้างที่มีฝีมือ ซึ่งเรื่องนี้ไทยเป็นที่ยอมรับจากต่างชาติ กุลเทพ นฤหล้า รักษาการนายกสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ (หรือสมาคมผู้ประกอบการที่สามารถขออนุญาตแทนได้) ได้ยกตัวอย่างการถ่ายทำหนังโฆษณาเกี่ยวกับเส้นผมที่มีเข้ามาถ่ายในไทยเป็นจำนวนมาก เพราะฝีมือการทำผมของคนไทยเป็นที่ยอมรับจากต่างชาติ นอกจากนี้ไทยยังมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและความสามารถของบุคลากรที่เหนือชั้นกว่าประเทศเพื่อนบ้านและถูกกว่าการไปถ่ายทำในประเทศตะวันตก

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

 

อันดับ 2 พัทยา ชลบุรี

พัทยาเป็นโลเกชั่นยอดนิยมของภาพยนตร์อินเดียมากที่สุด ด้วยความเป็นเมืองแห่งความบันเทิง มีทะเลที่ยังสวย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งที่พัก อาหารการกิน และการเดินทาง ทำให้พัทยาง่ายต่อการบริหารจัดการ

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

 

อันดับ 3 กระบี่

ความหลากหลายของธรรมชาติที่มีทั้งภูเขา หน้าผา ป่าไม้ และทะเล ทำให้ จ.กระบี่ เป็นโลเกชั่นที่กองถ่ายหนังนอกเลือกใช้ เช่น หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี ไร่เลย์ ในเขตพื้นที่ป่าที่ยังสมบูรณ์ และอ่าวมาหยาที่ดังมากขึ้นเพราะหนังเรื่อง The Beach ภาพยนตร์เรื่องนี้ปักหลักถ่ายทำที่อ่าวมาหยานานถึง 3 เดือน โดยมี ลีโอนาโด ดิคาปริโอ เป็นตัวเอก ภาพที่ออกไปทำให้คนทั่วโลกรู้จักกระบี่และอ่าวมาหยา แต่ก็มีเสียงวิจารณ์อย่างหนักในเมืองไทยเกี่ยวกับการทำลายธรรมชาติเพื่อทิวทัศน์ในการถ่ายทำ

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

 

อันดับ 4 เชียงใหม่

บ่อยครั้งที่เชียงใหม่ถูกสมมติให้เป็นประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าและกัมพูชา ด้วยสภาพป่าไม้และภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกัน แต่เชียงใหม่สามารถจัดการถ่ายทำได้สะดวกกว่า และมีจำนวนมากเช่นกันที่กองถ่ายเลือกเชียงใหม่เพราะความเป็นเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือสถาปัตยกรรมล้านนา อย่างเรื่อง Lost in Thailand ที่มีชื่อภาษาไทยว่า แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์ เป็นภาพยนตร์จีนที่ใช้เชียงใหม่เป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก

หลังจากภาพยนตร์ได้ฉายออกไป ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนตามรอยหนังไปเที่ยวเชียงใหม่มากถึง 2.7 ล้านคน ในปี 2556 โดยจะเน้นไปที่การถ่ายภาพประตูท่าแพ ดอยสุเทพ ไนท์บาร์ซา ถ่ายภาพที่อ่างแก้วในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วัดพระสิงห์ เที่ยวถนนคนเดิน และกินข้าวเหนียวมะม่วง

ภาพยนตร์ยังส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนพฤติกรรม จากเมื่อก่อนที่เมื่อมาเมืองไทยครั้งแรกจะไปพัทยา มาครั้งที่สองจะไปภูเก็ต เปลี่ยนเป็นไปเชียงใหม่ตั้งแต่ครั้งแรก โดยนักท่องเที่ยวจีน 95% จะเที่ยวด้วยตัวเอง และจะนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ตามแบบภาพยนตร์ (ข้อมูลจากงานวิจัย Modern Chinese Tourist Behaviors in Chiang Mai after the Movie “Lost in Thailand”)

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

 

อันดับ 5 ภูเก็ต

จังหวัดที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุด แต่ดึงความสนใจจากกองถ่ายหนังนอกได้ไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะภูเก็ตค่อนข้างพลุกพล่าน ตรงข้ามกับความต้องการของกองถ่ายที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และนอกจากชายหาดแล้ว ภูเก็ตยังมีโรงแรมหลายระดับให้เป็นที่ถ่ายทำ อย่างฉากถนนข้าวสารในเรื่อง The Beach ก็ใช้โรงแรมเล็กๆ ในภูเก็ตแทน

นอกจาก 5 อันดับโลเกชั่นถ่ายทำหนังนอกแล้ว ที่ไม่ติดโผแต่ปรากฏในหนังชัดเจนก็มีอย่างในเรื่อง The Man with the Golden Gun (เจมส์ บอนด์ ตอน เพชรฆาตปืนทอง) หนังเก่าตั้งแต่ปี 2517 ที่ทำให้เขาตะปู จ.พังงา เป็นที่รู้จักในนามเกาะเจมส์ บอนด์ จนถึงปัจจุบันนี้ หรือภาพยนตร์เรื่อง The Railway Man หรือแค้นสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่เพิ่งฉายในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แสดงนำโดย โคลิน เฟิร์ธ และ นิโคล คิดแมน ก็ถ่ายทำบริเวณ กม.58 จ.กาญจนบุรี สุสานทหารสัมพันธมิตร โรงงานกระดาษ และช่องเขาขาด โดยปักหลักถ่ายทำนาน 8 เดือน ทุ่มทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างฉากสงครามและฉากทางรถไฟสายมรณะให้สมจริง

กุลเทพ กล่าวในฐานะที่ทำงานร่วมกับกองถ่ายหนังนอก ว่า การถ่ายทำแต่ละครั้งเหมือนการลงทุนจากต่างชาติและกระจายรายได้ไปให้ทุกคน ตั้งแต่แม่บ้าน คนขับรถ แม่ค้า เรียกว่ากระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุดหนีไม่พ้นสหรัฐ จากการถ่ายทำหนังฮอลลีวูด นอกนั้นก็จะเป็นอินโดนีเซีย จีน สิงคโปร์ ยุโรป ส่วนประเทศที่เข้ามาถ่ายทำบ่อยแต่การลงทุนไม่มากก็มี เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย ปากีสถาน ที่เข้ามาถ่ายทำโฆษณาปีละประมาณ 90 เรื่อง

ด้าน อุบลวรรณ คาดหวังว่า การที่หนังนอกเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คนทั่วโลกรู้จักแบบไม่ต้องลงทุน ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เผยแพร่ออกไปแล้วคนได้เห็น หรือทีมงานที่เข้ามาถ่ายทำจะกลับไปชวนคนอื่นกลับมาเที่ยวเมืองไทย อย่างไรก็ตามอดีตมีให้เห็นแล้วทั้งเรื่องธรรมชาติถูกทำลายจากการถ่ายทำ และนักท่องเที่ยวตามรอยหนังจนกระทบแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ต้องตระหนักควบคู่กันไปกับการส่งเสริม

ตามรอยหนังนอก 5 ทำเลฮอตในไทย

 

ข่าวล่าสุด

สกัดท่อน้ำเลี้ยง: จากอ่าวไทยสู่ช่องเม็ก ปิดเส้นทางน้ำมันสู่กัมพูชา