posttoday

กถาวัตถุ 10

01 มิถุนายน 2557

สถานการณ์บ้านเมืองที่ต้องการความสมานฉันท์นั้น คงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ยาก

สถานการณ์บ้านเมืองที่ต้องการความสมานฉันท์นั้น คงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ยากหากต่างฝ่ายต่างไม่หันหน้ามาร่วมมือกัน รวมทั้งการลดละเลิกการพูดคุย แสดงความเห็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ในทางพุทธศาสนานั้น ก็มีการแสดงถึงเรื่องที่ควรกล่าว และไม่ควรกล่าว โดยการสนทนาถึงเรื่องบางอย่างก็อาจเป็นเหตุทำให้เกิดกิเลสได้หรือทวีความรุนแรงของกิเลสได้เช่นกัน การสนทนาที่อาจก่อให้เกิดกิเลส จัดอยู่ในเรื่องที่เรียกว่า “เดรัจฉานกถา” โดยเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ “กถา” นั้นหมายถึงเรื่องที่กล่าว และ “เดรัจฉาน” หมายถึง เป็นไปขวางต่อการบรรลุธรรม

สนทนา เดรัจฉานกถา คือ

สนทนาเรื่อง - พระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องการรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องทำนา เรื่องคนล่วงลับไปแล้ว เบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม

การพูดเรื่องเหล่านี้ หากไม่ได้เป็นไปในการทำกิจการงาน (เช่น คนขายดอกไม้ อธิบายเรื่องดอกไม้ให้กับลูกค้าที่ถาม แบบนี้ไม่พูดเพ้อเจ้อ แต่ถ้าคนไปเที่ยวมาเห็นดอกไม้สวย นำกลับมาคุยมาเล่ามากมายให้เพื่อนฟัง แบบนี้เข้าข่ายพูดเพ้อเจ้อ) หรือเป็นการพูดที่ให้ประโยชน์ให้หลักคติธรรมอะไร (เช่น ครูหรือพ่อแม่สอนลูกเรื่องการป้องกันภัยต่างๆ เพื่อให้นักเรียนหรือลูกรู้จักระวังตัวและป้องกันตนได้ อย่างนี้เป็นประโยชน์ แต่คนพูดถึงเรื่องที่เคยไปเห็นอุบัติเหตุ เภทภัยต่างๆ นำมาคุยโม้กับเพื่อน ว่าแบบนี้ๆ อีกคนก็ว่าฉันก็เคยเห็น พูดข่มกันไปมา การพูดมากไปแบบนี้ ก็เป็นพูดเพ้อเจ้อ เพราะเป็นการเล่าอวด เล่าสนุกสนาน ไม่มีประโยชน์อะไร) ก็นับในทางธรรมว่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ต่อการบรรลุธรรม คือ มรรค ผล นิพพาน นับเป็นการ “พูดเพ้อเจ้อ” ซึ่งเป็นการพูดที่มีโทษ

โทษของการพูดเพ้อเจ้อจะมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพูดเพ้อเจ้อบ่อยแค่ไหน คนที่พูดบ้างแต่ไม่มาก ก็ไม่มีโทษมาก แต่คนที่พูดเพ้อเจ้อมาก ก็มีโทษมาก โดยเห็นได้จากปัจจุบัน คนที่ช่างพูดเกินไป ก็ไม่มีใครอยากฟัง คำพูดของคนเช่นนั้นย่อมไม่มีน้ำหนัก ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ กลายเป็นคนไม่น่าคบ น่ารำคาญ น่ารังเกียจ คล้ายๆ จะเป็นคนเพี้ยนๆ โรคจิตหน่อยๆ

นี่ไม่ได้นับข้อที่พูดเพื่อยุยงส่งเสริมให้โกรธเกลียด แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ก็เป็นการพูดที่มีโทษเช่นกัน หากการพูดนั้นเป็นประเภทส่อเสียด คือ พูดเพื่อให้คนที่สามัคคีกันแตกกัน อีกทั้งถ้าเรื่องไม่จริง ก็จะเป็นการพูดเท็จ เข้าไปด้วย สุดท้ายเกิดใส่อารมณ์ในการพูด ก็มักจะเป็นการพูดด้วยคำหยาบ บางทีคำไม่หยาบแต่ใจพูดด้วยความโกรธ เพื่อด่าสัตว์บุคคล ก็เข้าข่ายพูดผรุสวาทได้เช่นกัน

ดังนั้น การพูดที่ดีจึงทำได้ยาก หากไม่คิดและไม่มีหลักธรรมประจำใจ ด้วยว่าแม้เรื่องจริง ก็ต้องดูด้วยว่า ถูกกาลหรือไม่ พูดแล้วเป็นประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่ฉันได้เรื่องจริงมา ก็จะพูดไปเลยโดยไม่คิดอย่างนี้ก็ไม่ดีเช่นกัน ลองดูจากเรื่อง เดรัจฉานกถา ก็ไม่ได้ว่า เรื่องนั้นไม่จริง เรื่องจริง แต่ไม่มีประโยชน์ แม้พูดไม่ได้ด่าว่าใคร ไม่ได้ส่อเสียดให้เขาแตกกัน ก็ยังเข้าข่ายการพูดเพ้อเจ้อได้

แต่มีเรื่องที่พูดแล้วดี ควรพูดควรกล่าว พูดได้ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต ก็คือ “กถาวัตถุ” เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญให้พูด เป็นเรื่องที่ดีที่ควรกล่าว ซึ่งก่อนที่จะกล่าวก็ต้องศึกษา อ่าน ฟัง คิดพิจารณาในเรื่องเหล่านี้ด้วยดีก่อน เมื่อทราบชัดแล้วก็ควรกล่าว หรือควรนำมาสนทนา ก็จะเป็นไปเพื่อความเจริญในธรรม เป็นสิ่งที่ควรนำมาพูดมากล่าว

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสสอนภิกษุเรื่อง กถาวัตถุ 10 ประการ คือ

อัปปิจฉกถา คือ เรื่องความมักน้อย

สันตุฏฐิกถา คือ เรื่องความสันโดษ

ปวิเวกกถา คือ เรื่องความสงัด

อสังสัคคกถา คือ เรื่องความไม่คลุกคลี

วิริยารัมภกถา คือ เรื่องการปรารภความเพียร

สีลกถา คือ เรื่องศีล

สมาธิกถา คือ เรื่องสมาธิ

ปัญญากถา คือ เรื่องปัญญา

วิมุตติกถา คือ เรื่องความหลุดพ้น

วิมุตติญาณทัสสนกถา คือ เรื่องความรู้ความเห็นในวิมุตติ

คนที่มีปกติกล่าว กถาวัตถุ ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพเชื่อถือ เป็นสิ่งที่สมควรกับทั้งพระและทั้งญาติโยม เพราะเป็นไปในอรรถในธรรม ไม่เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งอกุศล กล่าวแล้วไม่เกิดกิเลสเพิ่มพูน มีแต่จะเจริญบุญกุศล

บางคนคิดว่าการทำความดี ทำบุญ ต้องมีสตางค์ ต้องรอรวยเสียก่อนจึงทำได้ ความจริง การพูดที่ดี การกล่าวเดรัจฉานกถาให้น้อยๆ กล่าวกถาวัตถุให้มากๆ แค่นี้ก็ได้บุญแล้ว ทั้งยังให้สติเตือนใจทั้งแก่ผู้พูดและผู้ฟังอีกด้วย...

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 12.72 จุด DELTA ฉุดดัชนี-ไร้ปัจจัยใหม่หนุน