posttoday

ไม้เถาเลื้อยในสวน

27 เมษายน 2557

การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อตกแต่งสถานที่ ไม้เถาเลื้อยหรือไม้เลื้อย

โดย...ม.ล.จารุพันธ์ ทองแถม

การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อตกแต่งสถานที่ ไม้เถาเลื้อยหรือไม้เลื้อยนับเป็นกลุ่มพืชที่มีทั้งพืชป่าและพืชปลูก ไม้เลื้อยมีทั้งที่เป็นไม้เนื้ออ่อน (soft wood) และไม้เนื้อแข็ง (hard wood) ซึ่งเราอาจเลือกใช้ปลูกให้ขึ้นคลุมรั้วไม้ รั้วลวดหนาม หรือปลูกให้ไต่ขึ้นคลุมซุ้มทางเดิน ซุ้มประตูเข้าบ้านและให้ไต่ขึ้นค้างเตี้ยๆ เพื่อใช้กำบังแสงแดดและทั้งให้ความสวยงามไปด้วยในตัว พืชจำพวกไม้เถาเลื้อยมักเจริญเติบโตได้รวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ไม้เถาเลื้อยพัฒนาอวัยวะที่ใช้ยึดเกาะ ไม่ว่าจะเป็นมือสำหรับม้วนพันยึดเกาะ หรืออาจสร้างหนามที่ช่วยพยุงลำต้นขึ้นสู่เรือนยอดต้นไม้อื่นๆ ในป่า หรืออาจสร้างอวัยวะคล้ายตะขอเกี่ยว และใช้ปลายยอดที่แข็งแกร่งพาต้นและใบชูขึ้นรับแสงแดดเบื้องบน

ไม้เถาเลื้อยหลายชนิดอาจมีใบที่สวยงามสะดุดตา ไม่แต่เฉพาะดอกเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเถาหรือลำต้นที่เลื้อยพันพาดขึ้นตามค้างหรือลำต้นไม้ใหญ่ ยังมีผิวเปลือกที่เรียบหรือขรุขระแตกเป็นร่องเป็นพูดูสวยงามคลาสสิกไม่น้อย ไม้เถาเลื้อย เช่น พวงแสด พวกโกเมน พวกหยก หรืออาจเป็นโครงเหล็กหลังคาโค้ง ซึ่งจะให้ความสวยงาม เพราะช่อดอกยาวที่ห้อยลงมาสูงเหนือศีรษะ ไม้เลื้อยยังถูกเลือกนำมาปลูกเพื่อปกคลุมส่วนของสวนที่ไม่ต้องการให้มีผู้ใดเห็น เช่น ห้องสุขา โรงเก็บวัสดุ ห้องครัว ฯลฯ

ไม้เถาเลื้อยในสวน

 

ไม้เถาเลื้อยอาจไต่เลื้อยขึ้นปกคลุมผนังหรือรั้วแนวตั้ง ไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งเช่นองุ่น มีอวัยวะที่ใช้พันจับซุ้มเหล็กหรือรั้วขึ้นไปได้ เถาไอวี่มีรากเล็กๆ ที่เหนียวใช้จับยึดผนังที่มีผิวขรุขระ ไม้เลื้อยอื่นๆ มีโครงสร้างที่คล้ายปุ่มดูดเกาะผิวผนังกำแพงสวนที่ตั้งดิ่งขึ้นไปได้อย่างสะดวก

เราอาจเลือกไม้เลื้อยที่เป็นพืชถาวรอายุหลายปี หรือจะเป็นไม้เถาเลื้อยอายุสั้นเพียงปีเดียวก็ได้ เพื่อให้เหมาะสมกับสวน ไม้เถาเลื้อยอายุสั้นเพียงปีเดียว เช่น แนสเตอเตียม (nasturtium) ปลูกได้ดีบนดอยสูงที่มีอากาศหนาวเย็น (ระดับ 800 ม. ขึ้นไปจึงจะได้ผลดี) ส่วนมอร์นิ่งกลอรี่ ไม้ดอกในวงศ์ผักบุ้งปลูกได้ดีในกรุงเทพฯ แต่สวีทพีซึ่งให้ดอกหอมสีสันสดสวยนั้น ปลูกได้เฉพาะบนพื้นที่สูงเช่นเดียวกับแนสเตอเตียม พวกนี้เป็นพืชฤดูเดียว จึงต้องเพาะเมล็ดปลูกใหม่ทุกปี เป็นเรื่องธรรมดา

ไม้เถาเลื้อยซึ่งเป็นพวกพืชหลายฤดูมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไอวี่ ซึ่งถ้าจะให้งาม ควรปลูกบนพื้นที่ระดับสูง อากาศหนาวเย็นสักหน่อย ไอวี่มีหลายชนิดหลายพันธุ์แตกต่างกันทั้งรูปร่างของใบ และสีสันลวดลายบนใบ ไอวี่จะแตกรากออกมาจากลำต้นซึ่งเลื้อยเกาะแนบไปกับผนังรั้วหรือเสาไม้ระแนง หรือแม้แต่ไต่ขึ้นไปตามลำต้นไม้ใหญ่ก็ได้ รากของไอวี่นี้เกาะแนบแน่นกับผนังปูน ผนังอิฐหรือซีเมนต์ได้ดี ไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง เช่น เฟื่องฟ้า (bougainvillea) นั้น แม้จะเรียกกันว่า woody climber แต่ที่จริงแล้วมันอาจดำรงชีวิตเป็นไม้พุ่ม (shrub) ก็ได้ และอาจเปลี่ยนเป็นไม้รอเลื้อย (scandent) ก็ได้ ซึ่งมันอาจสร้างลำต้นเป็นเถาชูขึ้นสูงพันพาดต้นไม้หรือรั้วขึ้นไปได้เช่นกัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าเราจะดูแลตัดแต่งกิ่งมันอย่างไร เฟื่องฟ้านี้หากตัดแต่งให้กลายเป็นกำแพง และตัดช่องให้เป็นประตูเดินเข้าออกได้จะสวยงามมากยามมันออกดอกพร้อมๆ กัน ไม้เลื้อยเนื้อแข็งอีกชนิดคือกุหลาบเลื้อย (climbing roses) ซึ่งในต่างประเทศเขตอบอุ่นเช่นฝรั่งเศส เราได้เห็นต้นกุหลาบอายุหลายสิบปีมีลำต้นขนาดใหญ่สองคนโอบทีเดียว แต่สำหรับในเมืองไทย ต้นกุหลาบมักอายุไม่ยืนนาน ด้วยสภาพภูมิอากาศฝนตกชุก ในฤดูฝนก่อให้เกิดโรคหลายชนิดที่ทำให้รากเน่าหมดอายุลงได้ ภายในเวลาไม่ถึงสิบปี หากไม่นับภัยจากแมลงทั้งปากดูด ปากกัด สารพัดชนิด

ไม้เถาเลื้อยในสวน

 

มะลิ (jasmine) เป็นไม้เลื้อยที่จัดเป็นพืชหลายฤดู มีมากมายหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่มักชอบอากาศที่เย็นและแสงแดดจัดตลอดวัน จึงจะเจริญเติบโตได้ดี และสามารถเลื้อยขึ้นซุ้มเตี้ยๆ ได้เช่นเดียวกับไม้เลื้อยอื่นๆ เช่น สายน้ำผึ้ง (clematis) วิสทีเรียน (Wisteria) ไฮเดรนเยียร์เลื้อย (climbing hydranger) นอกจากนี้ในเมืองไทยยังมีไม้เลื้อยผ่าอีกหลายชนิดที่มีผู้พบเห็นไม่มากนัก แต่มีความสวยงามน่านำมาพัฒนาเป็นไม้ดอกปลูกประดับสวน อาทิ เครือออนหรือพวงประดิษฐ์ อรพิมหรือคิ้วนาง (Bauhinia winitii) กันภัยมหิดล (Afgekia mahidolae) ถั่วแปบช้าง (กันภัย) (Afgekia sericea) ถั่วลาย (Centrosema pubescens) จิงจ้อเหลือง (Merremia vitifolia) เสี้ยวเครือยอดแดง (Bauhinia glauca ssp. tenuiflora) รางจืด (Thunbergia laurifolia) การเวก (Artabotrys siamensis) และกุมาริกา (สร้อยสุมาลี) (Parameria laevigata)

ไม้เลื้อยทุกชนิดก็เช่นเดียวกับไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มอื่นๆ ที่ต้องการการปลูกเลี้ยงที่ถูกต้อง การเตรียมหลุมปลูกเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมดินก้นหลุมควรกลับเอาดินชั้นล่างขึ้นมา และผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก โดยไม่ลืมเติมปุ๋ยเคมีสูตร 151515 ลงไป ประมาณ 0.51 กก. ต่อดิน 1 ลูกบาศก์เมตร หากดินเป็นกรดจัดควรใช้ปูนขาวหรือปูนมาร์ลผสมดินคลุกเคล้าให้เข้ากันรองก้นหลุม นอกจากนี้การตัดแต่งกิ่งไม้เลื้อยเหล่านี้ควรกระทำเป็นประจำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ควบคู่กับการสำรวจตรวจดูโรคแมลง ซึ่งหากพบควรทำลายเสียตั้งแต่ต้นมือ ดีกว่าปล่อยให้ระบาดลุกลามไปจนเกินแก้

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา