เรวดี วัฏฏานุรักษ์ กับเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน
พูดถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนต้องยอมรับว่ามีระยะเวลาที่ต่างกัน บางคนใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะไปถึง เพราะมีเหตุต้องแวะข้างทางบ่อยๆ
โดย...วรธาร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
พูดถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนต้องยอมรับว่ามีระยะเวลาที่ต่างกัน บางคนใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะไปถึง เพราะมีเหตุต้องแวะข้างทางบ่อยๆ เหมือนประหนึ่งนั่งรถไฟขบวนธรรมดาที่จอดเกือบทุกสถานี แต่บางคนก็รวดเร็วปานประหนึ่งนั่งเครื่องบิน ไม่ทันไรก็ถึงจุดหมายปลายทาง เช่นผู้บริหารสาวคนนี้
“เรวดี วัฏฏานุรักษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) บริษัทเทรดดิ้งจากออสเตรเลีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางผู้ให้บริการในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโดยไม่ต้องใช้เงินสดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เธอใช้เวลาไม่ถึง 7 ปี ไต่เต้าจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ (ในปี 2548-2549) สู่ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระดับอาวุโส ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระดับผู้บริหาร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการขาย ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการขายระดับภูมิภาค รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายขาย และขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด คือ กรรมการผู้จัดการ (เอ็มดี) ในปี 2553 ถึงปัจจุบัน
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงสุดด้วยวัย 30 ต้นๆ ของเธอนั้น ต้องยอมรับว่าไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือความบังเอิญ แต่มาจากการมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กช่วยพ่อแม่ค้าขาย จนเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งทำงาน ซึ่งเธอยอมรับว่าได้รับการหล่อหลอมมาจากครอบครัวที่ทำให้เธอค้นพบตัวเองว่าชอบอะไร
“ความที่โตมาในครอบครัวคนจีนทำธุรกิจค้าขาย ตอนเด็กเคยออกไปเก็บเงินพบลูกค้ากับคุณพ่อคุณแม่ตลอด ทำให้ชีวิตเหมือนถูกหล่อหลอมซึมซับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงชอบการตลาดการค้าการขาย ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เลือกการตลาดและตั้งเป้าหมายว่าเมื่อจบแล้วจะต้องได้ทำงานที่ดี ซึ่งการที่จะได้งานทำดีๆ นั้นเราจะต้องเรียนให้ดีที่สุด”
และในการเรียนของเธอสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยใช้เวลาแค่ 3 ปีครึ่ง และเมื่อเรียนจบก็ได้ทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ตำแหน่งการตลาด สินเชื่อที่อยู่อาศัย แผนกการขายและการตลาดเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่ต่อมาจะได้ร่วมงานกับบาร์เทอร์คาร์ดถึงปัจจุบัน
เธอเล่าถึงการลาออกจากงานธนาคารเพื่อมาร่วมงานกับบาร์เทอร์คาร์ด ว่า ส่วนหนึ่งเพราะเอ็มดีคนเก่าของบาร์เทอร์คาร์ดเป็นลูกค้าธนาคารที่เธอทำอยู่ และเอ็มดีคนนั้นได้เล่าถึงบทบาทหน้าที่ของบาร์เทอร์คาร์ดให้ฟังก็รู้สึกประทับใจ
“ครั้งแรกที่เรไปบริษัทบาร์เทอร์คาร์ด เหมือนว่ามารับเอกสารสักอย่าง เขาก็เล่าบริษัททำอะไรให้ฟังคร่าวๆ พอฟังก็รู้สึกว่าโอ้ เจ๋งน้อ ดีจังเลย เป็นอะไรที่อะเมซิ่งมาก แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คุยเรื่องงาน แต่พอเขาทาบทาม ก็รู้สึกอยากทำเพราะเป็นการตลาดยุคใหม่ ตัวเองจบการตลาดมาด้วยก็เลยมาทำ”
เธอเริ่มต้นในส่วนของการดูแลลูกค้าตั้งแต่รายเล็กๆ ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ทำงานอย่างหนักวัดผลงานวัดกันวันต่อวัน ไม่ใช่ปีหนึ่งครั้งหนึ่งเหมือนบริษัททั่วไป
“ทุกคนต้องรีพอร์ตผลงานก่อนหกโมงเย็นว่าได้ตัวเลขเท่าไหร่ทุกวัน ไม่ใช่วัดผลแบบปีหนึ่งวัดครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นคนขึ้นมาท็อปออฟเดอะชาร์ตทุกวัน ซึ่งก็สะท้อนถึงความเป็นผู้นำรวมถึงศักยภาพของทีมงานทุกคนด้วย พอวัดผลกันด้วยผลงานและความเป็นผู้นำในทีมแล้วเรได้รับการปรับตำแหน่งขึ้นมาทุกปี จากจูเนียร์ มาเป็นซีเนียร์ เป็นเอกเซ็กคิวทีฟ ในส่วนของฝ่ายดูแลลูกค้า
ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ฝ่ายเซลส์ โดยที่ในตอนแรกไม่คิด เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้สร้างทีมในส่วนของการดูแลลูกค้าไว้อย่างเข้มแข็ง โดยทีมของเราเป็นที่หนึ่งของประเทศตลอด ทั้งรู้จักลูกค้ามากมาย และลูกค้าก็รัก ทว่าที่สุดเราก็หันมามองเป้าหมาย โดยตั้งเป้าหมายในชีวิตว่า ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจก็ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้บริหาร”
ณ เวลานั้นเธอคิดว่าการจะเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ หรือไปเป็นผู้บริหารงานให้ประสบความสำเร็จ ถ้าขาดทีมเซลส์หรือฝ่ายขายเป็นเรื่องยากที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จ เธอจึงเลยตัดสินใจย้ายจากฝ่ายดูแลลูกค้ามาอยู่ฝ่ายเซลส์ ซึ่งตอนนั้นเธอเป็นเอกเซ็กคิวทีฟดูแลสาขาแล้ว ทำให้เหมือนว่าเธอต้องย้อนหลังกลับไปนับหนึ่งใหม่ ต้องออกไปขายเองให้เป็นก่อนจะมาดูทีมเซลส์ และจากนั้นมาเธอเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสู่ตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายเซลส์”
อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วด้วยความที่เธอเคยอยู่ทั้งเทรดดิ้ง (ฝ่ายดูและลูกค้า) และเซลส์มาก่อน ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ถือว่าเป็นส่วนที่ทำเงินสร้างความเติบโตให้องค์กร ประกอบกับเมื่อโอกาสและจังหวะมาถึงเธอจึงขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบาร์เทอร์คาร์ดในปี 2553 ถึงปัจจุบัน
เธอยอมรับว่า รู้สึกภูมิใจที่มาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ค่อนข้างเร็ว และเชื่อมั่นเสมอว่าปัจจัยที่ทำให้มาถึงจุดนี้มิใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นพรแสวงและความพยายามที่มุ่งมั่น ประกอบกับการมีโอกาสที่ดีที่เข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ รวมถึงเส้นทางเดินที่เด่นชัดทำให้บรรลุเป้าหมายเร็ว
ปรัชญาในการดำเนินชีวิตและการทำงาน : ลุกกิ้ง ฟอร์ โซลูชั่น เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็จะมองหาทางออก โดยเอาตัวเองออกมานอกปัญหาก่อนแล้วมองหาวิธีแก้ เพื่อให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าได้ เชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว


