posttoday

ล้วงลึกเรื่องบี้ๆ ของสุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว

05 เมษายน 2557

ในวันที่ผมนั่งปิดต้นฉบับอยู่นี้ ภาพยนตร์เรื่อง คิดถึงวิทยา โกยรายได้ 7 วัน 50 ล้านบาท

โดย...ตุลย์ จตุรภัทรหยก อภิชชญา ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ในวันที่ผมนั่งปิดต้นฉบับอยู่นี้ ภาพยนตร์เรื่อง คิดถึงวิทยา โกยรายได้ 7 วัน 50 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว (ซึ่งคาดว่าจะเดินหน้าทำรายได้มากกว่านี้ไปอีกเรื่อยๆ) คนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว คงมีความรู้สึกแบบเดียวกัน คือ เดินออกจากโรงภาพยนตร์แบบอารมณ์ค้าง เกิดคำถามที่ว่า แล้วไงต่อ ตัวละครเอกในเรื่องเขาจะดำเนินเรื่องราวชีวิตของเขาทั้งคู่ยังไงต่อ เหมือนเรื่องจบ แต่คนดูยังไม่จบอะไรประมาณนี้

ที่แน่ๆ ก่อนหน้าที่ภาพยนตร์จะเข้าฉายจนทำรายได้มากขนาดนี้เพียงแค่ไม่กี่วัน ผมก็ฟินกับการได้จับเข่าคุยกับพระเอกหนุ่ม “บี้สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว” เกี่ยวกับ “เรื่องบี้ๆ” ไปเรียบร้อยแล้ว

อะไรคือเรื่องบี้ๆ?

แล้วเรื่องบี้ๆ คืออะไร?

อย่ารอช้าเลยดีกว่า ผมมั่นใจว่า Hot & Cool ประจำวันนี้ จะทำให้คุณฟินกับเรื่องบี้ๆ แบบถึงอกถึงใจตามผมไปด้วยครับ

บี้กับคิดถึงวิทยา

“กับการได้แสดงภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยา ก็รู้สึกแปลกดีที่ต้องเล่นเล็กๆ ซึ่งมันต่างจากละครเวทีที่ต้องเล่นใหญ่ ตอนแรกผมก็ติดละครเวทีจนทีมงานแซวๆ ว่า เล่นใหญ่ไปนะ เป็นรัชดาลัย เธียเตอร์ไปได้ (หัวเราะ) ผมก็เลยเล่นเบาๆ ลงมาครับ”

บี้ เผยว่า การรับบทพระเอกชื่อ สอง ในเรื่อง คิดถึงวิทยา นี้ สิ่งที่เขาได้รับนอกจากการได้เรียนรู้ถึงชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่ตัดสินใจไปใช้ชีวิตในโรงเรียนเรือนแพกลางน้ำ เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไร เขายังได้เรียนรู้ถึงความเหงา และการได้หยุดฟังเสียงหัวใจตัวเอง

“ในชีวิตนี้ผมไม่เคยอยู่เรือนแพกลางน้ำ ดังนั้น อารมณ์ที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ คืออารมณ์ที่เจอกันสดๆ ซึ่งมันได้ทั้งฟีลสนุก โหด มัน ฮา ได้ทั้งฟีลอุ่นๆ เหงาๆ และโหยหาใครบางคน บอกเลยว่าได้ครบทุกอารมณ์ และมันก็เป็นอารมณ์ที่มาของมันเองในขณะที่แสดง”

ในฐานะที่เขาเคยแสดงละครแบบซิตทูเอชั่น คอมเมดี้ พอมาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ต้องมีจังหวะตลกโปกฮาแทบจะทั้งเรื่อง บี้ เผยว่า จังหวะของหนังกับละครซิตคอม จะว่าคล้ายก็คล้าย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด “ผมต้องอาศัยความฮาในกอง ก็พยายามลองเล่นดูหลายๆ รูปแบบ โดยมีความเชื่อที่ว่า ถ้าหน้ากองฮา ตัดต่อออกมาก็คงฮาตามไปด้วย”

บี้ เผยว่า ภาพยนตร์เรื่อง คิดถึงวิทยา จะทำให้คนเชื่อในเรื่องของความรัก เชื่อ...แม้จะไม่ได้เห็นหน้ากัน “ถ้าให้เทียบเคียงกับการพบรักกันผ่านไดอะรีเล่มหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยา ผมว่าในสังคมโลกออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก บางครั้งเราเห็นข้อความที่ผู้หญิงคนนี้หรือผู้ชายคนนั้นมาเขียนไว้ เราก็คิดว่าคนนี้มีแง่คิดที่ดีจัง หรือบางครั้งเปิดหนังสืออ่าน เราก็จะอยากเจอผู้เขียนคนนี้ หรืออยากเจอตัวละครแบบนี้ในชีวิตจริง แม้เพียงสักครั้งก็ยังดี”

ล้วงลึกเรื่องบี้ๆ ของสุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว

 

บี้กับละครบรอดเวย์

อย่างที่ใครหลายคนทราบข่าวว่า ละครบรอดเวย์เรื่อง ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล ได้ถูกนำไปทำเป็นละครบรอดเวย์ เรื่อง Behind the Painting The Musical โดยเป็นการทำงานร่วมกันของ บริษัท ซีเนริโอ กับแจ็ค เอ็ม.ดัลเกลช ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง โดยมีผู้กำกับชาวไทยคือ บอยถกลเกียรติ วีรวรรณ นั่นเอง

“กับการทำงานที่นิวยอร์ก ผมต้องบอกก่อนว่า ที่ผ่านมา มันยังเป็นการทำงานเพื่อให้นักลงทุนดูว่าเขาสนใจไหม จะลงทุนกับเราหรือเปล่า ซึ่งเมื่อเขาตอบรับ สเกลงานก็จะใหญ่ขึ้น จากที่เราทำ ก็ทำเป็นสเกลเล็กๆ เหมือนละครมหาวิทยาลัย เวทีก็จะเหลือประมาณ 3 ใน 4 ของรัชดาลัย ฉากก็จะเล็กๆ น้อยๆ เข็นเข้าเข็นออก เสื้อผ้าก็จะเปลี่ยนประมาณ 23 ชุดแค่นั้น แต่บทหรือเพลงมาครบ ฉากน้ำตก เราก็ไม่ได้ยกไปครับ ทำเป็นภาพเฉยๆ เพื่อลดขั้นตอนลง เพราะต้องทำให้ประหยัดราคามากที่สุด แต่ทำให้คนเข้าใจและอินกับเรามากที่สุด”

แน่นอนว่า เมื่อทุ่มเททำงานแบบมาไกลมากซะขนาดนี้ ไหนจะไปกิน ไปอยู่ที่นั่น เพื่อไปเรียนรู้ภาษา ไปเรียนรู้การทำงานกับฝรั่งมังค่า ย่อมต้องมีความคาดหวังสูงเป็นธรรมดา งานนี้บี้เผยอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาอยากให้ผลงานชิ้นนี้ไปได้ไกลที่สุด และสวยงานที่สุด

“ถ้าเกิดนักลงทุนเซย์เยส ก็คงต้องมีการวางแผนชีวิตและการทำงานต่อไป แต่ถ้าเขาเซย์โน ก็ไม่เป็นไร ถือว่าทั้งพี่บอย ทั้งผม รวมทั้งทีมงานต่างทำกันอย่างเต็มที่แล้ว ที่เหลือมันคือการได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับมาล้วนๆ ซึ่งนั่นก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดสำหรับเราคนไทยแล้วครับ”

บี้กับเดอะสตาร์

นับจากวันที่บี้ก้าวเข้าสู่เส้นทางบันเทิงด้วยการเป็น 1 ใน 8 คนสุดท้ายของรายการเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 3 จนได้ตำแหน่งรองแชมป์ มาจนถึงวันนี้ วันที่รายการเดอะสตาร์เดินทางมาปีที่ 10 แล้ว บี้ เผยว่า เขาได้เรียนรู้อะไรจากวงการบันเทิงทั้งเรื่องร้อง เต้น และการแสดง แต่ที่สำคัญเหนือไปกว่านั้น คือ เขาได้เรียนรู้เรื่องมารยาท และการประพฤติตัวทั้งต่อหน้าและลับหลัง

“จากวันแรกที่เข้ามาจนถึงวันนี้ เด็กบ้านๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไร พอได้เข้าวงการมา ก็โดนผู้ใหญ่เรียกไปด่าเยอะ ผมไปแซวคนนั้นบ้าง ไปว่าคนนี้บ้าง เป็นคนชอบตลกไงครับ บางครั้งก็ไปเล่นหัวผู้หลักผู้ใหญ่เขาไปเรื่อย ก็จะโดนเรียกเข้าห้องดำเพื่ออบรมตักเตือนตลอด (หัวเราะ) นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้เรื่องการประพฤติตัว อยู่ต่อหน้าคนต้องเป็นแบบไหน ลักษณะส่วนตัวของคนปกติกับดาราต่างกันยังไง ก็ได้ประสบการณ์ค่อนข้างเยอะจากวงการนี้”

แน่นอนว่า เมื่อคนเราได้รับโอกาสได้ทำงาน ไม่ว่างานเล็กงานน้อยหรืองานใหญ่ หรือช่วงชีวิตก้าวไปสู่จุดสูงสุดจนงานล้นมือ ย่อมต้องมีท้อมีเหนื่อยบ้างเป็นธรรมดา “เวลาเหนื่อยหรือท้อจริงๆ ก็ต้องพัก ต้องเบรก ขอพักงานเลย อาจจะส่งจดหมายขออนุญาตพบพี่บอยเพื่อรายงานว่าเรามีความรู้สึกยังไง ก็บอกเขาไปตรงๆ มันก็ต้องระบายบ้าง แต่ก็คุยกับเขาดีๆ ครับ เพื่อให้เขาช่วยจัดเวลาให้ผมได้พักหน่อย ซึ่งพี่บอยก็เข้าใจดี”

เมื่อเดอะสตาร์เดินทางไกลมาถึงปีที่ 10 ย่อมต้องมีเด็กรุ่นใหม่เกิด ดัง เติบโต จนเขาอาจค่อยๆ เลือนหายไปจากกระแสนิยม งานนี้ บี้เผยออกมาจากใจว่า เขามองจุดนี้มองแบบยิ้มๆ “ดีเสียอีก จะได้มีคนเก่งๆ มาแบ่งเบาภาระจากผมไป ทำให้ผมมีเวลาไปโฟกัสงานละครเวทีที่นิวยอร์กมากขึ้น”

บี้กับการบวช

“คนเราจะบวชอะไรกันได้หลายครั้งวะ” นี่อาจเป็นคำถามสงสัยของใครหลายคนที่มีต่อการบวชเรียนของบี้ ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้ก็เผยอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้งหนึ่งว่า เขายอมรับว่าตอนบวชเรียนครั้งแรก เขาโดนบิลต์จากคนรอบข้าง แต่ครั้งที่สอง เขาตั้งใจจริง

“ตอนเด็กๆ ก็เข้าวัดบ่อยมาก แต่ไม่ได้เข้าไปทำบุญ เข้าไปดีดลูกแก้ว ปั่นจักรยาน เล่นซ่อนหากับเด็กๆ (หัวเราะ) ถ้าจะเข้าไปทำบุญก็ตามแม่ไป ปีใหม่ทีหนึ่ง วันเกิดทีหนึ่ง มาฆบูชาสักทีตอนเช้า แต่ฟังธรรมนี่ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่นิดเดียว คุณครูตอนประถมให้พระมาเทศน์ที่โรงเรียนก็เล่นกับเพื่อน หลับ ฉะนั้นการบวชครั้งแรก จึงเป็นอะไรที่ทำตามการบิลต์ที่เริ่มต้นจากเจ้านายที่ไปบวชก่อน พอกลับมาก็เริ่มพูดภาษาธรรมะเยอะขึ้นในห้องประชุม เราก็แบบ อะไร พี่อยู่คนละโลกแล้วล่ะ ไม่ใช่แล้ว แล้วเจ้านายก็เริ่มส่งลูกน้องไปบวชทีละนิดๆ ทุกคนก็กลับมาพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วมาเชื่อมต่อกับการแสดง คราวนี้ก็เริ่มบิลต์เรื่อยๆ คนนั้นก็บิลต์ คนนี้ก็บิลต์ เรา ก็เอาสักหน่อยก็ได้ ว่างพอดี ประกอบกับอายุ 25 เบญจเพสพอดี จะได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วย แถมคิดเล่นๆ ว่า ลองหัวล้านดูก็น่าจะดี (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ คิดว่าลองศึกษาดูก็น่าจะเวิร์ก 11 วันเองไม่เป็นไรหรอก ขำๆ น่าจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ลองดู ประกอบกับตอนนั้นชอบโดนด่าว่าทำอะไรไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เราก็คิดในใจว่าเราก็ปกตินี่นา อยู่ดีๆ ก็โดนว่า ก็เลยเริ่มไปบวชครับ”

จนมาถึงการบวชครั้งที่สอง ครั้งนี้เป็นความตั้งใจของเขาเองล้วนๆ แต่ครั้งนี้ เขากลับโดนเจ้านายแซวเล่นๆ ว่า ถ้าจะบวชอีก ไปทำสมาธิอยู่ที่บ้านก็ได้ เพราะว่าเขายังต้องทำงาน เวลาบวชที โกนผมที ผมมันขึ้นช้า แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับตรงนี้ “ผมคำนึงถึงบวชแล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากหลักธรรมะ แล้วนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าครับ”

บี้กับเรื่องผมๆ

แน่นอนว่า หลังจากสึกจากการบวชเรียนแล้วย่อมเห็นได้ชัดเจนในเรื่องภาพลักษณ์ ที่อาจจะหัวโล้นนานไปหน่อย แต่สิ่งที่ตามมาแบบติดๆ คือ การที่มีคนเริ่มแซวว่าบี้หัวล้าน งานนี้ บี้กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เขาไม่แคร์ กลับชอบด้วยซ้ำไป

“ผมว่าหัวล้านมันดูแลง่ายดี ผมไม่ชอบไว้ผมยาวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้น เรื่องหัวล้านผมเลยเฉยๆ อย่างในภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยา ผมก็มาแบบหัวโล้นและล้านกันเลยทีเดียว ก็ได้อีกฟีลหนึ่งนะ (หัวเราะ) คนดูจะไม่เคยเห็นผมทรงนี้ในการทำงานมาก่อน ดูเป็นคนธรรมดาๆ จับต้องได้ ไม่ดูเป็นซุป’ตาร์อย่างที่คนเคยเห็นๆ กัน”

แน่นอนว่า ตราบใดที่เขายังต้องทำมาหากินอยู่กกับวงการที่จำเป็นต้องขายภาพลักษณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาต้องดูแลทุกส่วนของร่างกายให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการดูแลผมที่อาจเป็นปัญหาสำหรับเขาในระยะยาว

“ผมพยายามทานอาหารที่มีประโยชน์ คุณหมอบอกว่าทานอาหารมันๆ ไม่ดีต่อเส้นผม และพยายามทานอาหารจำพวกโปรตีนและวิตามิน มันจะช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของเส้นผม บางครั้งแชมพูก็เลือกอันที่ไม่แรง และกัดหัวมากจนเกินไป อย่างแชมพูเด็กก็ช่วยได้ หรือซื้อแชมพูที่มีสรรพคุณในการเสริมสร้างรากผมก็ช่วยได้ เล็กๆ น้อยๆ ก็ดูแลไปครับ คุณหมอบอกว่ามันอาจจะไม่งอกขึ้นนะ แต่มันจะคงอยู่เท่าเดิม ดีกว่าถ้าไม่ดูแลมันก็จะหลุดออกจากเราไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)”

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68