23 ปี อมิตา ทาทา ยัง สาวน้อยมหัศจรรย์ตลอดกาล

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ทันทีที่เอไทม์ โชว์บิส ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะพาเราๆ ท่านๆ ที่เป็นนิวเจเนอเรชั่นในยุค‘90 ได้ย้อนวันเวลากลับไปสู่เรื่องราวของสาวน้อยมหัศจรรย์ที่มีชื่อว่า “อมิตา ทาทา ยัง” ในคอนเสิร์ต “TURN BACK TIME With Tata Young“ ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค.นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน โดยเราๆ ท่านๆ ที่ซื้อบัตรเข้าชม จะได้พบกับทุกบทเพลงฮิต จากทุกอัลบั้มที่เราคุ้นเคยและแอบๆ คิดถึงสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ ก็ฉุดกระชากลากถูให้ผมได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปยังจุดเริ่มต้นของเธอในปี 2535

หลังจากหล่นออกจากไทม์แมชีนเครื่องที่ผมนั่ง ผมก็ได้เห็นภาพตัวผมเองนั่งอยู่หน้าจอทีวีในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ณ จังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ บ่ายวันนั้น หน้าจอทีวีกำลังออกอากาศสดการประกวดร้องเพลง ยามาฮ่า อวอร์ด ไทยแลนด์ จูเนียร์ ซิงกิ้ง คอนเทสต์ ที่ประกวดทั้งเพลงลูกทุ่ง เพลงไทยสากล และเพลงสากล โดยนักร้องยุวชนยอดเยี่ยมประเภทเพลงสากล ได้แก่ ด.ญ.อมิตา มาเรีย ยัง ซึ่งในวันนั้นเด็กหญิงคนนี้ร้องเพลง วัน ไนท์ โอนลี่ และเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่คุณแม่ของเธอชอบมากสมัยสาวๆ

หลังจากได้รับรางวัลนักร้องยุวชนยอดเยี่ยมประเภทเพลงสากล เธอก็ได้เซ็นสัญญากับทางยามาฮ่ามิวสิค แต่แล้วกาลเวลาก็ผ่านพ้นไปพร้อมกับความเงียบงัน จนผมหล่นออกจากไทม์แมชีนมาอยู่ที่หอพักใน จ.เชียงใหม่ ในช่วงฤดูร้อนปี 2538 ปีที่ผมไปเรียนติวเข้มก่อนเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ผมจำได้ว่าเย็นวันนั้นผมเปิดวิทยุฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง ดีเจเปิดเพลงโจ๊ะๆ เพลงหนึ่ง ซึ่งฟังปุ๊บก็ติดหูปั๊บ นั่นคือเพลงที่มีชื่อว่า โอ๊ะโอ๊ย ร้องโดย อมิตา ทาทา ยัง

ผมยอมรับตามตรงว่า ผมจำไม่ได้ว่า อมิตา ทาทา ยัง คือคนเดียวกับ อมิตา มาเรีย ยัง นักร้องยุวชนยอดเยี่ยมประเภทเพลงสากลคนนั้น รู้เพียงแต่ว่า อมิตา ทาทา ยัง มีอายุ 15 ปี เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน เรียนอยู่ที่โรงเรียนอินเตอร์แห่งหนึ่งแค่นั้นเอง

หลังจากได้ฟังเพลงของเธอผ่านคลื่นวิทยุบ่อยเข้าๆ ผมก็ตั้งใจว่า จะเก็บเงินไว้ซื้อเทปอัลบั้มชุดนี้ พอวันที่เทปเพลงของเธอได้วางแผงเป็นวันแรก ผมรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์คันเก่าๆ ไปที่ร้านขายเทปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกลางเมืองเชียงใหม่ พอได้เป็นเจ้าของแล้วก็รีบบึ่งกลับมาพอพัก แกะพลาสติกที่ห่อหุ้มเทปนี้ไว้ด้วยความลนลาน รีบใส่ตลับเทปเข้าไปในเครื่องเล่นเทปเก่ากรุ โอ๊ะโอ๊ย ผ่านไป ต่อด้วย เอาหมอนี่ไปเก็บหน่อย พรุ่งนี้...ไม่สาย รบกวนมารักกัน เจ็บซะไม่มี ขอได้ไหม สอนไม่จำทำตลอด ไม่รักตัวเอง ไม่มีเบื่อ จำ สงบศึก เป็น 11 เพลงที่ผมฟังแล้วฟังอีกฟังแล้วฟังอีก พลิกปกอัลบั้มไปมา เพื่อท่องจำเนื้อเพลงให้ขึ้นใจ เบื่อๆ ก็ไล่ดูรูปที่อยู่ในปกอัลบั้ม (ซึ่งมีน้อยนิดเหลือเกิน)

จำได้ว่าตอนนั้นทุกหัวนิตยสารวัยรุ่นชื่อดังอย่างเธอกับฉัน หรือเดอะ บอย ต่างลงปกเด็กสาวคนนี้กันให้พึ่บพั่บ ด้วยความชอบอ่านนิตยสารอยู่แล้ว ผมก็ตั้งใจเก็บเงิน (ที่แม่ส่งมาให้น้อยนิด) เพื่อจะได้เป็นเจ้าของนิตยสารเหล่านั้น วันวางแผงวันแรกผมก็รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์คันเก่าคันเดิมไปตะครุบเป็นเจ้าของที่แผงหนังสือก่อนใครเพื่อน (อันนี้เป็นความภาคภูมิใจส่วนตัว) ยุคสมัยนั้นเธอมาด้วยลุคกวนๆ ใส่เสื้อรัดรูป กางเกงขายาวตัวโคร่ง และทรงผมสับปะรด จนกลายเป็นลุคที่ฮิตระเบิดระเบ้อทั่วบ้านทั่วเมือง สาวๆ ส่วนใหญ่ก็ปรับลุคให้เหมือนอมิตา ทาทา ยัง (ส่วนผมน่ะเหรอ ทำได้แค่แต่งตัวตามแดนเซอร์ของเธอ คือ เสื้อตัวใหญ่ๆ กางเกงตัวใหญ่ๆ และแอบอยากใส่รองเท้าดอกเตอร์มาร์ติน แต่ที่ใส่ได้ก็คงเพียงรองเท้ารีบอกค์คู่เก่าๆ)

และคงด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งเพลงที่ติดหูวัยรุ่นยุคนั้น ทั้งลุค ทั้งความสดใส ทั้งโปรดิวเซอร์คู่ใจคนเก่งอย่างปอนด์ธนา ลวสุต ทำให้ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 5 เดือน อัลบั้ม อมิตา ทาทา ยัง มีขอดขายทะลุ 1 ล้านตลับ ทำให้ต้องมีอัลบั้ม ทาทา วัน มิลเลียน กอปปีส์ เซเลเบรชั่น ตามมา แถมพ่วงท้ายด้วยเพลง ฉันรักเธอ ซึ่งก็กลายเป็นเพลงฮิตระเบิดระเบ้อ จนทำให้อัลบั้มนี้ขายได้อีกกว่า 1 ล้านตลับ

หลังจากออกอัลบั้มชุดแรก เธอก็มีงานคอนเสิร์ต มีอัลบั้มพิเศษ และมีอีกหลายอัลบั้มตามมา ทั้งที่อยู่ในสังกัดแกรมมี่ และในสังกัดใหม่ เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นดังระดับโลก ด้วยผลงานเพลงโกอินเตอร์ ที่เราๆ ท่านๆ ก็ทราบดีว่า นี่คือจุดเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนนี้มาจนถึงทุกวันนี้

หากถามผมว่า การที่ผมได้มีโอกาสนั่งไทม์แมชีนย้อนกลับไปในช่วงปี 2535 และทะลุมิติโผล่มาในปี 2538 ผมได้เรียนรู้อะไรจากตรงนี้บ้าง ผมได้เรียนรู้ว่า ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราก็มีอะไรที่เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้นี่แหละ ซึ่งมันก็เป็นความสุขที่กลายเป็นความทรงจำอันงดงามมาจนถึงทุกวันนี้ ถามว่าผมโตขึ้น อมิตา ทาทา ยัง ยังเป็นสาวน้อยแรกรุ่นอยู่อีกหรือเปล่า ก็เปล่าครับ เธอผ่านกาลเวลาและเติบโตมาพร้อมกับผมจนเป็นสาวเต็มตัวอายุ 34 ปี ในปีนี้

หากวันนี้ผมยังจะขอเรียกเธอว่าสาวน้อยมหัศจรรย์ก็คงไม่ผิดแปลก เพราะในวันที่เธอเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ ภาพจำของเธอมันงดงาม และแข็งแกร่งเหลือเกิน งดงามและแข็งแกร่งจนใครต่อใครก็มิอาจหลงลืม