posttoday

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

10 ตุลาคม 2556

“ไหม” ไม่ใช่ดารา นักร้อง หรือเซเลบริตี หากว่าเธอเป็นเยี่ยงนั้นได้จริง เธอก็ต้องเป็นดาวที่เจิดจรัสแสงในวงการอย่างไม่ต้องสงสัย

โดย...โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ จิมทอมป์สัน ฟาร์ม

“ไหม” ไม่ใช่ดารา นักร้อง หรือเซเลบริตี หากว่าเธอเป็นเยี่ยงนั้นได้จริง เธอก็ต้องเป็นดาวที่เจิดจรัสแสงในวงการอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เรากำลังหมายถึง “ไหม” ราชินีแห่งผ้าไทย ที่ถูกยกย่องให้โดดเด้งไม่แพ้ผ้าใดๆ ในปฐพี ถือเป็นนางเอกประจำงานที่คงความสวยสง่าตลอดกาลจนต้องร้องออกมาว่า “ออนซอนหลาย” (ออนซอน แปลว่า ตรึงใจ หลาย แปลว่า มาก)

ไหมมีชีวิต (!)

คงไม่ได้พูดเวอร์เกินเหตุ ผ้าไหมมีชีวิต เพราะชีวิตล้วนปรากฏอยู่ในผ้าไหมขั้นตอนการทำที่ต้องใช้เวลา สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น วิถีชีวิตถูกนำมาสะท้อนผ่านลวดลายผ้า ปรากฏเป็นความงดงาม ความอ่อนช้อย ความประณีต คละเคล้าด้วยความสนุกสนาน สีสันสดและหวานสลับกันไปบนมัดไหม ทุกอย่างต่างมีที่มา ความเชื่อทางวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นไม่เคยจางหายไปจากผืนผ้า มนต์สะกดของผ้าไหมทำเอาผู้พบเห็นตื่นตะลึงถึงขั้นอดใจไว้ไม่ไหวที่จะนำมาสวมใส่ “จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม” มุ่งหวังจะอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยไว้ จึงผุดโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ “ออนซอนหลาย ลายผ้าอีสาน” พร้อมภารกิจตามล่าหาผ้าไหม

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

คล้ายจะเป็นการตามล่าหาดาวมาประดับวงการผ้าไหมไทย เพียงแต่ดาวเหล่านั้นอยู่แถวชนบท ณ หมู่บ้าน ตำบล หรืออำเภอเล็กๆ ของภาคอีสาน พวกเขาคือช่างทำผ้าไหมขั้นเทพซึ่งไม่มีใครรู้จักโฉมหน้า ไม่รู้จักฝีมือ ทว่า ผ้าไหมบางผืน ที่หลายคนสวมใส่กัน ก็ล้วนเกิดจากฝีมือของพวกเขาจริงแท้ เพราะมันรวมถึงหลายๆ ชีวิต ชีวิตหนอนไหม อันเป็นหน่อเนื้อของผีเสื้อไหม ที่ค่อยๆ แปลงร่างกลายเป็นเส้นใยชั้นเยี่ยม ซึ่งก็ต้องพึ่งพาอีกหลายช่างทำผ้าไหมกว่าจะสำเร็จเป็นผืนผ้าได้

“อนัญญา เค้าโนนกอก” ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนย้อมผ้าสีธรรมชาติหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ นั่งเปิดอกคุยถึงการทำผ้าไหมในยุคดิจิตอล เธอบอกว่าแม้โลกจะเปลี่ยนไปและหมุนไวขึ้น แต่ช่างทำผ้าไหมแถวบ้านเธอยังคงใช้ชีวิตที่เนิบช้า หาได้เร่งรีบเฉกเช่นกระแสโลกไม่ ไม่ต่างอะไรกับการทำผ้าไหม ก็ต้องค่อยๆ ทำ โดยอาศัยฝีมือล้วนๆ ที่สืบทอดมากจากรุ่นย่ารุ่นยาย ลวดลายโบราณยังคงอยู่ วิธีทำก็ทำจากมือทั้งหมด นี่จะเรียกว่าว่าเป็นงานแฮนด์เมด หรืองานทำมือจริงๆ ซึ่งโลกดิจิตอลมิอาจทำได้เสมอเหมือน

“ตอนนี้กลุ่มมีสมาชิกประมาณ 162 คน แต่เกิน 50 คน ก็จะเป็นคุณย่าคุณยายวัย 70 ปี ที่ยังมีใจรักในการทำผ้าไหม และก็พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ วิชา ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน สิ่งที่จะต้องปรับสำหรับช่างยุคเก่า ก็คือวิธีคิด คุณย่าคุณยายยังคิดแบบเดิมๆ ทำแบบเดิมๆ โดยเฉพาะเรื่องลาย ท่านก็จะทำแต่ลายเดิมๆ ดิฉันเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานต่อ ก็พยายามจะคงลายโบราณที่ทำกันมายาวนานไว้ แต่ก็พยายามจะสอดแทรกความทันสมัยเข้าไปด้วย เพื่อว่าจะได้ลายผ้าใหม่และดูไม่เชย

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

 

ส่วนตัวดิฉันคิดว่าคนทำผ้าไหมจะมีความสุขมากนะถ้าผ้าของพวกเขามีคนชื่นชอบ ยิ่งมีคนสวมใส่ก็ยิ่งเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนทำ แม้ว่าตัวเองอาจจะไม่ได้ใช้เองก็ตาม การทำผ้าไหมมันเลยเป็นมากกว่าอาชีพ แต่มันคือความสุขและมันคือชีวิตของผู้เฒ่าผู้แก่ของคนอีสาน”

ไหมเนฟเวอร์ดาย (?)

ได้ยินบ่อยๆ ยีนส์ เนฟเวอร์ดาย ผ่านไปกี่ยุค กี่ พ.ศ. ยีนส์ก็ยังไม่เคยตายจากเราไปเลย แล้วไหมเล่า ยังจะเนฟเวอร์ดายอยู่มั้ย แม้ไหมจะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เมื่อกว่า 3,500 ปีก่อนคริสตศักราช ทว่า บนผืนแผ่นดินไทย ดูเหมือนไหมกับคนไทยก็ค่อนข้างจะสนิทแนบชิดกันมาก ยิ่งเฉพาะในรูปลักษณ์ผืนผ้า ไหมถือเป็นความคุ้นชินของคนไทยที่ไม่อาจปฏิเสธจากกันได้

จะให้ไหมคงอยู่และอยู่ตลอดไป ไม่ใช่เรื่องยาก หากทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจประสานพลัง ทำให้ไหมมีชีวิตมากกว่าชีวิตของไหม มากกว่าชีวิตของช่างทำผ้าไหม ก็ต้องนำไหมไปอยู่ในวิถีประจำวันของผู้คนธรรมดา เพื่อให้ไหมเป็นของใช้ที่สามารถหยิบฉวยมาใช้อย่างไม่เคอะเขิน ไม่ใช่แค่จะใช้เฉพาะวันพิเศษหรืองานพิธีรีตอง ไหมต้องเข้าถึงคนทั่วไปได้ ครานี้แหละ ขี้คร้านใครๆ ก็ต้องหลงรักไหม

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

 

“ดร.จารุพัชร อาชวะสมิต” ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งทอ ให้ความเห็นประเด็นนี้แบบติดตลกว่า เธออยากไปเข้าฝันให้เหล่าดีไซเนอร์ไฟแรงทั้งหลายปิ๊งไอเดียที่จะนำไหมไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าโมเดิร์น ยิ่งใครที่เป็นดีไซเนอร์ไทยที่มีโอกาสไปประกาศศักดาบนเวทีแฟชั่นวีคนานาชาติ ยิ่งอยากไปเข้าฝัน เพื่อให้ซูเปอร์โมเดลจะได้สวมใส่ชุดผ้าไหมสวยๆ เก๋ๆ ซึ่งนี่อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดกระแสไหมฟีเวอร์ มีคนพูดถึงไหมไทยในระดับเวิลด์ไวด์

“ดิฉันเชื่อว่าไหมยังไม่ตายง่ายๆ นะคะ ที่ไหมไม่ตายเพราะมันยังสวยงามอยู่ สวยงามแบบมีเอกลักษณ์ที่ผ้าอื่นไม่มี อย่างไหมอีสาน ก็มีดีที่ลวดลาย มีความละเอียด ช่างมัดเก่งมากๆ ซึ่งตัวไหมเองก็มีน้ำหนัก ทิ้งตัวได้ดี การทิ้งตัวดีมันก็ทำให้ไหมมีความสวยยิ่งขึ้น อีกอย่างคือ เรื่องสี ไหมอีสานมีสีที่หลากหลาย สะท้อนถึงสีที่เป็นท้องถิ่นชัดเจน

การจะทำให้ไหมไม่ตายคุณต้องรักไหมก่อนค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าไหมมีเสน่ห์ จนคุณต้องหลงรักมัน และอาจจะต้องดึงความเป็นป๊อปคัลเจอร์เข้ามาช่วยด้วย เพราะอย่าลืมว่าภาพไหมในความคิดของคนทั่วไป คือ ความแก่ ความเชย ความทันสมัยแทบจะหาไม่ได้จากไหมเลย พอไม่แนว วัยรุ่นก็ไม่อยากใช้ ฉะนั้น ดิฉันอยากให้ภาพเหล่านี้ถูกลบออกไป อะไรที่ดูแก่ๆ เชยๆ ก็ต้องปรับต้องแก้ค่ะ เพื่อไหมจะได้เป็นสตรีตแฟชั่นที่เข้าถึงทุกคน”

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

 

6 ไหมดีอีสาน ต้องมีไว้ในครอบครอง

ผ้าขิดไหม (กลุ่มสตรีทอผ้าขิดไหม ต.กุดแห่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู)

เทพแห่งไหม ที่ต้องอาศัยความชำนาญและชั้นเชิงทางฝีมือสูง ผู้ทำต้องมีความอดทนและความละเอียดลออ ด้วยกรรมวิธีที่ยุ่งยากและทอได้ช้า ยิ่งเฉพาะ เก็บขิด หรือเก็บดอก กว่าจะสำเร็จเป็นผืนผ้า นานนนนนน แต่เมื่อสำเร็จจะได้ผ้าไหมที่สวยงามจับใจ ลวดลายโดนๆ เช่น ลายลอยกระทง ลายดอกพิกุล ลายดอกบัว

ผ้าไหมแพรวา (ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์)

ไหมลายมัดหมี่ที่สืบทอดมาจากช่างชาวผู้ไทย ที่มีลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้แก่ ลายหลักกับลายแถบ เดิมแพรวามีแค่สีแดง ปัจจุบันได้เพิ่มสีสันมากขึ้น เพื่อความสวยงามและทางเลือกใหม่ๆ อาทิ สีครีม สีชมพูอ่อน สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียว ซึ่งสีที่ใช้ก็เป็นสีย้อมจากธรรมชาติ

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

 

ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ (กลุ่มทอผ้าโฮลโบราณสีธรรมชาติ ต.นาตัง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์)

ถามหาไหมมัดหมี่ที่สุรินทร์ จะรู้จักกันในชื่อผ้าโฮล อันเกิดจากลวดลายและการมัดย้อมนั่นเอง สืบทอดการทำมาจากราชสำนักโบราณของเขมร ลักษณะเด่นคือจะใช้เส้นไหมน้อย แต่มีการมัดย้อมเส้นพุ่ง ด้วยวิธีการเฉพาะเรียกว่า จนองโฮล

ผ้าไหมมัดหมี่ลายลูกแก้ว (กลุ่มรวมพลังพัฒนา ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์)

ลายลูกแก้วอันสวยงามเกิดจากวิธีการทอยกเป็นลายขัด และมีดอกยกนูนขึ้นวางเรียงกันเป็นระยะเท่ากันและซ้ำกันตลอดผืน ซึ่งลวดลายบนผืนผ้าจะขึ้นอยู่กับการเก็บตะกอ และจังหวะจากการเหยียบ นิยมนำมาเป็นผ้าคลุมไหล่ สีไม่ฉูดฉาดมาก

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน

 

ผ้าไหมหมี่คั่นตีนแดง (กลุ่มบ้านแวง ต.บ้านแวง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์)

ผ้าซิ่นตีนแดง หรือซิ่นหมี่รวด ทอด้วยไหมทั้งผืนหัวซิ่นและตีนซิ่น สีแดงสด ตอนกลางของผ้าจะเป็นลายมัดหมี่ เรียกว่าหมี่ขอ สีดำและสีน้ำตาลเหลือบทอง

ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ (กลุ่มทอผ้า บ้านหนองหญ้าปล้อง ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น)

สีธรรมชาติ ได้แก่ เปลือกมะม่วง เปลือกต้นประดู่ ใบหม่อน ลูกหม่อน ครั่ง คราม ใบสบู่เลือด ดอกอัญชัน และโคลน ถูกนำมาย้อมกับไหมมัดหมี่ลายกนกเชิงเทียน งามสง่าอย่างไม่น่าเชื่อ สมเป็นลายโบราณที่ไม่เหมือนใคร

(หมายเหตุ โครงการ “ออนซอนหลาย ลายผ้าอีสาน” เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษา 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ ได้ร่วมออกแบบลายผ้าอีสาน เพื่อต่อยอดผ้าไหมให้มีชีวิตชีวา โดยผลงานของน้องๆ จะถูกนำมาจัดแสดง ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ทัวร์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีสมา ระหว่าง 14 ธ.ค. 2556-12 ม.ค. 2557 คลิกดูรายละเอียด www.jimthompsononfarm.com)

ออนซอนหลาย ไหมอีสาน


 

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้