อะไรคือ ปาราชิกสังฆาทิเสสของภิกษุในพุทธศาสนา!!! (ตอน ๑๑)
นั่นเป็นปาราชิกทั้ง ๔ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของศีลปาฏิโมกข์ของพระสงฆ์ จริงๆ แล้วถ้าเราพิจารณาก็คล้ายๆ กับศีล ๕ ของชาวบ้าน
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
นั่นเป็นปาราชิกทั้ง ๔ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของศีลปาฏิโมกข์ของพระสงฆ์ จริงๆ แล้วถ้าเราพิจารณาก็คล้ายๆ กับศีล ๕ ของชาวบ้าน ห้ามลักทรัพย์ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามประพฤติผิดในกาม หรือข้ออวดอุตริมนุสธรรม ก็เหมือนกับห้ามพูดเท็จ คล้ายๆ กันแต่ลงลึกกว่า ปาราชิก ๔ พ่ายแพ้ในพระศาสนา ขนาดชาวบ้านยังต้องไม่ทำเลย เช่น การไม่ประพฤติในการเสพกามที่เป็นกามที่ผิด เป็นมิจฉา คือผิดไปจากการที่ควรทำ ชาวบ้านเสพได้ เสพอย่างถูกควร แต่ถ้าผิดเป็นมิจฉาธรรม คือไปเสพในสิ่งวัตถุที่ไม่ควรไม่มีสิทธิ ยังมีเจ้าของอยู่ ไม่ถูกต้องตามศีลตามธรรม ก็ถือว่าผิด หรือถ้าชาวบ้านประพฤติศีล ๘ สิกขาบทขึ้นมา ก็เป็นพรหมจรรย์ ไม่เสพไม่เกี่ยวข้องในกาม ซึ่งศีลชาวบ้านก็ยังทำได้ ฉะนั้นพระสงฆ์ก็ไม่ควรที่จะทำ เมื่อทำก็เหมือนชาวบ้าน ก็ควรขาดจากพระไป คิดสั้นๆ อย่างนั้น หรือการลักทรัพย์เช่นเดียวกัน อทินนาทานา ศีล ๕ ชาวบ้านก็ยังทำไม่ได้ ถ้าพระทำก็ไม่ควรเป็นพระก็ควรขาดจากความเป็นพระไป ไม่ควรอยู่เป็นพระเป็นภิกษุเป็นสมณะอีกต่อไป หรือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยิ่งการฆ่ามนุษย์ เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ในปาราชิกข้อนี้ถือเป็นฆ่ามนุษย์ การฆ่ามนุษย์โทษคือประหารชีวิตอยู่แล้วในทางโลก ฉะนั้นในทางความเป็นพระถือว่าประหารชีวิตออกไปจากพระศาสนานี้ คือตายไปจากพระศาสนา ก็ไม่ควรอยู่เช่นเดียวกัน หรือการพูดล่อลวงหลอกลวงหวังทรัพย์หวังสักการะด้วยเจตนา นั่นเป็นวิสัยของคนพาลทางโลก ถ้าพระสงฆ์กระทำอย่างนั้นก็ไม่ควรเป็นพระ ก็ควรขาดไปเรียกปาราชิกด้วยเจตนา จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่แปลก จึงควรลงโทษประหารชีวิตไปจากพระศาสนานี้ นั่นคือ ศีลในหมวดปาราชิก ๔
ในหมวดที่ ๒ เรียกว่า สังฆาทิเสส ๑๓ สังฆาทิเสสคือเป็นครุกรรมเช่นเดียวกัน หนัก แต่รองลงมาจากปาราชิก แต่ไม่ถึงกับตายไปจากพระศาสนา สามารถทำคืนกลับได้โดยอยู่ปริวาสกรรม เข้ากระบวนการของการรับโทษ เพื่อทำความสำนึกให้คืนกลับ ต้องพึ่งคณะสงฆ์ ต้องอาศัยคณะสงฆ์ ต้องมีการไต่สวนมีการตรวจสอบกันพอสมควร และต้องใช้กำลังสงฆ์เข้าช่วย เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการคืนกลับ มีการสวด มีการบอกกล่าวต่างๆ ตามกระบวนการนั้น (ตรงนี้ต้องขยายความ) แต่ต้องการแสดงให้เห็นว่า กระบวนการของการลงโทษในพระศาสนาก็มีไปตามขั้นตามตอน ตามน้ำหนักแห่งความผิดนั้นๆ คล้ายทางโลก จนถึงขั้นปาราชิกคือประหารชีวิต ถ้ารองลงมาแต่เป็นครุกาบัติ อาบัติหนัก เช่น สังฆาทิเสส ต้องอยู่กรรมจึงพ้นได้ อยู่ปริวาสกรรม
ข้อที่ ๑ ภิกษุนั้นมีใจที่กำหนัด กำเริบยินดี เจตนา และแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน จะด้วยวิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ ถ้าเจตนาชัดเจนและยินดีในการกระทำนั้น แม้โดยทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนมาจากลำกล้ององคชาติสักหยดสักหยาดหนึ่ง สำเร็จผลแล้ว จะต้องอาบัติสังฆาทิเสส เว้นไว้แต่นอนหลับฝันไป เพราะเวลาหลับไม่มีโทษ แต่เมื่อตื่นขึ้นมานั้นจะต้องไม่ยินดี หรือกระทำซ้ำ หรือเกิดความยินดีในขณะที่เกิดการเคลื่อนนั้น ถ้ายินดีขณะที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็ต้องโทษนี้นั่นคือข้อที่ ๑ ใน ๑๓ ข้อ
ข้อที่ ๒ ภิกษุมีใจกำหนัด มีความรู้สึกมีเจตนาชัดเจน และไปสัมผัสต้องกายหญิงมนุษย์ แค่ช้องผมหรือมวยผม จับนมจับแก้ม เคล้าคลึงจูบกอดหญิงมนุษย์นี้ไม่เป็นเรื่องเดรัจฉานมนุษย์อย่างเดียว ก็อาบัติสังฆาทิเสส แค่แตะขนก็โดนแล้วถ้าจิตกำหนัด เดินชนกันโครมครามไม่เป็นไร ถูกกระทบกระทั่งไม่รู้ไม่เป็นไร ก็ระวังจิตมีสังวรอินทรีย์ตลอด ก็จะรักษาศีลปาฏิโมกข์นี้ไม่พร่อง ไม่ด่างไม่พร้อย ไม่ขาดไม่ทะลุ
ข้อที่ ๓ มีจิตเจตนากำหนัดน้อมในกาม พูดแทะโลมเกี้ยวพันด้วยคำหยาบพาดพิงในการเสพเมถุน เปรียบปรายเข้าไปในทวารหนักทวารเบา พูดถึงการชำเราต่างๆ มุ่งเข้าไปในทวารหนัก ทวารเบา ของลับ และการกระทำนั้นมีเจตนาหรือจิตที่น้อมในกาม นี่เป็นสังฆาทิเสส
(อ่านต่อฉบับหน้า)


