หนี้ชีวิต ... คำแรกที่คุณพูดได้คือคำว่าอะไรครับ ?
หลายคนตอบไม่ได้ และอาจย้อนคนถามว่าใครกันจะไปจำได้ ขณะที่หลายคนตอบได้แม้ตอนพูดจะยังจำความไม่ได้ แต่มีเมื่อโตขึ้นก็มีคนบอกว่าคำแรกที่เขาพูดได้นั้นคือคำใด
โดย...วีรณัฐ โรจนะประภา [email protected] ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
หลายคนตอบไม่ได้ และอาจย้อนคนถามว่าใครกันจะไปจำได้ ขณะที่หลายคนตอบได้แม้ตอนพูดจะยังจำความไม่ได้ แต่มีเมื่อโตขึ้นก็มีคนบอกว่าคำแรกที่เขาพูดได้นั้นคือคำใด ซึ่งหากสำรวจจริงๆ มั่นใจว่าเกินครึ่งคำนั้นคือคำว่า “แม่” ครับ บางทฤษฎีมองว่าเป็นด้วยเพราะการออกเสียงที่ง่ายกว่าคำอื่นๆ ขณะที่บางความเชื่อมองว่าเพราะลูกผูกพันกับแม่มากที่สุดจึงเรียก “แม่” ได้ก่อนสิ่งอื่น แม่ให้กำเนิด แม่เลี้ยงดู แม่ห่วงอาทร
ความผูกพันที่แน่นแฟ้นนี้ กลายเป็นสายใยที่เหนียวแน่นที่สุด เหนียวยิ่งกว่ากาวทุกประเภทที่มนุษย์สามารถคิดค้นมาใช้ติดของบนโลกได้ แม่เสียสละให้ลูกได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง จนคำว่าแม่นี้ถูกนำมาใช้ร่วมกับความหมายอื่นๆ ในลักษณะของการเป็นผู้ให้กำเนิด ผู้เสียสละ ผู้คอยดูแลรักษา เป็นใหญ่ในเรื่องนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น “แม่น้ำ” “แม่ทัพ” “แม่กุญแจ” ที่ล้วนหมายไปในทางเดียวกัน คือเป็นใหญ่ในหมู่นั้นๆ แม่รักและห่วงเราปานนี้แล้ว เราควรตอบแทนพระคุณท่านอย่างไร? บางคนอาจคิดง่ายๆ หรืออาจไม่ทันได้คิดว่าท่านเหนื่อยยากเลี้ยงดูส่งเสียเราจนทำงานมีเงินแล้วเราตอบแทนท่านด้วยการให้ “เงิน” ซื้อหาของใช้ให้แล้วกัน
นั่นก็ดีระดับหนึ่งครับ ถือเป็นหน้าที่พื้นฐานที่ท่านเลี้ยงเรามา เราก็ควรเลี้ยงท่านตอบ แต่ที่สำคัญต้องไม่เผลอไปนึกว่าการให้เงินนั้นคือทั้งหมด เป็นการปลดเปลื้องหนี้ที่เราติดท่านได้แล้ว อย่าได้คิดเช่นนั้นเชียวนะครับ เพราะอย่าว่าแต่เงินเลย แม้แต่เป็นการกระทำที่ยากลำบากกว่านั้นมากมายยังไม่อาจพอเพียงที่จะบอกว่าได้ชดใช้บุญคุณของท่านได้หมด
ดั่งที่ในคัมภีร์ยกเปรียบเปรยไว้ว่าเหมือนเราให้พ่อแม่ขึ้นบ่าซ้ายขวา คอยดูแลท่าน เช็ดอุจจาระปัสสาวะที่ท่านถ่ายมาตลอดร้อยปีนั่นยังไม่พอเพียงกับบุญคุณที่ท่านทำไว้แก่เราเลย เพราะสิ่งที่ท่านให้เรานั้นไม่ใช่แค่เงินเลี้ยงดู เวลาดูแล แต่เป็น “ชีวิต” ตัวตนของเรานี้ที่ได้เกิดมาบนโลก ได้มาเสพสุข ได้มาแสวงหาทางพ้นทุกข์ ได้มีโอกาสต่อยอดบุญใหญ่แห่งอัตภาพสูงสุดของวิวัฒนาการนี้ ดังนั้น เมื่อท่านให้ชีวิตเราเท่ากับเราเป็น “หนี้ชีวิต” ท่าน การตอบแทนที่ถูกฝา ถูกตัว ได้ระดับเดียวกัน ก็คือเราต้องให้ชีวิตท่านตอบแทนคืน คืนชีวิตนี้มิใช่หมายถึงเราได้ช่วยชีวิตท่าน หรือไม่ได้หมายถึงเราต้องไปชดใช้ในชาติต่อไปด้วยการไปให้กำเนิดท่านนะครับ แต่หมายถึงการให้ชีวิตใหม่ในชาติปัจจุบันนี้ของท่านนี่แหละ ชีวิตใหม่คืออะไร ?
แน่นอนย่อมไม่ใช่ตายแล้วเกิดใหม่ หรือเฉียดตายรอดมาได้อย่างที่นิยมใช้กันว่าเหมือนได้ชีวิตใหม่ แต่คำตอบก็คือชีวิตบน “เส้นทางใหม่” ที่จะนำท่านไปสู่ปลายทางใหม่ นั่นแหละชีวิตใหม่ของแท้ แต่ที่สำคัญปลายทางใหม่นี้ต้องเป็นปลายทางที่ดีกว่าเดิม ถึงจะเป็นการตอบแทนใช้หนี้ หากเป็นปลายทางที่แย่ เลวร้ายกว่าเดิมก็อาจเป็นการสวนทาง คือเพิ่มหนี้กับท่านด้วย และปลายทางแห่งแสงสว่าง แห่งความสุขที่หากเราพาท่านเดินแล้วจะนำท่านไปสู่ความสุขอันยั่งยืน ก็ไม่เห็นเส้นทางไหนจะถูกต้องเท่าเส้นทางแห่งธรรมเลย
สรุปคือท่านให้ชีวิตเราจนเราได้พบปัญญาอันสูงค่าของศาสนา เราต้องตอบแทนด้วยการพาท่านขึ้นมาเดินบนเส้นทางเดียวกันนี้ ยิ่งหากท่านสามารถเดินทางไปได้ถึงที่สุดของทางเท่ากับเราชดใช้หนี้ท่านโดยสิ้นเชิงแล้ว ทั้งเท่ากับเรายังได้บุญกุศลเพิ่มอีกอักโขจากการได้มอบทางจนเกิดร่มโพธิร่มไทรเป็นเสาหลักให้กับสรรพสัตว์ สาธารณชนทั่วไปจากความสำเร็จของท่านอีก หรือแม้ท่านยังไปไม่สุดทาง แต่การที่เราพาท่านเข้าสู่ทางได้ก็นับว่าชดเชยชีวิตได้เหมาะสมกันแล้ว อย่าลืมนะครับ เหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านต้องคลุกอยู่กับโลก คลุกอยู่กับวิธีคิดแบบโลกๆ โลภๆ เอาเข้าตัว ตระหนี่ถี่เหนียว หรือเลยไปถึงขั้นเอารัดเอาเปรียบ คดโกงคนอื่นนั้น ก็มาจากท่านต้องการเก็บ หาเงินทองทรัพย์สินไว้ให้เรานั่นเอง
เราได้เห็นข่าวจำนวนมากที่แม่ยอมเป็นโจร ขโมยเพื่อหานมมาให้ลูกกิน ยอมทำผิดเสี่ยงติดคุกติดตะรางเพื่ออนาคตลูก จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็อาจพูดได้ว่าเรามีส่วนทำให้เส้นทางชีวิตของท่านมัวหมองลงไป การดึงท่านกลับมาสู่เส้นทางแห่งความดีนี้ จึงเท่ากับเป็นการแก้ไขสิ่งที่เกิดจากเราไปด้วย ถ้าเห็นด้วยกันวันหยุดยาวเข้าพรรษาอาสาฬหบูชาต่อไปถึงวันแม่ในเดือนหน้านี้ มาตั้งเป้าคืนหนี้ชีวิตนี้ให้ท่านกัน ชวนท่านเข้าวัด ฟังธรรม บริจาคทาน กันเสร็จแล้วจะพาท่านไปกินอาหารพร้อมหน้ากันให้ครอบครัวอบอุ่นจะทำให้ท่านอิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งใจมากทีเดียว
ที่สำคัญต้องไม่ท้อถอย ต้องค่อยๆ ทำเพราะเป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อเป็นแม่มักไม่ค่อยยอมจะเชื่อลูก ถือเสียว่าเป็นบทพิสูจน์ของการชำระหนี้ว่าเรามีความจริงใจจะชดเชยจริงไหม ถ้าจริงต้องไม่ท้อครับ ครั้งแรกท่านบ่ายเบี่ยง ครั้งสองปฏิเสธ ครั้งสามไม่ว่าง เราก็เพียรไป แต่ด้วยความฉลาดหาช่องทางที่เจาะเข้าสู่ใจท่านได้มากขึ้น ซึ่งทางนั้นที่ได้ผลที่สุดก็คือทำตัวเราเองให้มีสุขจากธรรมะให้ท่านเห็นก่อนครับ เมื่อท่านเห็นแล้วเดี๋ยวท่านจะเริ่มสนใจและคล้อยตามได้ต่อไป นี่ล่ะครับ สุขทั้งเราและได้ตอบแทนท่านอย่างถูกต้องด้วยครับ


