ท่าวาสุกรี ล่องลำน้ำสายประวัติศาสตร์
เช้าวันอาทิตย์วันนี้อาจจะเป็นวันที่สดใสที่สุดวันหนึ่งสำหรับเด็กกรุงเทพฯ ที่เกิดและเติบโตย่านชานเมือง
โดย...โยธิน อยู่จงดี
เช้าวันอาทิตย์วันนี้อาจจะเป็นวันที่สดใสที่สุดวันหนึ่งสำหรับเด็กกรุงเทพฯ ที่เกิดและเติบโตย่านชานเมือง ผมวางหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งลงข่าวสำคัญของชาวกรุงเทพฯ ถึงการผลักดันพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ช่วงสะพานพุทธฯ ไปจนถึงท่าวาสุกรี จำได้ว่าริมสองฝั่งแม้น้ำเจ้าพระยาแต่ละจุดล้วนมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ผมออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือสะพานพุทธ ให้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ทว่าสืบสินเพิ่งเขียนถึงสะพานพุทธฯ ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ผมจึงขอเริ่มต้นทริปนี้ด้วยการพาขึ้นเรือท่องจุดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจจากสะพานพุทธฯ
ตอนนี้เรือด่วนธงส้มกำลังเข้าเทียบท่า ฝูงนกพิราบก็แตกฮือไปตามแรงกระแทกตอนที่เรือกำลังเทียบท่า ผมก้าวขึ้นเรือด้วยใจระทึก เพราะหลายปีแล้วที่ไม่ได้ขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา มือหนึ่งสะพายกล้องอีกมือกำแผนที่ที่แจกนักท่องเที่ยวต่างชาติ เราก็กำลังจะออกจากท่าเรือสะพานพุทธฯ มุ่งหน้าชมทิวทัศน์สองข้างทางสู่ท่าเรือวาสุกรีเป็นท่าเรือสุดท้าย โดยใช้เรือด่วนธงส้ม 15 บาทตลอดสาย ซึ่งจะแวะเกือบทุกท่าที่มี
เมื่อเรือออกจากสะพานพุทธมองออกไปทางพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง ก็เห็นป้อมปราการริมน้ำที่ชื่อป้อมวิไชยประสิทธิ์ เป็นป้อมรักษาเมืองทางแม่น้ำที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือของกองทัพเรือ
ใกล้ๆ กับป้อมวิไชยประสิทธิ์ ก็จะเห็นพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม อยู่ลิบๆ ซึ่งวัดอรุณฯ นี้ก็เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา บ้างก็ว่าที่ตั้งวัดอรุณฯ นี้ เวลาชาวต่างชาติล่องเรือมาถึงประเทศไทยในยามเช้าก็จะเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ นี้ทุกครั้งไป จึงกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทยไปโดยปริยาย
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็คือวัดโพธิ์ อยู่ติดกับท่าเตียน คิดว่าผมคงไม่ต้องเล่าเรื่องยักษ์วัดโพธิ์ตีกับยักษ์วัดแจ้งที่ท่าเตียนที่เราต่างรู้จักกันดี แต่ท่าเตียนวันนี้กับเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ผมรู้จักยังเหมือนเดิมคือโล่งเตียนสมชื่อ
เรือเริ่มแวะจอดท่าเรือใหญ่ๆ ทีละท่า แต่ท่าที่ดูคึกคักมากที่สุดก็เห็นจะเป็นท่าช้าง ติดกับมหาวิทยาลัยศิลปากร กับท่าพรานนกวังหลัง โรงพยาบาลศิริราช เพราะทั้งสองท่านี้มีตลาดและร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้านให้เราแวะเดินเที่ยว ใกล้ท่าเรือนี้ผมมองเห็นยอดโดมที่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แต่ท่าเรือที่ผมอยากขึ้นไปพักมากที่สุดก็เห็นจะเป็นท่าพระอาทิตย์ ซึ่งมีจุดให้นั่งพักชมวิวใกล้ๆ และที่สำคัญร้านอาหารระดับตำนานของเมืองไทยต่างเปิดอยู่ที่ถนนเส้นนี้
เรือล่องต่อไปโดยมีจุดเด่นอยู่ที่สะพานพระราม 8 ผมเก็บภาพสะพานแต่ไกล ซึ่งดูเหมือนฟ้ายามฤดูฝนจะไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก คนบนเรือเริ่มมองด้วยสายตาปนยิ้มที่ผมเก็บภาพทุกสิ่งอย่างราวกับไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน พลางนึกในใจว่าถ้าจะถ่ายสะพานนี้ให้สวยคงต้องเลือกเวลากลางคืนที่เปิดไฟทั้งสะพานเราคงได้ภาพงามแปลกตา
เลยใต้สะพานพระราม 8 เราจะเห็นอาคารเก่าของธนาคารแห่งประเทศไทยตกแต่งใหม่อย่างสวยงาม และเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยให้เราได้เข้าไปเก็บเกี่ยวความรู้
จากท่าเรือเทเวศร์นี้เราก็จะถึงท่าวาสุกรี เป็นท่าเรือสุดท้ายตามแผนผลักดันให้เป็นพื้นที่มรดกโลก แต่เราไม่สามารถใช้ท่าวาสุกรีนี้ได้เพราะเป็นท่าเก็บเรือพระที่นั่งที่ใช้ในพระราชพิธี
ส่วนท่าวาสุกรีนี้เป็นท่าเรือที่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมกันได้ง่ายๆ แต่ในละแวกนั้นจะมีสถานที่สำคัญๆ ก็คือ ห้องสมุดแห่งชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ถ้าจะเดินชมก็ต้องขึ้นที่ท่าเรือเทเวศร์เท่านั้น
นับเป็นการท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาในราคาที่ไม่แพงและได้ความประทับใจอย่างที่สุด


