โชว์กะเทยเขมร
กลับมาจากพม่าได้เพียงวันเดียว ก็ต้องเดินทางไปเสียมเรียบตามคำชวนของตาเฮียสี่ เจ้าของบริษัททัวร์อินโดไชน่า เอ็กซ์พลอเรอร์
โดย...จำลอง บุญสอง
กลับมาจากพม่าได้เพียงวันเดียว ก็ต้องเดินทางไปเสียมเรียบตามคำชวนของตาเฮียสี่ เจ้าของบริษัททัวร์อินโดไชน่า เอ็กซ์พลอเรอร์
ความจริงเราซึ่งหมายถึง คุณสี่ ผม และสุเทพ พวงมะโหด ควรจะเดินทางไปตามเส้นทางเกาะกงออกทางเวียดนามตอนใต้ แต่ปัญหาอยู่ที่ผมกลับจากพม่าไม่ตรงตามกำหนด คุณสี่จึงเปลี่ยนแผนการเดินทางไปเส้นทางเสียมเรียบ-พนมเปญ-โฮจิมินห์ กันด้วยรถเมล์ปรับอากาศแทน
ความจริงการเดินทางด้วยรถเมล์เป็นเรื่องที่ผมถนัด เพราะไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสกับสภาพที่แท้จริงของผู้คนตามเส้นทางที่เราเดินทางผ่านไปแล้ว เรายังได้พักผ่อน (นอนหลับ) ระหว่างการเดินทางตามความต้องการของเราอีกด้วย เพียงแต่เราลงไปถ่ายภาพตามทางตามใจเราไม่ได้เท่านั้น แต่ถ้าคนมีแง่คิด มีมุมมอง ก็จะไม่เป็นปัญหา อยู่ที่ไหนก็มีแง่มุมให้เราเขียนได้ทั้งนั้น
ผมเริ่มต้นไปจากปอยเปตด้วยรถแท็กซี่ที่คุณสี่สั่งรอไว้ให้ เขาพูดไทยได้ ผมจึงได้ทราบว่าครอบครัวของเขารอดจากการฆ่าโหดของเขมรแดงมาได้ ก็เพราะพวกเขาเป็นประชาชน ไม่ใช่เป็นข้าราชการหรือปัญญาชน สมัยก่อนพ่อเขาต้องสงสัยว่าขายของให้เขมรแดง จึงโดนทหารเฮงสัมรินจับไปสอบสวน แต่ก็ถูกปล่อยกลับเพราะเขาเคยทำอาหารให้หัวหน้านายทหารเวียดนามกิน
ครอบครัวคนเขมรในยุคนั้นอยู่กันท่ามกลางเขาควายเหมือนกับคนไทยในยุคสงครามคอมมิวนิสต์เหมือนคน 3 จังหวัดภาคใต้เวลานี้ คือ เข้าข้างใดข้างหนึ่งก็ลำบาก ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่งก็ถูก “ต้องสงสัย” จากทั้งสองฝ่าย
ยุติเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ฤดูนี้เป็นฤดูน้ำหลาก งูน้ำริมทะเลสาบมีมากเป็นพิเศษ เพราะเตรียมตัวออกลูกกันริมน้ำ เพื่อลูกๆ ที่เกิดใหม่จะได้กินปลาเล็กที่หากินอยู่ริมน้ำ งูจึงเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งของคนริมตนเลสาบ
อาหารเขมรก็คล้ายๆ กับอาหารไทย คือ มีต้ม มีทอด มีผัดแบบเดียวกัน ต่างกันที่วัตถุดิบ กัมพูชาเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ แต่ในไทยเป็นอาหารประดิษฐ์ ปลา ไก่ กุ้ง หมู หรืออื่นๆ มาจากฟาร์มผูกขาดการค้า วัตถุดิบแบบนี้ถ้าไม่จำเป็นผมก็จะไม่กิน เพราะปนเปื้อนด้วยเคมีการเกษตร แต่ที่เขมรบริษัทผูกขาดไทยยังเจาะไม่เข้า เพราะเขมรมีการปฏิรูปที่ดิน ประชาชนมีที่ดินอยู่ในมือ ปลูกผักและเลี้ยงสัตว์กินเองโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทผูกขาดการค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร กินแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นโรคไตวาย มะเร็ง หรือโรคที่เกิดจากอาหารแบบเมืองไทย แม้จะไม่อร่อยเท่าก็ตาม
งูน้ำเป็นๆ ที่จะถูกเอามาทำอาหารขาย จะถูกจับมาขังเอาไว้ในโอ่งขนาดเล็ก หน้าตางูน้ำที่เขากินก็มีหน้าตาแบบที่ผมถ่ายภาพมาให้ดูนั่นแหละครับ พอเขาจะทำให้คนสั่งกิน เขาก็จะเอามาตัดหัว ถอดเสื้อ ล้าง และเอาไปสับให้ละเอียดทั้งกระดูก คนกินก็ต้องกินเนื้อและกระดูกไปพร้อมๆ กัน เขานิยมผัดกะเพราแบบบ้านเรา ไปคราวนี้ผมกินผัดกะเพรางูด้วย แต่ก็คงไม่กินมันต่อไปอีก (ถ้าไม่จำเป็น) เพราะไม่เห็นว่าผัดกะเพรางูจะอร่อยกว่าสัตว์อื่นอย่างไร
กลางคืนเราได้รับเชิญให้ไปงานโชว์กะเทยกันที่ในเมืองเสียมเรียบ เขาเพิ่งเริ่มธุรกิจชนิดนี้ขึ้นหลังจากนักธุรกิจไทยนำกะเทยไทยจากพัทยาไปโชว์ที่นั่น
แม้จะเป็นสินค้าตัวเก่าในเมืองไทย แต่มันเป็นสินค้าตัวใหม่ของเสียมเรียบ ดังนั้นการโชว์กะเทยเขมร (บวกกับกะเทยไทย) ในรอบปฐมฤกษ์ จะเทียบไม่ได้กับการโชว์กะเทยในไทย แต่ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จมาก (ฝึกแสดงกันเพียงไม่กี่วันแท้ๆ)
หลังเลิกงานมีผู้คนมาถ่ายภาพร่วมกับผู้แสดงด้วยความชื่นชม กะเทยไทยที่ไปร่วมสตาร์ตงานให้ แม้ดูสวยกว่ากะเทยเขมร เพราะศัลยกรรมตกแต่งมาอย่างเนี้ยบ แต่ถ้ากะเทยเขมรมีเงินทำศัลยกรรม กะเทยไทยอาจจะหนาวก็ได้
นี่เป็นทางออกทางหนึ่งของเพศที่สามของเขมร ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา กะเทยเต็มบ้านเต็มเมืองไม่มีปัญหา ปัญหาก็คือการไม่ยอมรับความเป็นมนุษย์ของกะเทย และการปกครองที่ทำให้คนรวยรวยล้นฟ้า คนจนจนติดดิน เกิดอาชญากรรมติดอันดับโลก รัฐกลายเป็น “รัฐล้มเหลว” (Fail State) ต่างหาก
สะพายกล้องท่องอาเซียนฉบับต่อไป จะเป็นประสบการณ์การนั่งรถเมล์จากเสียมเรียบเข้าพนมเปญ เข้าเมืองไซ่ง่อน เพื่อร่วมงานการท่องเที่ยวของประเทศลุ่มน้ำโขงที่มี 4 ประเทศ คือ ลาว เขมร เวียดนาม และพม่า ร่วมเป็นเจ้าภาพ ไทยเป็นเพียงแค่ประเทศผู้ได้รับเชิญให้ไปแสดงงานร่วมเท่านั้น เอ๊ะ! ไทยถูกตัดออกไปได้อย่างไรหว่า?
ขอบคุณ คุณสี่แห่ง Indochina Explorer สนใจสอบถามเรื่องราวการท่องเที่ยวในประเทศอินโดจีน ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-898-2324 หรือ 02-898-1617


